ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 284 อยู่ใกล้กัน(1)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 284 อยู่ใกล้กัน(1)

ตอนที่ 284 อยู่ใกล้กัน(1)

“อะไรนะ…พ่อบุญธรรมบาดเจ็บเหรอ?”

ฉินมู่หลานได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความตกใจและกังวลใจ แต่เธอทราบดีว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาถามอะไรมากมาย แค่มองดูความเร็วของรถคันนี้ก็ทราบได้ทันทีว่าเป็นเรื่องเร่งด่วน พอเธอทราบเหตุผลแล้ว หัวใจก็ตกลงไปอยู่ตรงตาตุ่ม ดูเหมือนว่าพ่อบุญธรรมจะได้รับบาดเจ็บสาหัส นั่นเป็นเหตุผลที่คณบดีฉู่เร่งรีบขนาดนี้

“ค่ะ ฉันจะไปที่นั่นกับพวกคุณ”

ฉินมู่หลานขึ้นไปนั่งบนรถด้วยสีหน้าเคร่งขรึม วันนี้เธอแค่จะมาดูที่สถาบันวิจัยเท่านั้น จึงไม่ได้นำของอย่างอื่นติดตัวมามากมาย ทั้งตัวมีเพียงเข็มทองชุดหนึ่งและของเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่อยู่ในกระเป๋า และไม่ได้นำยาอะไรติดตัวมาด้วย ก็ไม่รู้ว่าอาการของพ่อบุญธรรมจะสาหัสมากแค่ไหน

ไม่นานรถก็สตาร์ทขึ้นใหม่อีกครั้ง ก่อนจะขับเคลื่อนตรงไปข้างหน้า

ฉู่เทียนหลินเห็นว่าบรรยากาศค่อนข้างอึมครึม จึงพูดเอ่ยถามฉินมู่หลานอย่างช่วยไม่ได้ “ทำไมวันนี้คุณถึงมาที่สถาบันวิจัยล่ะครับ มาหาพ่อบุญธรรมเหรอ?”

ฉินมู่หลานได้ยินเช่นนี้ ก็พยักหน้าแล้วบอกกล่าว “ใช่ค่ะ พ่อบุญธรรมไม่ได้กลับบ้านมาหลายวันแล้ว ฉันก็เลยมาเยี่ยมหาสักหน่อย” พูดจบก็เอ่ยถามขึ้นอีก “พ่อบุญธรรมมีงานที่อื่นเหรอคะ ถึงต้องออกจากสถาบัน บาดเจ็บสาหัสไหมคะ?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉู่เทียนหลินก็หันมองด้วยความสงสัย

“คุณทราบได้ยังไงครับว่าสือเหิงไม่ได้อยู่ที่สถาบันตั้งนานแล้ว?”

ฉินมู่หลานเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อตอนมาหาที่สถาบันวิจัยในครั้งก่อนให้ฟังในทันที หลังจากนั้นก็พูดต่อ “วันนี้ฉันมาที่นี่เพราะจะมาดูว่าพ่อบุญธรรมกลับมาหรือยังน่ะค่ะ แต่ก็ได้ทราบว่าเขาได้รับบาดเจ็บ”

ฉู่เทียนหลินได้ยินแบบนี้ก็พยักหน้า แล้วไม่เอ่ยถามอะไรอีก

แต่ฉินมู่หลานเอ่ยถามต่อ “คณบดีฉู่คะ อาการบาดเจ็บของพ่อบุญธรรม ร้ายแรงไหมคะ?”

ฉู่เทียนหลินส่ายหัว แล้วพูดขึ้น “เรื่องนี้ผมก็ยังไม่แน่ใจมากนัก ผมทราบแค่ว่าสือเหิงได้รับบาดเจ็บ แต่จะร้ายแรงแค่ไหนนั้นทำได้แค่รอให้ถึงโรงพยาบาลก่อน แล้วก็คงจะทราบกัน”

ได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็ไม่ค่อยเชื่อนัก หากฉู่เทียนหลินไม่ทราบว่าเจี่ยงสือเหงบาดเจ็บร้ายแรงขนาดไหน แล้วทำไมเมื่อสักครู่ถึงได้เป็นกังวลนัก แต่ในเมื่ออีกฝ่ายไม่อยากอธิบายรายละเอียด เธอจึงไม่ถามอะไรมากมายอีก เดี๋ยวพอถึงโรงพยาบาลแล้วเธอก็จะทราบเองว่าพ่อบุญธรรมบาดเจ็บแบบไหน

เวลาต่อมา รถก็แล่นต่อไปอย่างเงียบ ๆ

ฉินมู่หลานหันหน้ามองวิวนอกหน้าต่าง แต่จิตใจกลับไม่ได้สงบ ตอนนี้เธอกำลังเป็นกังวลเรื่องเจี่ยงสือเหิง แต่ขณะที่รถกำลังแล่นไป ฉินมู่หลานก็รู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกไปเกี่ยวกับเส้นทางการเดินรถ “คณบดีฉู่คะ พวกเราจะไปโรงพยาบาลไหนเหรอคะ?” ทำไมถนนหนทางถึงได้รกร้างขนาดนี้

ฉู่เทียนหลินอธิบาย “พวกเรากำลังไปที่โรงพยาบาลทหาร”

“โรงพยาบาลทหาร?”

ฉินมู่หลานได้ยินเช่นนี้ก็ขมวดคิ้วขึ้นนิดหน่อย “ทำไมพ่อบุญธรรมบาดเจ็บถึงต้องส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลทหารคะ?”

“เรื่องมันยาวน่ะ เอาไว้พวกเราค่อยคุยกันทีหลังเถอะ” ฉู่เทียนหลินไม่ได้เอ่ยอธิบายอะไรมากมายนัก เพราะมีบางอย่างที่ต้องเก็บเป็นความลับ

ฉินมู่หลานเห็นว่าฉู่เทียนหลินไม่ได้อธิบายอะไร ก็ไม่เอ่ยถามอีก

รถแล่นไปข้างหน้าเรื่อย ๆ จนกระทั่งมาถึงที่หมาย ฉินมู่หลานเดินตามฉู่เทียนหลินไปทางหอพักผู้ป่วยโรงพยาบาลทหาร ทั้งสองเดินไปจนกระทั่งไปถึงห้องเจี่ยงสือเหิง เมื่อเห็นเจี่ยงสือเหิงกำลังนอนหลับตาอยู่ สีหน้าของทั้งสองก็ยับยู่

ฉินมู่หลานก้าวนำหน้าฉู่เทียนหลินไปหนึ่งก้าว จึงเป็นคนแรกที่ไปถึงเตียงผู้ป่วย หลังจากนั้นเธอก็ตรวจจับชีพจรของเจี่ยงสือเหิง

ตอนแรกฉู่เทียนหลินจะไปตามหมอมาเพื่อสอบถามอาการ แต่หลังจากได้เห็นท่าทางของฉินมู่หลาน เขาก็หันมองด้วยแววตาสงสัย “สหายฉิน คุณ…รู้ทักษะทางการแพทย์ด้วยเหรอครับ?”

ถึงแม้ว่าเจี่ยงสือเหิงจะเคยเล่าให้เขาฟังว่าเขามีลูกสาวบุญธรรมหนึ่งคน แต่ก็ไม่ได้เล่ารายละเอียดอะไรมาก เพราะฉะนั้นเมื่อเห็นท่าทางของฉินมู่หลานในตอนนี้ เขาจึงรู้สึกสงสัยนิดหน่อย

ฉินมู่หลานได้ยินเช่นนี้ ก็เอ่ยโดยไม่หันกลับไปมอง “ค่ะ ฉันรู้นิดหน่อย”

แต่เมื่อได้จับชีพจรของเจี่ยงสือเหิง สีหน้าของฉินมู่หลานก็ยับยู่น่าเกลียดมากยิ่งขึ้น เธอพบว่าเจี่ยงสือเหิงไม่เพียงแค่ได้รับบาดเจ็บเท่านั้น แต่ยังโดนวางยาด้วย และเป็นพิษที่ค่อนข้างตรวจเจอได้ยาก ทางโรงพยาบาลจึงตรวจไม่พบ จึงรักษาเพียงแค่หัวไหล่กับแขนเท่านั้น

เมื่อเห็นแบบนี้ ฉินมู่หลานก็หยิบเข็มทองพวกนั้นออกมาจากกระเป๋า พร้อมทั้งยืนขึ้นทำการฝังเข็มให้เจี่ยงสือเหิง เพื่อควบคุมการไหลเวียนสารพิษในร่างกายของเขา

“คุณทำอะไรน่ะ!”

ฉินมู่หลานเพิ่งลงมือ พยาบาลคนหนึ่งก็ประตูห้องพักผู้ป่วยก็เปิดออก เมื่อเห็นฉินมู่หลานกำลังลงมือก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อจะห้าม แต่ฉินมู่หลานไม่ได้สนใจหล่อนเลยแม้แต่น้อย ก่อนจะเริ่มทำการควบคุมการไหลเวียนสารพิษในร่างกายของเจี่ยงสือเหิงโดยไม่พูดอะไรสักคำ

“เอ๊ะ…คุณหยุดมือนะ คุณคิดจะทำอะไร หยุดมือเดี๋ยวนี้เลย”

พยาบาลคนนั้นกำลังจะก้าวเดินไปคว้ามือของฉินมู่หลาน แต่ก็โดนฉู่เทียนหลินขวางเอาไว้เสียก่อน ถึงแม้เขาเองก็ไม่รู้ว่าฉินมู่หลานคิดจะทำอะไร แต่ฉินมู่หลานคนนี้เป็นลูกสาวบุญธรรมของเจี่ยงสือเหิง ไม่มีทางทำร้ายเขาแน่นอน ดังนั้นเขาจึงรีบอธิบายทันที “พวกเราเป็นคนในครอบครัวของสือเหิง พอดีทราบข่าวว่าเขาได้รับบาดเจ็บก็เลยมาเยี่ยม นี่คือลูกสาวของสือเหิง หล่อนไม่ทำร้ายเขาหรอกครับ”

พยาบาลได้ยินแบบนี้ ก็หันมองฉินมู่หลานกับฉู่เทียนหลินด้วยความสงสัย “พวกคุณเป็นครอบครัวของคนไข้จริงเหรอคะ?”

“แน่นอน”

ฉู่เทียนหลินนำบัตรประจำตัวที่ทำงานออกมา ก่อนจะส่งให้พยาบาลคนนั้นดู

พยาบาลที่ได้เห็นบัตรประจำตัวที่ทำงานของฉู่เทียนหลิน ก็เชื่อมั่นในทันที แต่รู้สึกว่าการที่ฉินมู่หลานทำหัตถการให้คนไข้ตามใจตัวเองนั้นไม่ค่อยดีเท่าใดนัก จึงไปเรียกหมอ

หลังจากหมอมาถึง ฉินมู่หลานก็ทำการถอนเข็มออกเรียบร้อยแล้ว

“คุณคิดจะใช้ศาสตร์แผนจีนรักษาคนไข้เหรอ?”

หมอคนนั้นมองดูท่าทางของฉินมู่หลานก็เดาได้ทันทีว่าเธอมีความรู้เรื่องแพทย์แผนจีน ตอนนี้เมื่อเห็นว่าผู้ป่วยกำลังนอนหมดสติ จึงลองใช้ศาสตร์แพทย์แผนจีนกับผู้ป่วย เขาจึงได้แต่คิดว่าศาสตร์แพทย์แผนจีนจะไปทำอะไรได้ “เหลวไหล บาดแผลของคนไข้ได้รับการรักษาเรียบร้อยแล้ว คุณไม่ต้องมาทำการรักษาอะไรเพิ่มหรอก”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินมู่หลานก็หันมองหมอคนนั้นสักครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถาม “คุณคือหมอที่รักษาพ่อฉันใช่ไหมคะ?”

