”ข้าต้องขอคิดดูก่อน” หงส์เพลิงผลักเขาออกและยืนขึ้น นางดูท่าทางกังวล
ชายหนุ่มไม่ได้บังคับนาง เขายื่นนิ้วออกไปลูบริมฝีปากของนาง แล้วใช้ดวงตาเย้ายวนเปี่ยมด้วยมนตร์สะกดคู่นั้นมองนาง ขณะเดียวกันใบหน้าหล่อเหลาของเขาก็ค่อยๆ ขยับเข้าใกล้นางทีละน้อย ”ได้”
ไม่ว่าเขาจะพยายามบิดหรืองอเพียงใด นางก็ไม่ยอมงอตาม
ไม่หวั่นไหวต่อคำเกลี้ยกล่อมหรือการบีบบังคับ ไม่มีอะไรผ่านเข้าไปในจิตใจของนางได้เลยแม้แต่อย่างเดียว
แต่มันก็ไม่สำคัญ คนประเภทนี้มีแต่จะยิ่งนำพาความพึงพอใจมาให้ทันทีที่นางตกเป็นของเขา…
หงส์เพลิงหอบน้ำศักดิ์สิทธิ์ออกมาเต็มแขนตอนที่เดินออกมาจากตำหนักเทพ
สามเณรน้อยและเซียนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในห้องบรรทม พวกเขารู้สึกประหลาดใจอย่างมาก ทั้งสองคนเสวนากันอย่างสันติหรือ
พวกเขาทำสงครามเย็นกันอยู่มิใช่หรือ
สามเณรน้อยตามความคิดของอรหันต์หงส์เพลิงไม่ทัน
เอาเถอะ ตราบใดที่พวกเขาไม่สู้กัน จะเป็นอะไรก็ดีทั้งนั้น
อย่างไรวันพรุ่งนี้ก็เป็นงานเลี้ยงฉลองของทางพระพุทธศาสนา และครั้งนี้ตี้จวินจะต้องถูกเชิญไปร่วมงานอีกครั้งอย่างแน่นอน
การคาดเดาของสามเณรน้อยนั้นถูกต้อง
ชายหนุ่มปรากฏตัวขึ้นที่งานเลี้ยงในวันรุ่งขึ้นอย่างที่คาดไว้ เขาเข้าร่วมงานด้วยชุดเสื้อคลุมสีขาวเข้าคู่กับผมสีดำและรอยยิ้มสง่างามบนใบหน้าของเขา
ใครก็ตามที่พยายามเข้าใกล้เขาล้วนแต่ถูกขวางทางไว้อย่างเย็นชา
หงส์เพลิงยังพิจารณาเรื่องนั้นอยู่ ดังนั้นนางจึงตัดสินใจที่จะไม่นั่งข้างเขา
แต่ทันทีที่นางเดินเข้ามา สายตาของอรหันต์และเทพธิดาทุกนางต่างก็เปลี่ยนไปเมื่อพวกเขาเห็นนาง
”หงส์เพลิงนี่นา”
”ชู่”
”ข้าได้ยินมาว่าเมื่อไม่นานมานี้นางเพิ่งย้ายเข้าไปอยู่ที่ตำหนักเทพ หึ นางย้ายเข้าไปทั้งที่ไม่มีสถานะใดๆ สมกับเป็นอรหันต์หงส์เพลิง ความคิดของนางมักจะแตกต่างจากพวกเราอยู่เสมอ”
”แล้วอย่างไร ถึงแม้นางจะย้ายเข้าไปอยู่ที่นั่น แต่ทุกวันนี้ตี้จวินก็ยังมาสวดมนต์กับดอกบัวทองคำอยู่ ตี้จวินชื่นชอบหญิงที่มีความบริสุทธิ์ ส่วนคนที่ทำตัวใจกล้าบ้าบิ่นเช่นนั้น เขาก็คงแค่เล่นสนุกกับพวกนางเท่านั้น”
”ลดเสียงลงหน่อย นั่นหงส์เพลิงเชียวนะ!”
”หงส์เพลิงแล้วอย่างไร นางคิดว่านางสามารถทำอะไรตามอำเภอใจได้เพียงเพราะนางมีตำแหน่งในพระพุทธศาสนาสูงกว่าคนอื่นหรือ”
ดอกบัวทองคำฟังเสียงเอะอะที่ดังอยู่รอบตัว แต่นางก็ไม่ได้คิดที่จะห้ามปรามพวกเขาแต่อย่างใด นางก้มหน้าลงจิบชาแล้วมองไปทางหงส์เพลิงหลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ”อรหันต์ไม่ต้องสนใจพวกเขา และอย่าได้เก็บเอาเรื่องนี้มาใส่ใจเลย แต่หลังจากนี้ท่านควรระวังตัวให้มากตอนที่คบหาดูใจกับตี้จวิน”
”นางต้องระวังตัวเรื่องอะไรหรือ” เป็นตี้จวินที่ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ คนที่รู้จักเขาดีย่อมรู้ว่าตอนนี้เขาชักเริ่มมีน้ำโหขึ้นมาแล้ว ”คนอื่นจะทำอะไร หรือจะไปอยู่ที่ไหน มันใช่สิ่งที่พวกเจ้าจำเป็นต้องหารือกันด้วยหรือ”
อรหันต์และเทพธิดาคนอื่นๆ รู้สึกอายอย่งมากเมื่อถูกชายที่พวกตนชื่นชมตำหนิ พวกนางก้มหน้าลงมองเท้าพลางคิดว่าพวกนางเผลอเสียมารยาทต่อเขาไปหรือไม่
ดอกบัวทองคำเงยหน้าขึ้น และอธิบายให้เขาฟังเบาๆ ว่า ”ตี้จวินเจ้าคะ มันเป็นเพียงการเข้าใจผิดกันเท่านั้น พวกเราเพียงแค่กลัวว่าอรหันต์หงส์เพลิงจะทำตัว…”
”ข้าไม่สนใจว่านางจะทำตัวเช่นไร” ชายหนุ่มยิ้มด้วยท่าทางไม่แยแส ”ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ถือสาอะไร เช่นนั้นย่อมหมายความว่ามันไม่ใช่เรื่องของเจ้า ข้าพูดถูกหรือไม่ พระอรหันต์”
มือซ้ายของดอกบัวทองคำกำแน่นเข้าหากันอยู่ชั่วขณะ นางยิ้มออกมาเมื่อรู้สึกได้ถึงความเจ็บนั้น แล้วจึงตอบเขาว่า ”แน่นอนเจ้าค่ะ ตราบใดที่ท่านไม่ว่าอันใด”
หงส์เพลิงมองสิ่งที่เกิดขึ้นและตระหนักได้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่มีใครบางคนพูดเพื่อนาง แม้ว่านางจะไม่เคยสนใจเสียงซุบซิบนินทาเหล่านั้นเลยก็ตาม
แต่… การมีคนรักให้ความรู้สึกเช่นนี้นี่เอง
หงส์เพลิงก้มหน้าลงมองฝ่ามือตัวเอง และเผลอมองชายหนุ่มที่เดินกลับมานั่งที่โดยไม่รู้ตัว ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาหันไปด้านข้างขณะรับฟังสิ่งที่เซียนที่นั่งอยู่ข้างๆ เขากำลังพูด เส้นโค้งราวกับรอยยิ้มที่อยู่บนริมฝีปากของเขาดึงดูดให้อรหันต์สาวๆ และเหล่าเทพธิดาที่อยู่รอบตัวแอบมองมาที่เขาได้เป็นอย่างดี
แต่จากที่ฟังคนพวกนั้นพูดเมื่อครู่นี้ ชายหนุ่มดูจะให้ความสนใจกับเรื่องประเภทนี้มากทีเดียว
เมื่อคิดได้ดังนี้ หงส์เพลิงจึงคว้าตัวโต้วจ้านเซิ่งฝูเข้ามาถามว่า ”ข้าขอถามอะไรท่านสักอย่างได้หรือเปล่า”
”หือ อะไรหรือ” หงส์เพลิง รีบบอกสิ่งที่ท่านต้องการมาเถอะ ทำไมท่านต้องแตะตัวข้าด้วย ทันทีที่ท่านแตะตัวข้า ตี้จวินก็ส่งสายตาเย็นชามามองทางเราทันที!
หงส์เพลิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงตัดสินใจถามออกไปอย่างไม่อ้อมค้อมว่า ”ตี้จวินเคยมีผู้หญิงคนอื่นมาก่อนหรือไม่”
โต้วจ้านเซิ่งฝูมองหงส์เพลิงอย่างไม่เชื่อ ”ท่านเป็นคนของพระพุทธศาสนาแน่หรือเปล่า ท่านไม่รู้สถานการณ์ของคู่ต่อสู้ได้อย่างไรกัน ท่านไม่รู้หรือว่าตี้จวินแทบไม่เข้าใกล้หญิงใดเลย ว่ากันว่าเคยมีคนพยายามพาผู้หญิงขึ้นเตียงเขามาก่อน แต่คนพวกนั้นก็ต้องลงเอยด้วยการถูกหักกระดูกเป็นชิ้นๆ และถีบหัวส่งไปยังโลกมนุษย์ เพราะอย่างนั้นข้าเลยถึงกับเคยคิดว่าเขามีปัญหากับเรื่องทำนองนี้หรือเปล่า แต่หลังจากนั้นข้าก็ได้รู้ว่าที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะเขารู้สึกว่าพวกนางสกปรก เมื่อสามร้อยปีก่อนเขาลือเรื่องนี้กันให้ทั่วภพสวรรค์ ท่านไม่เคยได้ยินมาก่อนหรือ”
”แน่นอนว่าข้าย่อมรู้เรื่องนี้ดี” แม้หงส์เพลิงจะไม่เคยสนใจเรื่องซุบซิบนินทา แต่นางก็ยังจดจำเรื่องสำคัญต่างๆ ได้ ”แต่ข้าหมายถึงก่อนที่เขาจะได้สถานะเป็นเทพต่างหาก” หลังจากกลายเป็นเทพ ความปรารถนาในเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ย่อมลดน้อยลง แต่ตอนที่อยู่ในโลกอันวุ่นวายนั้นมันแตกต่างกัน
โต้วจ้านเซิ่งฝูลูบคาง แล้วเอ่ยว่า ”ไม่มี ข้าได้ข่าวมาว่าสิ่งที่ตี้จวินโปรดปรานที่สุดตอนอยู่ในโลกอันวุ่นวายคือการเข่นฆ่าผู้คน เขาจะสังหารใครก็ตามที่เข้ามาใกล้ ดังนั้นจึงไม่มีผู้หญิงคนใดกล้าเข้าใกล้เขา นี่ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้พระพุทธศาสนาต้องการให้เขามาเป็นส่วนหนึ่งของเรา แต่เขาไม่ยินยอมที่จะทำเช่นนั้น…”
หงส์เพลิงยังจำชายหนุ่มที่ยืนอยู่ในวัดเหลยอินเมื่อครั้งนั้นได้ ทั้งภพสวรรค์และพระพุทธศาสนาต่างก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้
แต่เรื่องนั้นไม่ใช่สิ่งที่หงส์เพลิงเป็นห่วงอยู่ในเวลานี้
แทนที่จะเป็นเรื่องพวกนั้น…
นางกลับคลี่คู่มือที่อยู่ในมือออก บนนั้นมีข้อความเขียนไว้อย่างชัดเจนว่า ’ในฐานะฝ่ายที่มีอำนาจและมีเหตุผลมากกว่า ถ้านั่นเป็นครั้งแรกของอีกฝ่าย เราต้องรับผิดชอบอีกฝ่ายด้วย…”’
มันเป็นครั้งแรกของชายหนุ่ม
แม้มันจะดูเหมือนไม่ได้เป็นเช่นนั้น แต่มันก็เป็นครั้งแรกของเขาจริงๆ
หงส์เพลิงขมวดคิ้ว และเคาะนิ้วของตัวเองลงบนคู่มือ นางรู้สึกหมดความอยากอาหารมังสวิรัติที่อยู่ตรงหน้า
นางเดินตรงเข้าไปหาชายหนุ่มทันทีหลังจากงานเลี้ยงฉลองของพระพุทธศาสนาเสร็จสิ้นลง จากนั้นจึงมองเขาอย่างเยือกเย็น ”ข้ามีเรื่องจะคุยกับท่าน”
ชายหนุ่มนึกไม่ถึงว่านางจะเป็นฝ่ายเข้าหาเขาก่อน ดังนั้นเขาจึงเดินตามหงส์เพลิงเข้าไปในอารามที่สร้างจากไม้ของนาง แล้วเลิกคิ้วขึ้นอย่างขี้เล่น ”เจ้าตัดสินใจได้แล้วหรือ”
”ใช่” หงส์เพลิงกางคู่มือในมือออก แล้วบอกว่า ”ข้าถามคนอื่นเรื่องนี้มาแล้ว คนคนนั้นบอกว่านั่นเป็นครั้งแรกของท่าน”
ชายหนุ่มมองนางที่พูดเช่นนั้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง แล้วสายตาของเขาก็หยุดอยู่ที่คำว่า ’ฝ่ายที่มีอำนาจและมีเหตุผลมากกว่า’ เขากลั้นขำเอาไว้ไม่ไหวอีกต่อไป และหัวเราะขึ้นมาเบาๆ ก่อนถามว่า ”แล้วอย่างไรหรือ” นางเข้าใจสถานะของตัวเองผิดอีกแล้วหรือ
”ดังนั้น ข้าจะรับผิดชอบ” เป็นอย่างที่คิด สีหน้าของหงส์เพลิงแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด นางอ้าปากขึ้นอีกครั้ง แล้วกล่าวว่า ”มาอยู่ด้วยกันเถอะ”
แม้การให้ฝ่ายหญิงมาเป็นคนรับผิดชอบฝ่ายชายจะเป็นสิ่งที่ดูไม่สมเหตุสมผล
แต่ตี้จวินไม่เหมือนกับผู้ชายทั่วไป
ไม่ว่าอย่างไร สิ่งเดียวที่เขาสนใจก็คือผลลัพธ์
ในเมื่อผลลัพธ์ที่ออกมานั้นเป็นไปตามที่เขาปรารถนา
แน่นอนว่าเขาต้องตอบนางอย่างสุขุมว่า ”เอาสิ”
หากได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน จิตใจของเจ้าจะแน่วแน่ไม่สั่นคลอนได้อีกนานเพียงใด หงส์เพลิง…
ด้วยเหตุนี้ ความสัมพันธ์ใหม่ของทั้งสองจึงเริ่มต้นขึ้น
ปกตินั้นคนหนึ่งจะเล่นหมากรุกในขณะที่อีกคนสวดมนต์
ชายหนุ่มมักจะโอบเอวของหงส์เพลิงเอาไว้เสมอพร้อมกับสอนกลหมากให้กับนาง
ในที่สุดพวกเขาก็เริ่มดูสมกับเป็นคู่รัก
แต่หากเทียบกันกับชายหนุ่มแล้ว ความรักของหงส์เพลิง… จัดว่าบริสุทธิ์ไร้เดียงสากว่าเขามาก
ดังนั้นทุกครั้งที่พวกเขาจับมือกัน หงส์เพลิงมักจะรู้สึกหัวใจเต้นแรงราวกับมันไม่ได้เป็นของนางอีกต่อไป…