ตอนที่ 386 เหยียนจ่ง
ตอนที่ 386 เหยียนจ่ง
ไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงสามวัน เพราะวันรุ่งขึ้นกู้หมิงฉือได้เดินทางมาที่เถาหยางพร้อมกับรถที่ลูกน้องเขาเตรียมเอาไว้ตั้งแต่เมื่อคืน แม้แต่เผยตงที่มีกำหนดเข้ารับยาวันนี้ยังมาถึงทีหลังเขา
ทั้งคู่ต่างก็สวมเสื้อกันลมและจ้องมองกันท่ามกลางสายลมอันหนาวเย็น สายตาฟาดฟันของทั้งสองดูเหมือนจะทำให้อากาศรอบด้านเย็นลงเฉียบพลัน
ยาถูกขนย้ายขึ้นรถอย่างราบรื่น แต่กู้หมิงฉือกลับยืนอยู่ที่เดิมในขณะที่รถของเขาเคลื่อนตัวออกไปแล้ว ซูเถาเห็นอีกฝ่ายยืนนิ่งแบบนั้นก็เกิดความงุนงง “คุณไม่กลับไปเหรอ?”
“ผมมาเยี่ยมปู่” กู้หมิงฉือจัดปกคอเสื้อแล้วตอบซูเถาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
เหตุผลนี้ฟังพอใจเขา ซูเถาจึงนำเขาไปยังสถานที่ชายชรากู้ไปบ่อย ๆ นั่นก็คือห้องเรียนกลางแจ้งสำหรับนักเรียนชั้นประถม จากการมองอยู่ห่าง ๆ กู้หมิงฉือเห็นปู่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงและร่าเริงยืนอยู่กับเหล่าเด็ก ๆ พร้อมคุยโวโอ้อวดการกระทำอันเลื่องลือของเขาเมื่อสมัยเขายังเป็นเด็ก
ปู่ยังเล่าถึงวีรกรรมสมัยเรียนของเขาในตอนเด็ก เช่น ตอนหลานชายอยู่ชั้นประถม ถูกครูจับได้ว่าแอบทำเครื่องบินกระดาษในชั้นเรียน พอถูกจับได้ก็ลงโทษเขาให้พับเครื่องบินกระดาษสองร้อยลำในคืนเดียว ระหว่างพับไปก็ร้องไห้ไป หลังจากเหตุการณ์นั้นเขาก็ไม่กล้าทำมันอีก
กู้หมิงฉือที่ยืนฟังอยู่ด้านหลังก็รู้สึกอับอายเล็กน้อยกับการกระทำของตนเองในวัยเด็ก
ซูเถาหัวเราะเบา ๆ และแกล้งหยอกเย้าเขาอย่างขบขัน
“บอสกู้ ฉันไม่รู้วิธีพับเครื่องบินกระดาษเลย ดูเหมือนว่าคุณมีประสบการณ์มากเลยนะ ได้โปรดสอนฉันด้วย”
กู้หมิงฉือได้ยินดังนั้นก็หันหลังกลับ และเดินจากไปอย่างรวดเร็ว ความจริงแล้วเธอเตรียมตัวมาพูดเรื่องงาน ทว่าเพราะการหยอกเย้าของเธอทำให้คำพูดดี ๆ เหล่านั้นถูกปัดตกไปตั้งแต่ยังไม่เริ่ม
ก่อนเขาจากไปเธอก็ทิ้งคำพูดไว้หนึ่งประโยค “เขตตะวันออกจะได้รับการจัดการเช่นเดียวกับเขตอื่น ๆ”
ซูเถามองดูรถส่วนตัวของเขาแล่นออกอย่างช้า ๆ ก่อนจะหายลับไปจากสายตา นี่คือการร่วมมือกันในการจัดการเขตตะวันออกนะ
เธอส่งเสียงฮึดฮัดสองครั้ง น่าอึดอัดจริงเชียว! อย่ามานึกเสียใจทีหลังแล้วกัน
จงเกาอี้ถึงกับโทรศัพท์ไปสะกิดแผลใจของเขา “กู้เหล่าต้า ผมมองคุณจากระยะไกลนะ แต่ไม่เห็นคุณจะพูดอะไรกับเถ้าแก่ซูสักคำ แบบนี้ไม่ได้นะ ผมว่าคุณต้อง…”
กู้หมิงฉือวางสายโทรศัพท์ทันที เขาเองก็รู้ว่าทำแบบนี้ไม่ได้ แต่ทว่ามันควบคุมไม่ได้นี่…
เมื่อเขาออกไปได้สักพัก ก็รีบโทรกลับไปหาซูเถาโดยไม่ต้องให้หุยซู่คอยย้ำเตือน เขาต้องการบอกซูเถาเกี่ยวกับการหลบหนีของคนจากฐานติ้งหนาน เพื่อเป็นการขอโทษ แต่ใครจะรู้ว่าเมื่อเขาโทรไปหาเธอ กลับกลายเป็นว่าโทรไม่ติด
