ยมทูตแห่งความมืด ผู้รับใช้สตรีศักดิ์สิทธิ์แสนขี้เกียจจอมโลภมาก – ตอนที่ 14

ยมทูตแห่งความมืด ผู้รับใช้สตรีศักดิ์สิทธิ์แสนขี้เกียจจอมโลภมาก

“…หาาา!?”

 

ฮารุ จอมเวทผมสีดำ ผู้ใช้เวทมนตร์สายความมืด ที่ครั้งนึงเคยถูกเรียกกันว่าจอมเวทที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก กับท่านโนอะ เป็นคนคนเดียวกันงั้นเหรอ?

เป็นเรื่องเล่าที่ตามปกติก็คงหัวเราะ ต่อด้วยตอบว่าเป็นไปไม่ได้หรอกอยู่แล้วล่ะ

 

แต่ว่า ถ้าเป็นเรื่องจริง อะไรๆ ก็เข้าเค้าขึ้นเยอะเลยนะ

เรื่องที่ท่านช่วยฉันที่มีพรสวรรค์ในการใช้เวทมนตร์สายความมืดมาด้วย

เหตุผลที่ท่านรู้เรื่องการมีอยู่ของเวทมนตร์หายากที่ไม่มีใครคนอื่นเลยที่รู้ถึงเรื่องนี้

แล้วก็ ก่อนอื่นเลย ก็เรื่องที่ว่ากุญแจเข้าสู่ที่นี่คือเวทมนตร์สายความมืดน่ะ

 

“จ- จริงเหรอคะ?”

“จริงสิ คนที่สืบทอดความทรงจำและประสบการณ์ทั้งหมดของฮารุมา ถึงแม้ว่าร่างกายจะเป็นเด็กอายุ 5 ปี แต่ภายในก็เก่าแก่กว่านั้นมากทีเดียว นั่นแหละคือฉันล่ะ”

“เอ๊ะ ไม่สิ แต่ว่า คือ สีผมมัน-”

“นี่น่ะ ถึงชาติก่อนฉันจะมีผมสีดำก็เถอะ ถ้าเป็นชาตินี้ด้วยอีกทีก็น่าเบื่อแย่ ถึงยังไงฉันก็อยากลองใช้เวทมนตร์ของผู้หญิงคนนั้นที่เอาชนะฉันได้ดูน่ะ

แต่ ข้อผิดพลาดก็คือเรื่องที่ว่ากุญแจเข้าสู่ที่นี่คือเวทมนตร์สายความมืด ฉันก็เลยไขเข้ามาไม่ได้ซักที ตอนที่ฉันกำลังค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับคนมีผมสีดำอย่างเอาเป็นเอาตาย เธอก็โผล่ขึ้นมาพอดีเลย ไม่สิ เธอทำได้ดีมากเลยนะ”

“ไม่ใช่แล้วค่ะ ก่อนจะเรื่องทำดีหรือเปล่า ที่ท่านพยายามจะยึดครองโลกทั้งชาติก่อนทั้งตอนนี้เลยแบบนี้ ท่านไม่ใช่คนดีสินะคะเนี่ย ดูห่างไกลจากความเป็นผู้กล้าสุดๆ เลย ดูยังไงก็ฝั่งจอมมารชัดๆ”

“ฉันไม่สนใจเรื่องยิบย่อยพวกนั้นหรอก ขนาดฉันเองยังตกใจเลยที่มีคฤหาสน์โอ่อ่ามาตั้งทับตรงที่ที่ฉันเคยใช้เป็นแหล่งกบดาน แถมตอนที่ฉันหาทางเข้ามาถึงที่นี่ได้ ก็เพิ่งมานึกได้ว่าตัวเองมีเวทมนตร์สายแสงสว่างอยู่นี่นา”

 

คนคนนี้นี่ ดูจะตกหล่นได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยแฮะ

มีอีกหลายเรื่องเลยนะที่ฉันอยากจะถาม แต่ก็ต้องหยุดเอาไว้ก่อน

เพราะเวทมนตร์สายความมืดของฮารุที่เคลื่อนลงมาเหมือนลิฟต์น่ะ ลงมาหยุดแล้วน่ะสิ

 

“มาถึงแล้วล่ะ ไม่ได้ใช้ซะนาน รู้สึกว่ามันช้าๆ เหมือนกันนะ”

 

หลังจากผ่านไปซักพัก ความมืดที่โอบล้อมรอบตัวของพวกเราก็หายไป

ตรงหน้าฉัน ก็ไม่มีอะไรเลยนอกจากบันไดง่ายๆ

 

“ไปก่อนนะ”

“อ๊ะ ค่ะ”

 

พอพวกเราเดินขึ้นบันไดไป พวกต้นไม้ที่เรียงเป็นแถวอยู่ข้างทางเดินก็มีไฟลุกขึ้นมา แล้วก็ส่องแสงจ้าออกไปทั่วเลย

 

“มีอะไรอยู่ข้างหน้างั้นเหรอคะ?”

“น่า ไปถึงแล้วเธอก็จะรู้เอง”

 

ตอนที่ฉันเซ็งๆ กับคำตอบของท่านโนอะ ฉันก็เห็นปลายทางของบันไดประมาณ 100 ขั้นนี่พอดี

แล้วหลังจากเดินผ่านบันไดที่ทอดยาวนั่น ตรงนั้นก็มี

 

“ว้าว…!”

“ถึงสำหรับฉันเองจะไม่ได้รู้สึกว่านานอะไร แต่ก็เป็นครั้งแรกในรอบพันปีเลยสินะ โล่งอกไปทีที่ดูจะไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย”

 

ภาพตรงหน้าที่แผ่กว้างออกไปนี่

 

คือห้องสมุด

 

ใหญ่กว่าห้องสมุดที่ฉันเคยรู้จักตั้ง 2-3 เท่า หนังสืออัดแน่นเต็มไปหมดเลย

หนังสือสะสมอยู่มากขนาดที่รู้สึกเหมือนกับว่าเป็นแหล่งรวมหนังสือทั้งหมดทั่วโลกมาอยู่ที่นี่ยังไงยังงั้นแหละ

 

“ท่านโนอะคะ! ที่นี่…!?”

“ห้องลับที่แม่มดฮารุและพวกพ้องเคยสร้างเอาไว้ยังไงล่ะ พันปีต่อมา นี่ก็เป็นห้องสมุดที่ใหญ่ที่สุดในโลกแล้ว มีตำราเวทที่มีอยู่บนโลกมากกว่า 90% แล้วก็ดูเหมือนจะคงสภาพเดิมไว้ได้ด้วย [เวทมนตร์สายผนึก] หนึ่งในเวทมนตร์หายากของพรรคพวกคนก่อนของฉันด้วยนะ ขนาดผู้ร่ายตายไปแล้วก็ยังทำงานอยู่เลย”

“ท- ทั้งหมดนี่เป็นตำราเวทหมดเลยเหรอคะ!?”

“ถูกต้อง มีหนังสือที่เขียนเกี่ยวกับเวทมนตร์สายความมืดอยู่นับไม่ถ้วนเลยล่ะ”

 

ไม่ใช่แค่นั้นนะ

ถ้าเกิดไม่ใส่พลังเวทของเวทมนตร์สายความมืดเข้าไปในที่ที่กำหนดล่ะก็ จะไม่มีทางเข้ามาที่ห้องสมุดนี้ได้เลย

เพราะว่าในโลกนี้ มันไม่มีของอย่าง ‘ฉันรู้สึกได้ถึงพลังเวท’ แบบที่เห็นกันบ่อยๆ ตามเรื่องแต่งเมื่อชาติก่อนด้วยสิ

พอคุณลักษณะของพลังเวทในแต่ละคนมันต่างกันไปเหมือนกับลายนิ้วมือ พลังเวทที่เราจะรู้สึกได้ก็จะมีแต่ของตัวเองเท่านั้นแหละ

เพราะแบบนั้น พื้นที่นี้ที่อยู่ลึกอยู่ใต้ดินสุดๆ ก็เลยไม่มีทางถูกหาเจอได้เลย

 

“มีแค่พวกเราเท่านั้นแหละที่อยู่ที่นี่ ทีนี้ พวกเราจะได้นั่งคุยกันซักที”

 

ท่านโนอะนั่งลงที่บนโต๊ะเขียนหนังสือที่อยู่ใกล้ๆ ก่อนจะมองไปรอบๆ ห้องสมุดด้วยท่าทางรู้สึกคิดถึง

 

“คุโระ ฉันจะให้โอกาสเธอถอนคำพูดของตัวเองก่อนหน้านี้นะ”

“เอ๊ะ? หมายถึงอะไรเหรอคะ?”

“ฉันหมายถึง ด้วยเรื่องที่พวกเราเพิ่งคุยกันเมื่อกี้นี้ ฉันอนุญาตให้เธอถอนคำถวายสัตย์ที่เธอบอกว่าจะภักดีต่อฉันได้ ถึงยังไง ฉันก็คือการเกิดใหม่ของผู้หญิงคนที่เป็นต้นเหตุที่ว่าทำไมเด็กๆ ที่มีพรสวรรค์ทางเวทมนตร์หายากต้องถูกกดขี่ แค่เพราะพวกเขาถูกเรียกกันว่าพวกเส้นผมชั้นต่ำเท่านั้นเอง ถ้าฉันไม่แพ้ให้รูชเมื่อตอนนั้น เธอก็คงจะไม่ต้องโดนทำร้ายทารุณถึงขนาดนี้หรอก”

 

ท่านโนอะเล่าเรื่องต่อมา ระหว่างนั้น คิ้วของท่านก็ขมวดเข้ามาด้วยความรู้สึกผิดไปด้วย

 

“เพราะฉะนั้น ถ้าเธอบอกว่าจะไปจากฉันแล้วตอนนี้ ฉันก็จะห้ามเธอเลย ขอแค่เธอช่วยลืมสถานที่นี้ไปทีก็พอ”

 

ท่านโนอะพูดออกมาแบบนั้นด้วยท่าทางเลี่ยงๆ ไม่อยากพูดแบบนั้นเท่าไหร่ ทางฉันก็

 

“ไม่ค่ะ ถ้าท่านไม่รังเกียจ โปรดให้ฉันรับใช้ท่านต่อไปแบบนี้ด้วยนะคะ ไม่ว่าท่านจะเป็นใคร เรื่องที่ท่านช่วยชีวิตฉันเอาไว้ก็ยังเป็นความจริงอยู่ดี ความเมตตานั้น ฉันจะต้องตอบแทนให้ได้เลยค่ะ”

 

ตอบกลับไปแบบเปิดเผยตรงๆ นี่แหละ

 

“…จะไม่เสียใจทีหลังแน่นะ? รู้ใช่มั้ยว่าจากนี้ไป ฉันจะไม่อนุญาตให้เธอจากฉันไปโดยไม่มีคำสั่งของฉันอีกแล้วน่ะ?”

“ค่ะ แบบนั้นก็ไม่เป็นไร หากว่าท่านต้องการพลังนี้ของฉันแล้วล่ะก็ เชิญใช้งานได้ตามสะดวกเลยค่ะ”

 

จะเป็นท่านโนอะ หรือจะเป็นฮารุ ยังไงก็ไม่เกี่ยวซักหน่อย

ฉันจะปกป้องชีวิตของคนคนนี้ที่ช่วยชีวิตฉันเอาไว้ให้ได้เลย

นั่นแหละ [ความหมายของชีวิต] ที่ควรค่ากับการอุทิศชีวิตของฉันให้ล่ะ

 

“ฮุฮุ เอาล่ะ แบบนี้ก็ดีเลย ถ้าอย่างนั้น ตอนนี้ มาพูดถึงความท้าทายของพวกเราในอนาคตกันเลยดีกว่า”

“ค่ะ!”

 

พอท่านโนอะลุกขึ้นยืน ท่านก็วาดนิ้วเขียนตัวอักษรอยู่ในอากาศ

จากนั้น เส้นแสงกับตัวอักษรก็ปรากฏขึ้นมา

เวทมนตร์สายแสงสว่างนี่สามารถเอามาใช้เขียนหนังสือในอากาศได้ด้วยสินะเนี่ย

 

“เรื่องที่จะต้องทำเพื่อยึดครองโลกน่ะมีอีกเยอะเลย แต่ถ้าสำหรับคุโระล่ะก็ แบ่งอย่างหยาบๆ ได้เป็น 3 อย่างนะ”

“3 อย่าง งั้นเหรอคะ”

“อย่างแรก ฉันต้องให้เธอได้รับการศึกษาขั้นต่ำและมารยาทในฐานะบริวารของฉันด้วย การยึดครองโลกน่ะเป็นสิ่งที่ทำกันหลังฉาก แต่หน้าฉาก ฉันก็คือบุตรีของตระกูลเทียไลท์ ขุนนางในย่านนี้อยู่ดี ในวัย 5 ปีแบบนี้ ฉันก็จะอยู่หลังหน้ากากของโนอามารี เทียไลท์ผู้ไร้เดียงสาล่ะนะ เพราะฉะนั้น ข้ารับใช้ของฉันอย่างคุโระก็ต้องเป็นคนลงมือออกเคลื่อนไหวอยู่มากไปโดยปริยาย”

“แบบนี้เอง”

“อย่างที่ 2 ก็คือ การค้นหาตัวผู้ใช้เวทมนตร์หายาก จากการที่เป็นลูกสาวขุนนาง ฉันก็จะถูกพาตัวออกไปเยี่ยมเยียนตามย่านชนบทหรือประเทศอื่นๆ อยู่บ่อยครั้ง ในช่วงระหว่างนั้นนะ คุโระ บางครั้งก็ให้อยู่กับฉัน ส่วนบางครั้งที่อยู่คนเดียว ก็ให้ค้นหาเบาะแสของคนที่มีพรสวรรค์ทางเวทมนตร์หายาก ที่ถูกเรียกกันว่าเส้นผมชั้นต่ำมาด้วย ขอให้เธอช่วยฉันดึงพวกเขามาเป็นบริวารของฉันด้วย

ถึงแม้ว่าเวทมนตร์หายากไม่ควรจะเป็นที่รู้กันแพร่หลายนัก แต่เรื่องที่พวกเราแค่ 2 คนจะทำได้กันก็มีจำกัดอยู่ดี นั่นสินะ รวมเธอด้วยแล้ว ฉันอยากได้ซัก 5 คนนะ”

“เข้าใจแล้วค่ะ”

 

เวทมนตร์สายความมืดกับเวทมนตร์สายแสงสว่างก็ทำอะไรได้น้อยจริงๆ นั่นแหละ

การที่อยากได้ความอเนกประสงค์มากกว่าเดิมนี่ ฉันเห็นด้วยเลย

 

“แล้วก็ อย่างที่ 3 ไว้ฉันค่อยให้พวกนักเวทย์หายากที่อยู่ในแผนนั่นทำทีหลัง แต่ฉันต้องให้คุโระเรียนรู้การใช้เวทมนตร์อยู่ที่นี่นะ”

“หมายความว่าให้ศึกษาจากการอ่านหนังสืออยู่ที่นี่สินะคะ”

“ถูกต้อง หนังสือที่มีการเขียนถึงเวทมนตร์หายากน่ะถูกเผาทำลายไปแทบจะหมดแล้ว นี่อาจจะเป็นแค่เล่มเดียวแล้วก็ได้ กลับกัน บันทึกทั้งหมดจากเมื่อพันปีก่อน เมื่อตอนที่เวทมนตร์ขึ้นถึงจุดสูงสุด ยังคงอยู่ที่นี่ยังไงล่ะ”

 

ท่านโนอะหยิบหนังสือเล่มนึงที่อยู่ใกล้ๆ ขึ้นมา ก่อนจะยื่นส่งมาให้ฉัน

 

“อย่างเช่น หนังสือเล่มนี้เป็นเล่มเดียวที่มีการเขียนเกี่ยวกับ [เวทมนตร์สายกาลเวลา] ที่ว่ากันว่าหายากที่สุดในบรรดาเวทมนตร์หายากทั้งหมด เล่มนี้คือความคิดของฉันที่มีต่อเวทมนตร์สายแสงสว่าง แล้วก็… อ๋า นี่ไง เล่มนี้เกี่ยวกับวิธีการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพและกลยุทธ์ของเวทมนตร์สายความมืดนะ”

 

หนายังกับพจนานุกรมเลยแฮะ แถมใหญ่ยังกับหนังสือภาพเลย

 

“นอกจากเล่มนั้น ฉันก็มีหนังสือเกี่ยวกับเวทมนตร์สายความมืดทุกเล่มจากทั่วโลกเก็บเอาไว้ด้วยนะ ถึงยังไง ก็เป็นเวทมนตร์ที่ฉัน (แม่มดทมิฬ) ใช้นี่นะ”

“ต้องจำให้ได้หมดเลย…”

“ถ้าแค่จำเฉยๆ มันจะเป็นปัญหานะ เธอต้องเรียนรู้มันต่างหาก นั่นสินะ ถ้ามีพรสวรรค์ของเธอด้วยล่ะก็ ภายใน 5 ปี เธอก็น่าจะใช้เวทมนตร์สายความมืดได้อย่างสมบูรณ์แล้วนะ คงต้องพยายามแบบรากเลือดเลย มีปัญหาอะไรมั้ย?”

 

ท่านโนอะพูดแบบนั้น พร้อมๆ กับที่เอาเอกสารอื่นๆ เกี่ยวกับเวทมนตร์สายความมืดมากองไว้ตรงหน้าฉันอีกเพียบเลย โจทย์ยากซะแล้วสิ

 

“ไม่ค่ะ ไม่มีปัญหา กลับกัน ฉันดีใจมากกว่าค่ะที่มีวิธีการควบคุมเวทมนตร์ที่ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องใช้งานมันยังไงเยอะแยะขนาดนี่เลย ภายใน 5 ปีสินะคะ? เข้าใจแล้วค่ะ ฉันจะลองทำอะไรซักอย่างดู”

“คิดไว้แล้วล่ะว่าเธอจะต้องพูดแบบนั้น”

 

ฉันไปหยิบกระดาษกับดินสอมา แล้วก็เริ่มศึกษาเลย

ทั้งหมด ก็เพื่อประโยชน์ของท่านโนอะ

เพื่อจะเป็นจอมเวทที่แกร่งที่สุด เพื่อกำจัดสิ่งขวางทางทุกอย่างที่ขวางกั้นหนทางสู่ความยิ่งใหญ่ของท่านโนอะให้พ้นทาง

 

TN: แอบสปอยไว้แล้วนะครับว่า โนอะอยากได้บริวารข้างกายไว้ซัก 5 คน ตอนนี้เรามีคุโระแล้วหนึ่ง ใช้เวทมนตร์สายความมืด อีกคน หลายๆ คนคงเดาได้แล้วนะครับว่าต้องเป็น “สแต” แน่นอน โผล่มาตั้ง 2 ตอนแล้วนี่ ส่วนน้องใช้เวทมนตร์สายอะไร ไปอ่านแล้วเดากันเองก่อนเนอะ

ส่วนอีก 3 คนนี่ ยังไม่มีบอกนะว่าเป็นใคร ผมสีอะไร หรือใช้เวทมนตร์อะไร รอติดตามกันดูนะครับ พอโนอะได้ลูกเรือครบ 5 คน จะได้ออกเรือมุ่งสู่แกรนด์ไลน์กันเลย 555

ยมทูตแห่งความมืด ผู้รับใช้สตรีศักดิ์สิทธิ์แสนขี้เกียจจอมโลภมาก

ยมทูตแห่งความมืด ผู้รับใช้สตรีศักดิ์สิทธิ์แสนขี้เกียจจอมโลภมาก

Status: Ongoing
ฉันถูกพ่อแม่ทำร้ายทารุณ แล้วกำลังจะเอาฉันไปขายอยู่แล้ว ฉันก็เลยชิงฆ่าตัวตายก่อนซะเลย ตื่นขึ้นมาอีกที ฉันก็มาอยู่ที่ต่างโลกแล้ว ที่นี่ เวทมนตร์ที่ใช้ได้จะถูกตัดสินด้วยสีผม นอกจากสีที่มีแล้วก็จะไม่สามารถใช้เวทมนตร์อื่นได้เลย แล้วฉันดันเกิดใหม่มามีผมสีดำ สีผมชั้นต่ำที่เลวร้ายที่สุด แถมยังโดนดูถูกเหยียดหยามอยู่ตลอดอีกต่างหาก ฉันเหนื่อยกับความอับโชคจากชาติก่อนเต็มทนแล้ว ฉันยอมแพ้กับทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ตอนนี้ ฉันก็ต้องมามีชีวิตแบบนี้อีกเนี่ยนะ “ถ้าหากไม่ว่ายังไง เธอก็จะทิ้งขว้างชีวิตของตัวเองอยู่แล้ว แบบนั้นมันเสียของออก เพราะฉะนั้น ใช้มันเพื่อฉันซะสิ” ฉันได้พบกับเจ้านายของฉันที่พูดเอาไว้แบบนั้น แล้วชีวิตของฉันก็เปลี่ยนไป ฉันกล่าวคำสาบาน จะขออุทิศทั้งชีวิตให้บุคคลคนนี้ ท่านโนอะ แม้จะเป็นเส้นทางสู่ความเป็นใหญ่สูงสุดที่ท่านเดินมุ่งไปนั่นก็ตาม ฉันหวังแต่ขอให้ท่านอยู่กับฉันจนถึงที่สุดก็พอ เพราะงั้นนะคะ ท่านโนอะ ได้โปรดยับยั้งเรื่องความเอาแต่ใจนั่นของท่านด้วยเถอะนะคะ! ※ตัวละครเอกเรื่องนี้ไม่ได้เป็นคนดี ใครต้องการเรื่องแนวแฟนตาซีโลกสวยล่ะก็ ขอเชิญเรื่องอื่นนะ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท