ตอนที่ 826 สุนัขชายหญิงคู่นี้หนีไปแล้ว
หลินม่ายเพิ่งรู้เรื่องนี้จากเหมาฉงในวันที่ห้าหลังจากที่อู๋เสี่ยวเจี๋ยนและหลินเพ่ยหนีไปพร้อมกับเงิน
เพราะตลอดห้าวันที่ผ่านมา ไม่มีใครเห็นอู๋เสี่ยวเจี๋ยน และไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นหรือตาย
ไม่ต้องพูดถึงป้าฝูที่ตื่นตระหนก แม้แต่ญาติและเพื่อนที่ให้ยืมเงินก็นั่งไม่ติดที่และถามป้าฝูว่าเกิดอะไรขึ้น ห้าวันผ่านไปแล้วแต่กลับไม่มีเงินปันผลคืนมา
นางเคยบอกว่าจะทำการส่งเงินปันผลทุกสี่วันไม่ใช่เหรอ?
ป้าฝูไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องโกหก โดยบอกว่าครั้งนี้อู๋เสี่ยวเจี๋ยนเดินทางไกลและไกลกว่านั้น และอาจจะไม่กลับมาอีกจนกว่าจะถึงสัปดาห์ต่อมาเพื่อแจกเงินปันผลให้ทุกคน
ทุกคนเชื่อคำพูดของนาง ดังนั้นจึงยังไม่ได้ร้องเรียนเรื่องนี้ไปยังสถานีตำรวจ
หลินม่ายตกตะลึง
ครั้งสุดท้ายที่เหมาฉงมาหาเธอ เขาให้เงินเธอมากกว่าหนึ่งพันหยวน
โดยบอกว่านี่คือเงินที่อู๋เสี่ยวเจี๋ยนขโมยมาจากผู้อื่น และเหมาฉงก็ขโมยมาจากเขา
หลินม่ายขอให้เขาบริจาคเงินเพื่อการกุศล
เธอคิดว่าอู๋เสี่ยวเจี๋ยนเป็นเพียงขโมย แต่ไม่คิดว่าเขาจะเป็นจอมหลอกลวงด้วย
ด้วยระดับสมองของอู๋เสี่ยวเจี๋ยน เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะคิดกลโกงนี้ได้ด้วยตัวเอง
แน่นอนว่าแผนการทั้งหมดต้องมาจากสมองของหลินเพ่ย
แม้ว่าหล่อนจะอ่อนแอและมีไอคิวต่ำ แต่หล่อนก็มีประสบการณ์ในการเกิดใหม่ และมีความเป็นไปได้ว่าจะใช้การหลอกลวงทางอินเทอร์เน็ตในชาติที่แล้วมาหลอกขโมยเงินจากคนในยุคนี้
หลินม่ายคิดว่าหลินเพ่ยไม่ได้ใช้ประสบการณ์การเกิดใหม่เพื่อหาเงินในทางที่ดี แต่ใช้การหลอกลวงบนอินเทอร์เน็ตในชาติที่แล้วเพื่อโกง หากหล่อนฝืนลิขิตฟ้า หล่อนจะต้องได้รับผลกรรมอย่างแน่นอน
คนจนในยุคนี้มีนิสัยเรียบง่ายเกินไป ไม่รู้จักการหลอกลวง และถูกหลอกง่าย
หลินม่ายรู้สึกเสียใจอยู่ลึก ๆ
เหมาฉงกล่าว “เป็นความผิดของผมที่แม้เฝ้าดูพวกเขาตลอดเวลา แต่กลับไม่รู้ว่าเขาคดโกง”
หลินม่ายปลอบโยนเขา “ไม่ใช่เรื่องของคุณ คนคดโกงไม่มีทางเปิดเผยอยู่แล้ว พวกเขาจะต้องแอบทำและแน่นอนว่าคุณจะไม่สังเกตเห็น”
เธอคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงกล่าว “ไปหาเหยื่อและแนะนำให้พวกเขาไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ จำไว้ว่าอย่าเปิดเผยตัวตนของคุณ หลังจากที่เหยื่อแจ้งความคดีนี้ คุณก็แจ้งเบาะแสโดยไม่เปิดเผยตัวต่อตำรวจ โดยบอกว่าอู๋เสี่ยวเจี๋ยนและหลินเพ่ยอาจหลบหนีไปที่กว่างโจวและฮ่องกง ให้ตำรวจส่งคนไปไล่ล่าสกัดจับที่ท่าเทียบเรือและสนามบินที่มุ่งหน้าสู่ฮ่องกง ดูว่าจะจับได้หรือไม่”
เธอต้องการที่จะคืนเงินให้กับผู้ที่ตกเป็นเหยื่อเหล่านั้น
แม้ผู้ถูกหลอกล้วนถูกหลอกเพราะความโลภ
แต่ก็ไม่ง่ายเลยสำหรับมนุษย์ที่จะประหยัดเพื่อออมเงิน ดังนั้นหากช่วยได้เธอก็จะช่วย
เหมาฉงสงสัยเป็นอย่างมาก หลังจากผ่านไปหลายวัน ทั้งคู่ก็ลักลอบเดินทางไปฮ่องกงแล้ว
หลินม่ายกล่าว “แน่นอนว่านี่เป็นคดีความ พวกเขาต้องพยายามอย่างเต็มที่”
เดือนกรกฎาคมผ่านไปเป็นเวลาสิบวันแล้ว โต้วโต้วและหลินม่ายเพิ่งได้มีวันหยุดที่จะใช้เวลาอยู่ด้วยกัน
วันหยุดฤดูร้อนนี้เธอไม่รีบร้อนที่จะกลับไปยังสำนักงานใหญ่ในเจียงเฉิง
นักเรียนหลายคนนัดหมายกับหลินม่ายเพื่อพูดคุยเรื่องขอทำงานระหว่างภาคฤดูร้อน
ตลอดวันหยุดที่ผ่านมา หลินม่ายไม่สามารถจัดหางานช่วงฤดูร้อนได้มากนัก
หลินม่ายต้องการทดสอบตลาดของอาหารกึ่งสำเร็จรูปเพื่อให้สามารถจัดหางานให้นักศึกษาเหล่านี้ได้
ครึ่งปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว และชีวิตของผู้คนก็มั่งคั่งกว่าปีที่แล้ว กระเป๋าสตางค์ของพวกเขาแน่นขึ้น และอำนาจการใช้จ่ายของพวกเขาก็แข็งแกร่งขึ้น
ในเดือนกรกฎาคมซึ่งเป็นฤดูที่ร้อนที่สุดของปี การทำอาหารก็เป็นเรื่องที่น่าปวดหัว
ดังนั้นหลู่ไช่และผักดองต่าง ๆ ของหลินม่ายจึงขายไม่ดีนัก และกำไรก็ตกต่ำลง
ในช่วงนี้จึงเป็นเวลาและสถานที่ที่เหมาะสมในการทดสอบตลาดและขายอาหารสำเร็จรูป
การขายผักสำเร็จรูปต้องใช้รถขนย้าย รถเก็บผัก เครื่องล้างผัก เครื่องตัดผัก และเครื่องบรรจุ
ด้วยวิธีนี้ นักศึกษาจะมีโอกาสในการทำงานมากมาย
นอกจากนี้ยังช่วยลดภาระของแม่บ้านและอำนวยความสะดวกให้กับครอบครัวที่มีรายได้น้อยเป็นอย่างมาก
ด้วยเหตุนี้ หลินม่ายจึงซื้อห้องเย็นขนาดเล็กเป็นพิเศษสำหรับตลาดผักหลักสามแห่งในเมืองหลวง และขอให้ฟางจั๋วเยวี่ยนำคนมาติดตั้งเครื่องจักร โดยเฉพาะเครื่องจักรเก็บผักกึ่งสำเร็จรูป
ห้องเย็นขนาดเล็กเหล่านี้เป็นประตูกระจกทั้งหมด และมองเห็นได้ชัดเจนว่าผักแบบใดถูกเก็บอยู่ภายใน ทำให้ลูกค้าเลือกได้ง่าย
ฟางจั๋วเยวี่ยทำงานหนักอย่างมากนับตั้งแต่วันที่เขาเลือกจะเปลี่ยนตัวเอง
ตั้งแต่คุณปู่ฟางไปจนถึงโต้วโต้ว ทุกคนต่างรู้สึกพึงพอใจในตัวเขา
เพื่อเป็นการตอบแทนฟางจั๋วเยวี่ย โต้วโต้วจึงวาดภาพให้เขา
หลินม่ายคอยสังเกตมาเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์นับตั้งแต่ผลิตภัณฑ์อาหารกึ่งสำเร็จรูปชนิดใหม่ปรากฏในตลาดหลายแห่งในเมืองหลวง
แม้ว่าพื้นที่ขายจะไม่ใหญ่มากนัก แต่ยอดขายก็มั่นคงและกำไรดี ดังนั้นเธอจึงโล่งใจ
ในขณะที่ขายอาหารกึ่งสำเร็จรูปในตลาด หลินม่ายก็ให้ความสนใจกับคดีฉ้อโกงของอู๋เสี่ยวเจี๋ยนเช่นกัน
แม้ว่าเธอจะเตรียมการอย่างรวดเร็วสำหรับเหมาฉงเพื่อให้เขารายงานคดีอาชญากรรมและแจ้งเบาะแสโดยไม่เปิดเผยชื่อแก่ตำรวจ แต่เธอก็ยังลงมือช้าเกินไป อู๋เสี่ยวเจี๋ยนและหลินเพ่ยรู้สึกได้ถึงการสอดแนม จึงหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อหลินม่ายได้รับข่าว เธอก็แจ้งให้เฉินเฟิงทราบทันทีและขอให้ช่วยจับตาดูว่าหลินเพ่ยและอู๋เสี่ยวเจี๋ยนมาถึงฮ่องกงหรือยัง
หากพวกเขามาถึงฮ่องกงแล้ว เธอจะส่งคนไปปล้นเงินของพวกเขา
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนจะขายน้องชายน้องสาวของเขาก็ต่อเมื่อพวกเขาไม่มีเงิน
หลินม่ายรู้ว่าวิธีการของเธอโหดร้ายเกินไป ตรงที่ใช้น้องชายน้องสาวของอู๋เสี่ยวเจี๋ยนเป็นเครื่องมือในการแก้แค้น
แต่พวกเขาก็เอาเปรียบเธอมากเมื่อชาติที่แล้ว ดังนั้นเธอจึงกลับมาเพื่อล้างแค้น
ในชีวิตที่แล้ว เมื่อน้องชายและน้องสาวของอู๋เสี่ยวเจี๋ยนรู้ว่าหลินเพ่ยและอู๋เสี่ยวเจี๋ยนกำลังจะฆ่าเธอ พวกเขาก็ไม่คิดจะแจ้งเธอเลย
พวกเขาทั้งหมดรอให้อู๋เสี่ยวเจี๋ยนได้รับมรดกของเธอ เพื่อที่พวกเขาจะได้รับส่วนแบ่ง
หากไม่ใช่เพราะพี่น้องของเขาเถียงกันเรื่องทรัพย์สินของเธอที่หน้าเตียงในโรงพยาบาล หลินม่ายก็จะไม่มีทางรู้ว่าอู๋เสี่ยวเจี๋ยนและคนอื่น ๆ จะโหดร้ายจนคิดวางแผนฆ่าเธอ
แน่นอนว่าเธอจะต้องแก้แค้นให้ได้
แม้กลยุทธ์ของหลินม่ายจะรุนแรง แต่หากอู๋เสี่ยวเจี๋ยนไม่โหดร้ายจนถึงขั้นคิดขายน้องชายและน้องสาวของตัวเอง พวกเขาก็คงยังมีทางรอดโดยไม่ได้รับอันตราย
ไม่ว่าคนอื่น ๆ จะปลอดภัยหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับอู๋เสี่ยวเจี๋ยน พี่ชายของพวกเขา
ทุกอย่างในเมืองหลวงได้รับการจัดแจงอย่างเรียบร้อย หลินม่ายกำลังไปโรงพยาบาลเพื่อทดสอบการตั้งครรภ์ก่อนที่จะกลับไปยังเจียงเฉิง
ในวันที่ตรวจครรภ์ ฟางจั๋วหรานมีตารางการผ่าตัดเต็มและไม่มีเวลาไปกับเธอ
คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางจึงอาสาไปกับเธอ
โต้วโต้วอยู่บ้านเพื่อเรียนรู้การวาดภาพจากคุณครูหง
ก่อนที่เธอจะรู้ตัว หลินม่ายก็ตั้งท้องได้สามเดือนกว่าแล้ว
อาจเป็นเพราะเธอยังสาวและหุ่นดี ท้องของเธอจึงยังไม่โต และหุ่นก็ดูผอมเพรียวอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลานี้ ความอยากอาหารของเธอกลับเพิ่มขึ้นอย่างมาก และทุกอย่างที่เธอกินก็ล้วนอร่อยไปหมด
คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางมีความสุขมากที่เห็นเธอกินข้าวได้ เพราะเธอกำลังตั้งท้องลูกแฝด
หลินม่ายขับรถพาคุณฟางและคุณย่าฟางกลับมาจากโรงพยาบาล
ขณะเดินอยู่บนถนน เธอเห็นหญิงวัยกลางคนที่แต่งตัวดีคนหนึ่งกำลังต่อว่าเจ้าหน้าที่สุขาภิบาลอย่างโหดเหี้ยม “ถ้าฉันปากระดาษลงพื้นล่ะ? แค่ฉันทิ้งขยะลงพื้นจะทำให้คุณตกงานเลยหรือยังไง?”
ขณะที่ผู้หญิงคนนั้นพูด หล่อนก็จงใจฉีกกระดาษในมือให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แล้วโปรยให้ลมพัดกระจายไปทั่วพื้น
หลินม่ายไม่ชอบพวกคนรวยที่รังแกกลุ่มผู้ด้อยโอกาสเป็นที่สุด
เธอจอดรถข้างถนน ลงจากรถ และเดินไปหาหญิงผู้เย่อหยิ่งด้วยใบหน้าเย็นชา
แต่เมื่อเธอเห็นหน้าเจ้าหน้าที่สุขาภิบาล เธอก็กลับไปยังรถทันทีก่อนจะรีบขับออกไป
เจ้าหน้าที่สุขาภิบาลไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นป้าฝู
เช่นนั้นแล้วก็ปล่อยให้นางถูกรังแกต่อไปเถอะ
ป้าฝูมีส่วนพัวพันกับการฉ้อโกง และเหมาฉงขอให้เหยื่อแจ้งความอาชญากรรม
สาเหตุที่นางยังไม่ถูกจับกุมจนถึงตอนนี้ เป็นเพราะเหมาฉงแจ้งความโดยไม่ระบุชื่อ ดังนั้นขณะนี้ตำรวจจึงเชื่อว่าผู้ร้ายหลักคืออู๋เสี่ยวเจี๋ยน และป้าฝูก็เป็นหนึ่งในเหยื่อด้วย
นอกจากนี้ ลูกสาวของนางที่ตัดขาดกันไปก็ยังได้ระดมทุนอย่างแข็งขันเพื่อช่วยให้นางใช้คืนเงินต้นของเหยื่อและเพื่อช่วยให้นางออกจากคุก
ด้วยเหตุนี้ หล่อนจึงขายบ้านของตนและป้าฝู
บ้านของหล่อนและแม่ของหล่อนถูกซื้อโดยหน่วยงานของรัฐ ไม่อย่างนั้นก็คงเป็นไปไม่ได้ที่หล่อนจะขายได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้
ฮุ่ยฮุ่ยยังถอนเงินทั้งหมดในสมุดเงินฝากของสามีจนไม่เหลือสำหรับการคลอดบุตร
หล่อนพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อหาเงิน และในที่สุดก็จ่ายเงินแทนป้าฝูมากกว่าห้าหมื่นหยวน
เหยื่อรายอื่นเห็นว่าฮุ่ยฮุ่ยลูกสาวของป้าฝูเป็นลูกกตัญญู
พวกเขาก็ร่วมกันออกหนังสือสัญญา โดยระบุว่าลูกสาวของนางสามารถทยอยคืนเงินได้
มิฉะนั้นป้าฝูจะไม่ปลอดภัย
ป้าฝูรู้สึกผิดอย่างมากที่ทำให้ลูกสาวต้องเหน็ดเหนื่อยอย่างมากในการหาเงินมาช่วยเหลือและใช้หนี้แทนนาง
ดังนั้นป้าฝูจึงทำงานสองกะหรือสิบหกชั่วโมงต่อวัน
แต่ในเมื่อทุกอย่างเป็นเช่นนี้แล้ว จะตำหนิใครได้?
ลูกสาวและลูกเขยของนางต้องทนทุกข์ทรมาน และนางก็ไม่เหลืออะไรแล้ว
เมื่อเห็นว่าหลินม่ายเดินทางกลับมาที่รถ ทั้งคุณปู่และคุณย่าฟางต่างก็สับสน “กลับมาทำไม?”
หลินม่ายตอบกลับอย่างแผ่วเบา “เจ้าหน้าที่สุขาภิบาลเคยเป็นมิจฉาชีพมาก่อน ดังนั้นจึงไม่คุ้มที่จะช่วยเหลือ”
ป้าฝูมองดูกระดาษที่กระจัดกระจายทั่วพื้น ขณะที่นางกำลังจะกวาด ผู้ดูแลงานของนางซึ่งเป็นชายหนุ่มวัยยี่สิบกว่า ๆ ก็ขี่จักรยานมาตระเวนตรวจงาน
เมื่อเห็นเศษกระดาษเกลื่อนพื้น เขาก็ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ “ถนนไม่สะอาด หักเงินหนึ่งหยวน” หลังจากนั้นเขาก็จากไป
ป้าฝูถูกทิ้งไว้ให้เก็บกวาดเศษกระดาษอย่างน่าสังเวช
เป็นครั้งแรกที่นางถูกต่อว่าโดยเด็กหนุ่มที่อายุไล่เลี่ยกับลูกสาว แต่ประเด็นสำคัญคือ นางถูกหักเงิน
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
สองสุนัขชายหญิงเชิดเงินหนีไปไกลยัง จะสกัดจับได้ไหมนะ
ไหหม่า(海馬)