ซูเถาตั้งใจตัดสายเขา ไม่ใช่ว่าเป็นเพราะเธอไม่อยากคุยกับกู้หมิงฉือ แต่เป็นเพราะว่าเธอพบว่า เจียงถงไม่ได้สายตาสั้น เจียงถงต้องไปเรียนพร้อมกับเด็ก ๆ ที่เถาหยางเพราะเจียงอวี่ได้กำชับเอาไว้ ในช่วงพักระหว่างคาบเรียน จู่ ๆ แว่นตาของเธอก็ถูกเด็กชายผู้ซุกซนข้าง ๆ แย่งไป
ไม่ว่ายุคสมัยไหน ก็ต้องมีเด็กชายตัวแสบประจำห้องเรียน เด็กชายหลายคนโยนแว่นตาของเธอขึ้นไปในอากาศ และเผลอทำหล่นลงพื้น แว่นตาที่เปราะบางอยู่แล้วของเจียงถงได้รับความเสียหายทันทีเมื่อตกลงสู่พื้น
เมื่อซูเถากลับมาหลังจากส่งกู้หมิงฉือออกไปก็บังเอิญเห็นเจียงถงนั่งยอง ๆ อยู่บนพื้น เพื่อควานหาขาแว่นที่หักกระเด็นออกไป โดยมีเพื่อนร่วมชั้นตัวเล็ก ๆ ข้าง ๆ ช่วยหามันอย่างใจจดใจจ่อ
แน่นอนว่าขาแว่นที่แตกหัก อาจจะมีชิ้นส่วนกระเด็นออกไปไกล เพราะเมื่อควานหาอยู่เป็นเวลานานก็หาไม่พบ ทว่าในที่สุดเจียงถงก็เห็นมันอยู่ใต้โต๊ะแถวหน้า ระยะที่เจียงถงมองเห็นนี้ค่อนข้างไกล ไม่ใกล้เลยสักนิด อีกอย่างชิ้นส่วนที่เธอมองเห็นก็เป็นชิ้นเล็ก ๆ อีกด้วย…
หัวใจของซูเถาสั่นไหวเมื่อเธอเห็นแบบนี้
จากนั้นเธอก็จากไปอย่างเงียบ ๆ และไปหาเจียงอวี่ที่วันนี้เขารับหน้าที่เป็นผู้ช่วยของหมอจงเกาอี้ชั่วคราว
วันที่เธออยู่ในเถาหยางไม่ต้องออกไปทำธุระข้างนอก เจียงอวี่ก็สามารถไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระไม่จำเป็นต้องตามติดเธอตลอดเวลา
นับตั้งแต่ที่เจียงอวี่พบน้องสาว เขาก็ดูมีชีวิตชีวาและมีพลังมากขึ้น และเริ่มพูดคุยกับพูดคนรอบกายมากขึ้น เมื่อซูเถามาหาเขาก็พบว่าเขากำลังช่วยผู้เช่าที่มาซื้อยาให้ใช้ตู้จำหน่ายยาอัตโนมัติ
“เจียงอวี่ เชิญทางนี้หน่อยค่ะ”
เจียงอวี่วางสิ่งที่กำลังทำอยู่และเดินไปกับซูเถาอย่างรวดเร็ว บริเวณนี้ค่อนข้างปลอดผู้คน
“ถงถงสายตาสั้นเท่าไหร่?” ซูเถาถาม
เมื่อเจียงอวี่พูดถึงเรื่องนี้ เขาก็รู้สึกหดหู่ใจ
“ตาขวาสั้น 700 กว่า ส่วนตาซ้ายนั้นมีค่าสายตามากกว่าด้านขวา มันสั้นถึง 1,200 ไม่พอแค่นั้นยังสายตาเอียงอีก สงสัยต้องหาหมอช่วยดูสักหน่อย เธอยังเด็กมาก ถ้าไม่รีบแก้ไขสายตาอาจจะร้ายแรงขึ้นเรื่อย ๆ”
ซูเถาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า “ถ้าเธอไม่สวมแว่นตา เธอจะสามารถมองเห็นสิ่งเล็ก ๆ ที่อยู่ห่างออกไปห้าเมตรได้ไหม”
เจียงอวี่ส่ายหัวอย่างหนักแน่น
“ไม่ต้องพูดถึงระยะ 5 เมตรเลย เธอไม่สามารถแยกแยะระหว่างมนุษย์กับสัตว์ที่อยู่ห่างไปแค่ 1 เมตร เธอไม่สามารถหาสิ่งของเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้ ถึงแม้ว่าพวกมันจะอยู่ในระยะหนึ่งเมตร เว้นแต่ว่าพวกมันจะเคลื่อนที่”
ไม่สิ แบบนี้ไม่ถูกต้อง…ไม่ถูก
ซูเถาเลียริมฝีปากตนเองอย่างไม่รู้ตัว
“เจียงอวี่ คุณเคยคิดบ้างไหมว่าตาของถงถงอาจจะกลับมาเป็นปกติแล้ว หรือไม่ก็สายตาของเธอไม่ได้มีปัญหามากขนาดนั้น”
เจียงอวี่ส่ายหัวอีกครั้งด้วยความมั่นใจ
“เป็นไปไม่ได้ เธอพิการแต่กำเนิด เธอไปพบแพทย์ตั้งแต่ยังเด็ก พวกเขาบอกว่ารักษาไม่ได้ ทำได้แค่พยุงไม่ให้มันแย่ไปกว่านี้เท่านั้น… เถ้าแก่ซู เกิดอะไรขึ้นกับถงถงหรือเปล่า”
ซูเถาก็เลยตัดสินใจที่จะพูดออกไป
“ฉันรู้สึกว่าสายตาของเธอไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่ขนาดนั้น”
จากนั้นเธอก็อธิบายรายละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้น อีกทั้งเธอยังเห็นเจียงถงหยิบแว่นตาขึ้นมา
เจียงอวี่รู้สึกทึ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ในที่สุดก็หัวเราะออกมาและพูดว่า “อาจเป็นเรื่องบังเอิญหรือเพื่อนร่วมชั้นบางคนช่วยเธอไว้”
ซูเถาเลยหยุดพูด
ในตอนหัวค่ำเธอนำเรื่องนี้ไปเล่าให้สือจื่อจิ้นฟัง
สือจื่อจิ้นขมวดคิ้วและพูดว่า “ผมเฝ้าดูข้างนอกมาสองวันแล้ว แต่ว่าไม่พบสิ่งผิดปกติ สองพี่น้องใช้ชีวิตเป็นรูทีน และไม่ได้ออกไปไหนในตอนค่ำ จนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่เคยเห็นว่าเธอรูปร่างหน้าตายังไง คุณต้องล่อเธอออกมาให้ผมดู บางที ‘ดวงตาสำรวจ’ ของผมอาจเห็นอะไรบางอย่าง”
ยิ่งซูเถาคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีบางอย่างผิดปกติมากขึ้นเท่านั้น จากนั้นเธอก็พูดว่า
“หลอกล่ออะไรกันล่ะ คุณก็แค่ผ่านเข้าไปดู แต่ฉันว่าเรื่องนี้ไม่ง่ายจริง ๆ”
แต่คิดไม่ถึงว่าในขณะที่สือจื่อจิ้นซุ่มอยู่ด้านนอก และเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ที่จะผ่านเข้าไปในห้องของเจียงถง เพียงเพื่อจะพบว่าเธอไม่ได้อยู่ในห้องแล้ว
ในเวลาเดียวกัน เจียงถงได้ออกจากเถาหยางไปแล้ว แล้วมุ่งหน้าไปที่ตรอกมืดแห่งหนึ่งในตงหยาง เธอเฝ้าดูผู้หญิงคนหนึ่งที่มีใบหน้าที่สวยงาม ผมยาว ริมฝีปากสีแดง กำลังกินศพของชายคนหนึ่ง จากนั้นเธอก็ยืนขึ้นพร้อมกับเลียริมฝีปากของเธอแล้วพูดว่า
“เหยียนจ่ง ทำไมไม่มาลองชิมดูล่ะ ฉันเก็บเอาไว้ให้เธอแล้ว”
เจียงถงไม่ขยับ “คุณมาหาฉันมีเรื่องอะไร?”
ผู้หญิงคนนั้นแค่นเสียงหัวเราะออกมาเบา ๆ
“ฉันก็แค่อยากมาดูว่าเธอสบายดีไหมในโลกมนุษย์ เป็นไงบ้าง พี่ชายของเธอจะรับได้เหรอที่เธอเป็นสัตว์ประหลาดกินคน”
“เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับคุณ ไม่ต้องมาหาฉันอีก” เจียงถงพูดอย่างเย็นชา
ผู้หญิงคนนั้นค่อย ๆ ฉีกยิ้มออกช้า ๆ “ฉันทำเพื่อประโยชน์ของเธอเอง มนุษย์ไม่มีวันยอมรับเรา และเป็นไปไม่ได้ที่เราจะไม่กระหายมนุษย์ เธอควรเลิกเพ้อฝันในเรื่องที่ไม่มีวันสมหวังได้แล้ว”