ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก – ตอนที่ 401 การพบกันของโฮสต์ทั้งสอง

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

ตอนที่ 401 การพบกันของโฮสต์ทั้งสอง

ตอนที่ 401 การพบกันของโฮสต์ทั้งสอง

ซูเถาตัวแข็งทื่อ เธอเกือบจะคิดว่าตัวเองหูฝาดไปหรือเปล่า หลังจากที่เธอสงบสติอารมณ์ลงได้ ดูเหมือนว่าคำพูดของลั่วเหยียนเมื่อครู่จะมีคำว่า ‘เหมือนกัน’ อยู่ในนั้น

“คุณ?” เธอไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่ได้ยินเลย

เมื่อเห็นท่าทางประหลาดใจของเธอ ลั่วเหยียนก็รู้ได้ว่าเธอพอจะเดาออกแล้ว เลยรีบอธิบายให้เธอฟังเพิ่มเติม

“ใช่ ผมก็เหมือนกันกับคุณ พูดไปมันก็เหมือนเรื่องตลก ตอนที่ผมเพิ่งจะรู้จักกับม่านม่าน ไม่เพียงแต่ไม่ใช่ผู้ที่มีพลังวิเศษเท่านั้น แต่ผมยังเป็นผู้ชายยากจนคนหนึ่ง ไม่มีพื้นฐานครอบครัวที่ดี พ่อตาก็เลยไม่ค่อยชอบผม เขาคิดว่าผมเป็นคางคกที่อยากจะกินเนื้อหงส์ อย่าว่าแต่พ่อตาของผมเลย ในตอนนั้นผมก็ยังดูถูกตัวเอง”

เมื่อเขาพูดถึงเรื่องนี้ก็ไม่ลืมที่จะสารภาพกับภรรยา ในขณะที่ซูเถาที่ยืนอยู่ตรงนั้นก็รู้สึกเหม็นความรักไม่ไหว

“โชคดีที่ม่านม่านไม่รังเกียจในตัวผมและคอยสนับสนุนผมตลอดมา การที่ผมได้แต่งงานกับภรรยาที่อ่อนโยนและจิตใจดีแบบนี้ มันก็เหมือนกับว่าเธอคือพรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ผมได้รับในชีวิตนี้”

“เข้าประเด็นเถอะค่ะ…” ซูเถาทนไม่ไหว

“แต่แล้ววันหนึ่งผมเกิดมีเรื่องกับใครบางคนเพราะว่ารถมอเตอร์ไซค์ของผมถูกทุบ และในหัวของผมก็ได้ยินเสียงระบบ [การรวบรวมพลังงานเสร็จสมบูรณ์ การดาวน์โหลดสำเร็จ] [โฮสต์ต้องการที่จะผูกระบบการดัดแปลงยานพาหนะหรือไม่? หลังจากผูกสำเร็จ จะได้รับรถมอเตอร์ไซค์เครื่องยนต์ดีเซลคันใหม่สำหรับการใช้งาน]”

“ผมคิดว่าผมอาจปวดหัวเกินไปหลังจากที่รถของผมได้รับความเสียหายสมองถึงได้รับการกระทบกระเทือน”

ซูเถาก็นึกย้อนกลับไปในวันที่เธอได้ระบบ ตอนที่เธอถูกไล่ออกจากบ้าน เสียงในลักษณะเดียวกันก็ปรากฏขึ้น และครึ่งประโยคแรกก็เหมือนกันทั้งหมด

แต่ครึ่งประโยคหลังคือ ระบบถามเธอว่าตกลงที่จะผูกระบบเจ้าของอสังหาฯ หรือไม่ หลังจากผูกสำเร็จ เธอจะได้รับชุดอสังหาฯ พื้นฐานเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่น

“คุณก็ได้ยินเหมือนกันใช่ไหม” ลั่วเหยียนถาม

ซูเถาพยักหน้า และพูดเสียงระบบที่เธอได้ยินซ้ำอีกครั้ง

“ผมไม่เชื่อนะหากจะบอกว่าสิ่งนี้ไม่ได้ผลิตมาจากบริษัทเดียวกัน คำพูดเหมือนกันทุกประการเลย อีกอย่างระบบได้หลอกล่อให้คุณผูกมัดในตอนที่คุณไม่มีที่อยู่อาศัยใช่ไหม” ลั่วเหยียนบ่นพึมพำ

“ใช่เลย” ซูเถายืนยัน

เธอถูกไล่ออกจากบ้านและกลายเป็นคนไร้บ้านโดยสมบูรณ์ จู่ ๆ ระบบนี้ก็เกิดขึ้นและยื่นข้อเสนอให้เธอ และเพื่อให้มีบ้านอยู่ เธอจึงตอบตกลงอย่างไม่ลังเลใจ

เมื่อเธอได้ยินสิ่งที่ลั่วเหยียนพูด เธอก็รู้สึกตกใจ

ลั่วเหยียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดออกมาว่า “ตอนแรกผมคิดว่าเป็นผมคนเดียวซะอีกที่ถูกเลือก คิดว่าเป็นผมคนเดียวที่ถูกผูกกับระบบอยู่ในโลกใบนี้ มันช่วยให้ผมประสบความสำเร็จ ทำให้ชีวิตของผมไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป จนเมื่อผมได้พบกับนายท่านตระกูลเซียวและคุณ ผมคิดว่าเราน่าจะเป็นหนึ่งในโอสต์ที่ถูกเลือกแล้วล่ะ และคงมีอีกหลายชีวิตที่มีระบบเหมือนกันกับเรา”

“นายท่านตระกูลเซียว? พ่อของเซียวเหวินอวี้?”

เครื่องหมายคำถามลอยขึ้นเต็มหัวซูเถา

ในความเป็นจริงแล้ว เธอเองก็เคยคิดเหมือนกันว่าเธอเป็นคนเดียวที่ผูกมัดกับระบบ แต่เธอคิดไม่ถึงเลยว่าลั่วเหยียนเองก็เหมือนกัน และเหมือนว่าจะมีนายท่านตระกูลเซียวและคนอื่น ๆ อีกด้วย…

สิ่งนี้ทำให้ความเข้าใจของเธอที่คิดมาโดยตลอดถูกเททิ้ง

“ผมเดานะ ผมว่าระบบของนายท่านตระกูลเซียวนั้นค่อนข้างคล้ายกับของผม เพราะเขาก็สามารถดัดแปลงและสร้างยานพาหนะได้เช่นกัน แต่ดูเหมือนว่าความสามารถของเขาจะพิเศษกว่าเล็กน้อย ดูอเนกประสงค์และครอบคลุมมากกว่า” ลั่วเหยียนพยักหน้า

ซูเถาเกาหัวแกรก ๆ

“ผมไม่รู้ว่าผู้ที่คิดค้นและสร้างระบบเหล่านี้มีจุดประสงค์อะไร” ลั่วเหยียนใช้ความคิด

ซูเถาเองก็เกิดความสงสัยเหมือนกัน

“แต่ไม่ว่าจะด้วยจุดประสงค์ใด มันก็เป็นประโยชน์ต่อเรา จนถึงตอนนี้ ระบบไม่อนุญาตให้ฉันทำสิ่งใดที่เป็นอันตรายต่อชีวิตของฉันหรือทำลายผลประโยชน์ของมนุษยชาติ ตรงกันข้ามมันกลับนำสิ่งดี ๆ มาให้”

พื้นที่อยู่อาศัยที่ปลอดภัย มีที่กำบังลมฝน มีอาหารเพียงพอ และแม้แต่ยารักษาชีวิต

ซูเถาเชื่อว่าแม้ว่าจะมีจุดประสงค์อยู่เบื้องหลังแต่มันก็เป็นจุดประสงค์ที่ดี เช่นเดียวกับพวกเขา พวกเขาต่างก็หวังว่ามนุษย์จะสามารถอยู่รอดในโลกที่มีปัญหานี้ได้ดีขึ้น หรือยุติวันสิ้นโลกโดยเร็วที่สุด

ลั่วเหยียนเห็นด้วยกับสิ่งที่ซูเถาพูด

ถูกต้อง ไม่สำคัญว่าจุดประสงค์ของมันคืออะไร ตราบใดที่มันเป็นสิ่งที่ดีและไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ก็โอเคแล้ว!

สิ่งที่เขาดิ้นรนต่อสู้มาเป็นเวลานาน กลับได้เด็กสาวคนหนึ่งที่อายุอ่อนกว่าเขาเกือบ 10 ปี คิดและเข้าใจเรื่องนี้ได้อย่างถ่องแท้มาเตือนสติเขา

เขาอดไม่ได้ที่จะตบไหล่ซูเถาราวกับสหาย

“คุณพูดถูก! การที่เถาหยางมีคุณทำให้สถานที่แห่งนี้พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว และอนาคตมันก็จะพัฒนาดีขึ้นกว่านี้อย่างแน่นอน แต่นอกเหนือจากนี้คุณยังเป็นเพื่อนที่ดีของผมกับม่านม่าน หากในอนาคตคุณต้องการอะไรขอให้บอก ทางเชียนอันยินดีที่จะสนับสนุนคุณเสมอ”

หลังจากที่ถูกเข้าตีไหล่ ซูเถาก็วิงเวียนจนแทบจะตกเก้าอี้

เธอพยายามทรงตัวเอาไว้และเอ่ยปากว่า “ขอบคุณ”

ลั่วเหยียนอารมณ์ดีขึ้นเป็นอย่างมาก “ฐานทัพเคลื่อนที่ที่ม่านม่านมอบให้คุณก่อนหน้านี้ จะถูกส่งมาที่เถาหยางในวันรุ่งขึ้น ผมให้สิทธิ์ในการซื้อกับคุณก่อนที่ผมจะวางขาย พร้อมส่วนลด 20%”

เวลาที่เขามีความสุข เขาจะเสียงดังขึ้นเล็กน้อย เวินม่านที่รอยู่ด้านนอกจึงได้ยินอย่างชัดเจน

“ทำไมคุณถึงได้ขี้เหนียวขนาดนี้ คุณไม่จำเป็นต้องให้ส่วนลดอะไรทั้งนั้น ฉันจะซื้อให้เถาจื่อเอง! อย่ามาขี้เหนียวนะ!”

“…” ลั่วเหยียน

หลังจากที่เวินม่านและลั่วเหยียนกลับออกไปแล้ว ซูเถาทิ้งตัวนอนบนเตียงอีกครั้ง พลางเอามือกุมหน้าผากที่ร้อนผ่าวแล้วผล็อยหลับไปอีกครั้ง กว่าที่เธอจะตื่นขึ้นฟ้าก็มืดแล้ว และรู้สึกว่าอุณหภูมิร่างกายลดลงเป็นอย่างมาก ร่างกายของเธอก็ค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้น

เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเป็นภาพลวงตาหรือไม่ แต่สังเกตเห็นว่าร่างกายของเธอดูเหมือนจะสะสมพลังงานที่แข็งแกร่งและพร้อมที่จะโจมตีได้ทุกเมื่อ

สือจื่อจิ้นพาตัวเองลอยเข้ามาทางหน้าต่างและตอกบัตร ‘เข้างาน’ ของเขาในเวลาหนึ่งทุ่มตรง

เมื่อเห็นสภาพของเธอ เขาก็ยิ้มอย่างพอใจ

“ขอแสดงความยินดีด้วย ตั้งแต่วันนี้ไปคุณได้ถือว่าเข้าร่วมกลุ่มผู้ที่มีพลังวิเศษเป็นที่เรียบร้อยแล้ว”

ซูเถาก้มศีรษะลงมองไปที่ฝ่ามือตนเอง จากนั้นก็ลุกจากเตียงไปยืนที่ปลายเตียง ยื่นมือออกมาและยกเตียงทั้งหมดขึ้นอย่างง่ายดาย และวางลงด้วยท่าทีสบาย ๆ

ความรู้สึกที่เปี่ยมไปด้วยพลังนั้นช่างน่าอัศจรรย์ราวกับว่าเธอได้ย้อนเวลากลับไปตอนที่เธอใช้พลังจากผลึกนิวเคลียส ‘มี๋อิน’ เป็นครั้งแรก และกลายเป็นผู้ที่มีพลังวิเศษในช่วงเวลาสั้น ๆ

และวินาทีนั้นก็รู้ได้ในทันทีว่าตอนนี้เธอกลายผู้ที่มีพลังวิเศษระดับสอง

เพราะว่าความสามารถทางด้าน ‘การทำนาย’ ของเธอ สามารถแสดงภาพในอนาคตได้ในบางช่วงเวลาเท่านั้น และยังไม่สามารถให้คำแนะนำที่ถูกต้องแก่เธอได้

ตอนนี้ตราบใดที่มีพลังเพียงพอ เพียงแค่สัมผัสก็สามารถทำนายอนาคตของสิ่งต่าง ๆ ในอีกสามเดือนข้างหน้าได้อย่างแม่นยำ

ซูเถากำลังกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ ทันใดนั้นการมองเห็นของเฮยจือหม่าก็ถูกส่งมา มันพบกระเป๋าเป้และพบชิ้นส่วนของผิวหนังมนุษย์สด ๆ อยู่ข้างใน

เป็นฮว่าผีที่ทิ้งเอาไว้ก่อนที่จะหนีไป!

“เฮยโต้ว! บอกหลิงอวี่ให้นำมันกลับมาให้เร็วที่สุด!”

การที่เธอมีสิ่งของของฮว่าผี เธอก็จะสามารถทำนายที่ซ่อนของฮว่าผีในอนาคตได้ และเมื่อถึงเวลาเธอก็เพียงให้คนไปซุ่มโจมตีอยู่ที่นั่นเพื่อรอจับมัน!

วิธีนี้สามารถจับฮว่าผีได้แน่นอน

เฮยโต้วส่งเสียงร้องขึ้นในอากาศ จากนั้นก็หยุดการแบ่งปันการมองเห็น

หลิงอวี่คาบกระเป๋าเป้ไว้ในปากของมัน และบินมาทางเถาหยางในคืนที่มืดมิด

—————————————————-

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

Status: Ongoing
คอยดูเถอะ…วันสิ้นโลกแบบนี้ฉันจะยืนด้วยด้วยลำแข้งของตัวเองให้ได้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท