บทที่ 799 เฝยอี๋เอ๋ย แม้จะโอบรับความพิศวงก็ไม่ได้หมายความว่าจะไร้เทียมทาน!
ใครที่ยังแข็งแกร่งกว่ามัน?
แน่นอนว่าต้องเป็นคุณชายอย่างไม่ต้องสงสัย!
“คุณชายถึงกับลงมือเอง เบื้องหลังของความพิศวงมีสิ่งใดอยู่กันแน่?”
ต้นหลิวรำพึง น้ำเสียงเจือด้วยความสงสัยอยู่บ้าง
เพียงแค่ความพิศวงเหล่านั้น ย่อมไม่คู่ควรกับการที่คุณชายลงมือด้วยตนเอง เกรงว่าเบื้องหลังความพิศวงจะมีบางสิ่งล้ำลึกเป็นอย่างยิ่ง…
…
ภายในเมืองชิงซาน
ลานเล็ก ๆ ของหลี่จิ่วเต้า
จักรวาลเต็มไปด้วยดวงดารา กว้างใหญ่ไพศาลไร้ที่สิ้นสุด เต็มไปด้วยความลึกลับ หลี่จิ่วเต้าที่นอนอยู่บนเก้าอี้โยกพร้อม ‘แท็บเล็ต’ ในมือส่งหนึ่งความคิดเดินท่องไปในจักรวาล
“คุณชายดื่มชาเย็นหน่อยเถิด”
ลั่วสุ่ยเดินเข้ามาด้วยท่วงท่างดงาม ผิวขาวราวหิมะ รูปร่างสมบูรณ์แบบ ดูบริสุทธิ์อย่างยิ่ง
“ข้าเป็นเพียงเด็กน้อยยังไม่เติบโตดี…”
ที่ขอบสระน้ำ ชางเหยามุ่ยปาก มองลั่วสุ่ย จากนั้นก็หันกลับมามองตัวเอง อย่างน้อยรูปร่างก็ไม่ได้ห่างชั้นเกินไป…
“เจ้าจะสามารถเทียบกับพี่ลั่วสุ่ยได้อย่างไร?”
มัจฉาสัตมายาในสระน้ำส่งเสียง ‘บุ๋งบุ๋ง’ ออกมา
ชางเหยาย่อมสามารถฟังคำพูดของมัจฉาสัตมายาออก นางโกรธจนจับมัจฉาสัตมายาขึ้นมาทันที ก่อนจะช่วย ‘นวด’ ให้มัจฉาสัตมายาสักชุด!
“อืม ดี”
หลี่จิ่วเต้ายกชาเย็นขึ้นมาจิบ
ลั่วสุ่ยเดินไปด้านหลังหลี่จิ่วเต้า แล้วนวดไหล่ให้คุณชายด้วยความคุ้นชิน
ช่างสบายเสียจริง…
หลี่จิ่วเต้าสุขสบายเกินกว่าจะบรรยายออกมาได้ มือเล็ก ๆ ของลั่วสุ่ยกดลงบนไหล่ บีบนวดได้สบายยิ่งนัก ภายในใจถึงกับรำพึงว่าไม่มีชีวิตที่สมบูรณ์แบบไปมากกว่านี้อีกแล้ว ต่อให้นำความเป็นเซียนมาแลก เขาก็จะไม่แลก
ชาเย็นก็สดชื่นและหอมหวาน เป็นชีวิตที่น่าพึงพอใจที่สุดแล้ว!
เขาไม่ได้ไปดูโลกในแท็บเล็ตมานาน ครั้งนี้เขาตั้งใจจะเดินเล่นบนจักรวาลอันเต็มไปด้วยดวงดารา เพื่อบันทึกทิวทัศน์ของจักรวาลอันกว้างใหญ่แห่งนี้
แม้จะไม่ใช่โลกแห่งความเป็นจริง แต่ก็ไม่ได้มีอันใดต่างกัน โลกในแท็บเล็ตถูกสร้างขึ้นมาโดยอิงจากความเป็นจริง
เขาพบเรื่องนี้หลังจากเดินทางไปท่องทั่วอาณาจักร
เขาพบว่าทุกดินแดนที่ได้ชมล้วนเคยปรากฏให้เห็นในแท็บเล็ต คาดว่าผู้สร้าง ‘แท็บเล็ต‘ ต้องการจะสร้างโลกขึ้นมา โดยอ้างอิงจากความเป็นจริง
คิดดูแล้ว การจะสร้างโลกขึ้นมาจากความว่างเปล่านั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย อีกทั้งยังต้องมีรายละเอียดมากมายจึงจะสมบูรณ์แบบ ทำให้ยากยิ่งขึ้นไปอีก
การสร้างโลกขึ้นมาโดยอิงจากความเป็นจริงนั้นง่ายกว่ามาก
“เดินเที่ยวชม ก่อนจะวาดทิวทัศน์จักรวาลอันเต็มไปด้วยดวงดาราลงไป…”
ความคิดของหลี่จิ่วเต้าเดินท่องไปในจักรวาลหมื่นดารา ชื่นชมความงดงามตระการตาของจักรวาลอันกว้างใหญ่
“น่าตื่นเต้นเหลือเกิน น่ายินดียิ่งนัก!”
แท็บเล็ตในมือหลี่จิ่วเต้ากำลังร้องไห้ มันคิดว่าตนเองถูกลืมไปเสียแล้ว!
ทว่าเหมือนจะไม่ได้เป็นเช่นนั้น!
…
สนามรบ เมืองบรรพกาล
ในตอนนี้สิ่งมีชีวิตจากแดนบรรพโกลาหลทั้งหมดได้ถอยกลับเข้าไปในเมืองบรรพกาล บนกำแพงเมืองต่างเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตหนาแน่นจับจ้องมองออกไปด้านนอกด้วยใบหน้าจริงจัง
กระทั่งผู้ไร้เทียมหานอย่างราชันสุนัขยังตะโกนให้ถอย สิ่งมีชีวิตพิศวงที่มาในครั้งนี้จะต้องน่าหวาดหวั่นสะท้านฟ้าเป็นแน่!
“พวกเรายังต้องถอยไปอีกหรือไม่?”
“อยู่ที่นี่น่าจะปลอยภัยแล้วกระมัง?”
สิ่งมีชีวิตจำนวนไม่น้อยเอ่ยถามสุนัขสีดำ พวกเขารู้สึกว่าหากรั้งอยู่ในเมืองบรรพกาลต่ออาจไม่เป็นการดีนัก
อย่างไรเสียกระทั่งสุนัขสีดำยังเกิดความเกรงกลัวในสิ่งมีชีวิตพิศวงครั้งนี้ เช่นนั้นแล้วการป้องกันที่เตรียมไว้ในเมืองบรรพกาลจะต้องไม่อาจทำสิ่งใดได้อย่างแน่นอน
หากรั้งอยู่ต่อในเมืองบรรพกาลอาจไม่ปลอดภัยจริง ๆ…
“ไม่จำเป็นต้องถอยอีกแล้ว”
สุนัขดำเอ่ย “อยู่ที่นี่ต่อไป จะไม่มีเรื่องอันใดเกิดขึ้น”
พี่หลิวเองก็ให้ความสนใจกับสถานการณ์ทางนี้ เช่นนั้นจะสามารถเกิดเรื่องได้อย่างไร? ไม่มีทาง!
มันบอกให้สิ่งมีชีวิตแดนบรรพโกลาหลถอนตัวออกจากสนามรบเข้าไปยังเมืองบรรพกาล เนื่องจากเกรงว่าสิ่งมีชีวิตแดนบรรพโกลาหลเหล่านี้จะถูกลูกหลงหากยังอยู่ในสนามรบ
ไม่มีเรื่องเกิดขึ้นอันใดไร้สาระ!
บรรพจารย์เฝยอี๋เหยียดยิ้มเย้ยภายในใจ ไม่เชื่อในคำพูดของสุนัขดำ
ไม่มีเรื่องเกิดขึ้นแล้วจะวิ่งเพื่อสิ่งใด?
หากไม่มีเรื่องเกิดขึ้นจริง สุนัขดำจะต้องมุ่งตรงไปสังหารสิ่งมีชีวิตพิศวงอย่างแน่นอน
สิ่งมีชีวิตพิศวงที่มาในครั้งนี้ จะต้องน่าสะพรึงกลัวอย่างถึงที่สุดแบบไม่ต้องสงสัย ไม่ใช่สิ่งที่สุนัขดำจะรับมือได้
“เมื่อมาถึงแล้ว ข้าจะขอบากหน้าไม่อาศัย!”
มันลอบยิ้มเย็นชา ตัดสินใจว่ามันไม่อาจอยู่ฝั่งนี้ได้อีกต่อไป ไม่เช่นนั้นสุนัขดำจะต้องมาชำระบัญชีกับมันแน่ ตัวมันเองนั้นไม่มีพลังจะต้านทานแต่อย่างใด
อีกทั้งมันยังไม่เต็มใจจะปล่อยวางการแก้แค้น มันยังต้องการสังหารสุนัขดำ
หากมันยังคงอยู่ฝั่งนี้ ก็ไม่มีทางที่มันจะสามารถแก้แค้นได้
โฮก!
พลันมีเสียงคำรามอันน่าสะพรึงกลัวดังขึ้นมาจากภายในเส้นทาง ก่อนจะปรากฏร่างสิ่งมีชีวิต รวมทั้งสิ้นหกตน แต่ละตนล้วนมีร่างกายใหญ่โตมโหฬาร ลมหายใจที่แผ่เล็ดลอดออกมาช่างชวนให้ประหวั่นพรั่นพรึง!
ทั่วทั้งสนามรบสั่นสะเทือนอย่างหนัก กฎเกณฑ์และความว่างเปล่าถูกทำลาย เพียงพวกมันกู่ร้องอีกครั้ง ลมหายใจที่พลุ่งพล่านออกมาก็ทำให้สิ่งมีชีวิตแดนบรรพโกลาหลทั้งหมดศีรษะชาหนึบ
ช่างน่ากลัวเหลือเกิน นี่มันขอบเขตขั้นใดกันแน่? พวกเขาไม่อาจจินตนาการได้โดยสิ้นเชิง เพียงแค่พลังที่แผ่ออกมาจากลมหายใจของสิ่งมีชีวิตพิศวงเหล่านี้ก็เพียงพอที่จะสังหารพวกเขาได้นับพันครั้ง!
“ไม่ต้องกังวล จะต้องไม่เป็นอันใด”
สุนัชดำเอ่ยหวังให้สิ่งมีชีวิตภายในเมืองบรรพกาลผ่อนคลายลง บอกกับสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ว่าถึงแม้สิ่งมีชีวิตพิศวงเหล่านี้จะทรงพลังเพียงใด สุดท้ายพวกมันก็จะต้องถูกกำจัดสิ้น!
“เชื่อเจ้าก็บ้าแล้ว!”
บรรพจารย์เฝยอี๋ไม่ลังเลอีกต่อไป ทะยานออกจากภายในเมืองบรรพกาล พร้อมกับตะโกนออกไปเสียงดัง “อย่าได้ลงมือ ข้าเต็มใจยอมแพ้ โอบกอดความพิศวงเอาไว้!”
“สมควรตาย! ถึงกับกล้ายอมแพ้!”
“น่ารังเกียจยิ่งนัก!”
บรรพจารย์จากทุกดินแดนเอ่ยสบถสาปแช่งครั้งแล้วครั้งเล่า ตัวพวกมันนั้นแม้จะต้องตายก็ไม่มีทางยอมจำนน
เมื่อพวกมันโอบกอดความพิศวงแล้ว จะกลายเป็นสัตว์ประหลาดโดยสมบูรณ์ ถึงเวลานั้นจะไม่ใช่ตัวเองอีกต่อไป กลายเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตกระหายเลือด
“ดีมาก เจ้าส่งตัวเองเข้าสู่ความตายเอง เช่นนั้นก็ไม่อาจกล่าวโทษผู้อื่นได้…”
สีหน้าของสุนัขดำไม่แยแส สิ่งมีชีวิตพิศวงเหล่านั้นถูกกำหนดให้สูญสิ้น การที่บรรพจารย์เฝยอี๋แปรพักตร์ นับเป็นการส่งตนเองเข้าสู่หนทางตายอย่างไม่ต้องสงสัย
“ไม่เลว นับว่าเจ้ารู้จักดูสถานการณ์และตัดสินใจเลือกหนทางที่ถูกต้อง”
สิ่งมีชีวิตพิศวงทั้งหกตนไม่ได้โจมตีบรรพจารย์เฝยอี๋ ขอเพียงแค่ตัดสินใจจะเข้าร่วมความพิศวง พวกเขาก็ล้วนยินดีต้อนรับ ไม่ปฏิเสธแต่อย่างใด
สิ่งมีชีวิตพิศวงตนหนึ่งในหมู่พวกมันยื่นมือออกมา พริบตาเดียวพลังพิศวงอันแข็งแกร่งก็หลั่งไหลเข้าสู่ร่างของบรรพจารย์เฝยอี๋ บรรพจารย์เฝยอี๋ไม่ได้ต่อต้านแต่อย่างใด โอบกอดเอาไว้ด้วยความเต็มใจ เพียงไม่นานมันก็กลายเป็นสิ่งมีชีวิตพิศวง ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยขนปกคลุม!
มันกู่ร้องคำราม ดวงตาแดงก่ำเต็มไปด้วยจิตสังหาร ตอนนี้มันคิดเพียงอยากจะฆ่าและฆ่าให้มากขึ้น!
ในตอนนั้นเองพลันมีร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมาในระยะไกล บรรพจารย์เฝยอี๋ตื่นเต้นอย่างมากราวกับได้พบพานเหยื่อ รีบพุ่งตรงไปยังร่างนั้นด้วยจิตสังหารอันแรงกล้า
“!!!”
มุมปากของสิ่งมีชีวิตพิศวงทั้งหกตนกระตุกหลังจากเห็นบรรพจารย์เฝยอี๋พุ่งเข้าใส่ร่างนั้น
พวกมันอยากจะพูดออกมาเหลือเกิน เฝยอี๋เอ๋ย เจ้าเข้าร่วมกับพวกเราก็จริง ทั้งยังได้รับพลังพิศวงไป ทว่าเจ้าเองก็ไม่ได้ไร้เทียมทาน ไม่สามารถพุ่งไปสังหารใครก็ตามที่มองเห็นได้!
ร่างนั้นคือผู้ใดน่ะหรือ? นั่นก็คือตัวตนที่กระทั่งพวกตนยังกริ่งเกรง อีกทั้งยังเป็นเป้าหมายการเดินทางในครั้งนี้ด้วย เช่นนั้นแล้วบรรพจารย์เฝยอี๋จะสามารถต่อกรด้วยได้อย่างไร ทำได้เพียงแค่พุ่งไปถูกสังหาร!
ทว่าเป็นเช่นนี้ก็ไม่เลว พวกมันกำลังต้องการจะทดสอบความแข็งแกร่งของหลี่จิ่วเต้า
ใช่แล้ว ร่างนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหลี่จิ่วเต้า!