“ครับ”

หมอคนนั้นพยักหน้าแล้วรีบบอกกล่าว “ถึงแม้ว่าคนไข้จะยังไม่ได้สติ แต่บาดแผลบนร่างกายของเขาได้รับการรักษาเรียบร้อยแล้ว คาดว่าพรุ่งนี้ก็น่าจะฟื้นขึ้นมาแล้วครับ”

ฉินมู่หลานส่ายหัว แล้วพูดขึ้น “ถ้ายังไม่ฝังเข็มอย่างที่ฉันบอกล่ะก็ พรุ่งนี้พ่อบุญธรรมของฉันก็ไม่มีทางฟื้นขึ้นมาหรอกค่ะ”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าของหมอคนนั้นก็มืดมนลงทันที “คุณหมายความว่ายังไง”

“หมอคะ นอกจากพ่อบุญธรรมจะมีบาดแผลทั่วร่างแล้ว เขายังโดนวางยาด้วยค่ะ หากไม่รับการล้างพิษ เขาอาจไม่ฟื้นขึ้นมาอีก”

“อะไรนะ…วางยา!”

ฉู่เทียนหลินแทบไม่อยากเชื่อเมื่อได้ยินแบบนี้ “จะเป็นอย่างนั้นไปได้ยังไง” แต่เขารู้สึกว่าฉินมู่หลานไม่จำเป็นต้องโกหก และจ้องมองดูสีหน้าของเจี่ยงสือเหิงที่ดูไม่ค่อยสู้ดีนัก

ไม่ต้องพูดถึงฉู่เทียนหลิน แม้แต่หมอคนนั้นก็ยังรู้สึกแปลกใจ แต่เขากลับไม่เชื่อเลยสักนิด “ไม่มีทางหรอก พ่อบุญธรรมของคุณแค่บาดเจ็บ ไม่ได้ถูกสารพิษอะไร ตอนนี้คุณอย่าเพิ่งกังวลเกินเหตุ”

ฉินมู่หลานไม่พูดพล่ามให้เสียเวลา ดูเหมือนว่าจะได้เวลาถอนเข็มออกมาแล้ว เธอจึงกระชับจับเข้าที่เข็ม และถอนเข็มทองพวกนั้นกลับ ก่อนจะพบว่าตรงปลายเข็มกลายเป็นสีดำคล้ำ

ฉู่เทียนหลินเห็นเช่นนี้ ก็อดเอ่ยถามไม่ได้ “สือเหิงโดนวางยาจริงเหรอ?”

ฉินมู่หลานนำเข็มทองเข้าไปให้ฉู่เทียนหลินดูใกล้ ๆ พลางเอ่ยขึ้น “คุณดูเข็มทองนี่สิ ตอนแรกมันปกติ แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนสีไปแล้ว เป็นแบบนี้แล้วคุณยังไม่เชื่อฉันอีกเหรอคะ”

ฉู่เทียนหลินได้ยินแบบนี้ก็ส่ายหัวแล้วบอกกล่าวทันที “เปล่า ผมไม่ได้ไม่เชื่อคุณ แต่มันน่าแปลกใจเกินไป”

ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก และถอนเข็มทองออกอย่างระมัดระวัง เข็มทองที่ถูกใช้ไปแล้วจะนำกลับมาใช้ต่อในทันทีไม่ได้ ต้องนำกลับไปฆ่าเชื้อ

“นี่…”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

เจอพิษประหลาดเข้าละ ฝ่ายที่ลงมือกับพ่อบุญธรรมเป็นใครกันนะ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท