ตอนที่ 333 สุรากุ้ยฮวา รสชาติของบ้านเกิด
ตอนที่ 333 สุรากุ้ยฮวา รสชาติของบ้านเกิด
ตอนแรกที่หลินเซี่ยโพล่งออกมาว่าจะตั้งชื่อร้านอาหารว่าเถี่ยฟ่านหว่าน(ชามข้าวเหล็ก) เซี่ยเหลยและหลิวกุ้ยอิงแสดงท่าทีไม่เห็นด้วยเล็กน้อย แต่หลังจากได้ยินเซี่ยไห่อธิบายแล้ว พวกเขาก็คิดว่าเป็นชื่อที่ดี
ชามข้าวเหล็ก* คือความฝันสูงสุดของใครหลาย ๆ คน
*หมายถึงหน้าที่การงานที่มั่นคง ส่วนใหญ่จะหมายความไปในอาชีพรับราชการ
ในที่สุด พวกเขาก็ตัดสินใจตั้งชื่อร้านตามนี้
หลินเซี่ยถือโอกาสแนะนำว่า “ในเมื่อตอนนี้พวกเราตัดสินใจได้แล้ว งั้นออกไปเลือกซื้อเครื่องครัวที่ตลาดกันเถอะค่ะ จะได้ง่ายต่อการตกแต่งร้าน เถ้าแก่เซี่ยจะได้เรียกช่างตกแต่งภายในเข้ามา แล้วเริ่มสร้างห้องครัวด้านหลัง”
ผนังร้านจะต้องถูกทาสีใหม่ทั้งหมด จากนั้นแค่เพิ่มโต๊ะกับเก้าอี้เข้ามาก็เพียงพอแล้ว
“พี่ใหญ่ ถ้าอย่างนั้นพี่กับพี่อิงจื่อออกไปเดินตลาดเล่น ๆ กันสองคนนะ พี่อิงจื่อน่าจะรู้ว่าควรซื้อของจากที่ไหน”
หลิวกุ้ยอิงเคยเปิดแผงลอยขายอาหาร มักออกไปซื้อของในตลาดบ่อย ๆ หล่อนจึงพยักหน้า “ฉันรู้จักแหล่งขายของอยู่”
เซี่ยเหลยยืนขึ้นและพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นพวกเราขอไปดูของก่อนนะ”
หลังเดินออกจากประตูไป เซี่ยไห่ก็ยิ้มและเตือนพวกเขาว่า “อย่าลืมระวังความปลอดภัยด้วย ไม่ต้องรีบร้อนกลับมาหรอก ค่อย ๆ เลือกไปช้า ๆ”
ขณะมองตามแผ่นหลังของพวกเขา เซี่ยไห่และหลินเซี่ยก็หันไปไฮไฟว์กันอย่างมีความสุข
เซี่ยไห่พูดด้วยความตื่นเต้น “เซี่ยเซี่ย เราประสบความสำเร็จไปครึ่งทางแล้ว”
หลินเซี่ยมองไปที่ร่างทั้งสองซึ่งค่อย ๆ ห่างไกลออกไปของพวกเขา ก่อนจะถอนหายใจ “ฉันหวังว่าเขาจะนึกบางสิ่งบางอย่างออกในไม่ช้าในขณะที่พวกเขากำลังไปกันได้ดี”
การเปิดร้านอาหารหรืออะไรก็ตามแต่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ สิ่งสำคัญคือพ่อของเธอต้องฟื้นคืนความทรงจำให้ได้
ครอบครัวของพวกเขาจะได้กลับมาอยู่ร่วมกันอีกครั้งอย่างมีความสุข
เซี่ยเหลยและหลิวกุ้ยอิงขึ้นรถประจำทางไปซื้อของที่ตลาดด้วยกัน
ตอนก้าวขึ้นรถ หลิวกุ้ยอิงเหลือบมองไปที่ขาของเขา จากนั้นก็เตรียมยื่นมือให้เขาใช้ช่วยพยุง
ถึงอย่างนั้นเซี่ยเหลยกลับหลบเลี่ยง “ไม่เป็นไร ผมขึ้นรถเองได้”
หลังจากขึ้นรถแล้ว เซี่ยเหลยก็แยกไปนั่งอยู่ด้านหลังคนเดียว
เมื่อเห็นว่าเขาดูไม่ค่อยชอบวิธีการเอาใจใส่ของหล่อน หลิวกุ้ยอิงก็ย่นคิ้วแล้วเดินไปนั่งที่เบาะด้านหน้า
ไม่รู้เลยว่าหากพวกเขายังทำตัวห่างเหินต่อกันแบบนี้ จะนำไปสู่ปัญหาในการเป็นหุ้นส่วนกันหรือเปล่า
พอลงจากรถประจำทาง หลิวกุ้ยอิงก็เดินนำเซี่ยเหลยเข้าไปในตลาดอย่างช่ำชอง แล้วตรงไปที่แผงขายเครื่องครัวทันที
หลิวกุ้ยอิงมีทักษะเก่งกาจมากในการต่อราคา รวมถึงการตรวจสอบคุณภาพของตัวสินค้า
“ไปค่ะ ไปเดินเล่นฝั่งนั้นกันดีกว่า ตรงนั้นมีแผงขายของแบบเดียวกันนี้อยู่หลายร้าน ตัวเลือกเยอะแยะถมเถ”
เมื่อหลิวกุ้ยอิงมีงานยุ่ง บุคลิกของหล่อนก็แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง พฤติกรรมเก็บตัวและท่าทางอึดอัดใจก่อนหน้านี้ไม่มีเหลือ ราวกับว่าทั้งเนื้อตัวของหล่อนเปล่งประกายขึ้นมา
เซี่ยเหลยอดไม่ได้ที่จะถามหลิวกุ้ยอิง
“คุณอยู่ที่ไห่เฉิงมานานแค่ไหนแล้ว?”
หลิวกุ้ยอิงตอบว่า “ไม่กี่เดือนเองค่ะ”
“ก่อนหน้านี้คุณอยู่ที่บ้านเกิดเหรอ?”
“ค่ะ อยู่ต่างเมืองด้วยซ้ำ”
ขณะที่ทั้งสองเดินเตร่ไปรอบ ๆ พวกเขาก็เดินผ่านแผงขายเหล้าในตลาด
แผงขายเหล้านั้นมีขวดโหลขนาดใหญ่วางเรียงรายหลายใบ ปากขวดหุ้มด้วยผ้าสีแดง บนขวดมีป้ายติดไว้ว่าเป็นสุราดอกกุ้ยฮวา
หลิวกุ้ยอิงได้กลิ่นหอมของเหล้าจากระยะไกล จึงหยุดเดินอยู่หน้าแผงลอยนั้น
เซี่ยเหลยเห็นจึงถามว่า “คุณอยากซื้อเหล้าเหรอ?”
“เปล่าค่ะ”
หลิวกุ้ยอิงมองไปที่แผงขายสุราดอกกุ้ยฮวากลิ่นหอมหวาน จากนั้นมองไปยังชายที่อยู่ข้าง ๆ ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกผสมปนเป
หล่อนรวบรวมความกล้าและถามเซี่ยเหลย “สหายเซี่ยคะ คุณเคยดื่มเหล้าดอกกุ้ยฮวาหรือเปล่า?”
เซี่ยเหลยไม่ค่อยชอบดื่มแอลกอฮอล์ เขาส่ายหัว “ผมคิดว่าไม่นะ”
“เหล้าชนิดนี้มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ ทั้งยังเป็นเหล้าขึ้นชื่อของเทศมณฑลซีเหอ”
หลิวกุ้ยอิงถามเจ้าของแผง “ขอชิมหน่อยได้ไหมคะ?”
คนขายเหล้าตอบกลับ “ชิมได้ แต่ต้องซื้อนะ”
หลิวกุ้ยอิงอธิบายว่า “พวกเรากำลังจะเปิดร้านอาหารค่ะ วันนี้ผ่านมาแล้วเห็นแผงขายเหล้าเลยสนใจ ถ้าเหล้าของคุณรสชาติดี จากนี้เราจะได้สั่งเหล้าจากร้านคุณไปขายในร้านอาหาร”
“ถ้าอย่างนั้นก็เชิญเลย”
เจ้าของแผงรินเหล้าใส่แก้วใบเล็กให้พวกเขาชิมอย่างกระตือรือร้น
เซี่ยเหลยไม่ค่อยดื่มแอลกอฮอล์ และเนื่องจากล่าสุดเขาเข้ารับการรักษาจากแพทย์แผนจีน จึงปฏิเสธเหล้าแก้วเล็กที่เจ้าของแผงนำเสนอ
หลิวกุ้ยอิงดื่มมันจนหมดแก้วในอึกเดียว
เซี่ยเหลยมองดูท่าทางการดื่มอันกล้าหาญของผู้หญิงคนนั้น จู่ ๆ ภาพบางคนที่คล้ายกันก็ดูเหมือนจะแวบขึ้นมาในจิตใจของเขา
หลังจากที่หลิวกุ้ยอิงดื่มเหล้าหมดแล้ว ความเปรี้ยวก็พุ่งผ่านขึ้นไปยังโพรงจมูก ดวงตาชื้นน้ำขึ้นมาทันที
นี่แหละรสชาติของบ้านเกิด
คนในบ้านเกิดของหล่อนหมักเหล้าประเภทนี้กันทั่วทั้งเมือง บ้านของหล่อนก็ทำธุรกิจเหล้าเช่นกัน ซึ่งหล่อนมักจะเป็นลูกมือช่วยพ่อแม่หมักเหล้าอยู่เสมอ
เหล้าดอกกุ้ยฮวาของแผงลอยนี้มีรสชาติเดียวกันไม่ผิดเพี้ยน
หล่อนไม่ได้ลิ้มรสชาติอันคุ้นเคยมายี่สิบปี วันนี้เป็นครั้งแรกที่ได้ชิมอีกครั้ง
เหล้าดอกกุ้ยฮวาจากเทศมณฑลซีเหอแพร่หลายจากที่นั่นเข้าสู่ตลาดเมืองไห่เฉิงแล้วหรือนี่
หลิวกุ้ยอิงดื่มหมดแล้วก็ยื่นแก้วใบเล็กอีกใบให้เซี่ยเหลย “จิบสักหน่อยสิคะ”
กลิ่นนี้ไม่ได้คุ้นเคยสำหรับหล่อนเพียงคนเดียว
ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าน่าจะคุ้นเคยกับมันมากกว่าหล่อนเสียด้วยซ้ำ
เซี่ยเหลยปฏิเสธอีกครั้ง
“ผมดื่มไม่ได้”
“จิบคำเดียวไม่เป็นไรหรอก จะได้รู้รสชาติ อีกหน่อยร้านอาหารของเราจะมีเหล้าขาย ดังนั้นต้องลองด้วยตัวเอง”
หลิวกุ้ยอิงชูแก้วเหล้าอยู่ตรงหน้าแบบนี้ เซี่ยเหลยไม่สามารถปฏิเสธได้อีก จึงจำใจรับมันไปจิบคำหนึ่ง
หลิวกุ้ยอิงจ้องมองเขาด้วยความประหม่าและคาดหวัง รอดูปฏิกิริยาของเขาหลังจากดื่มเสร็จ
ในอดีต หล่อนมักจะนำเหล้าดอกกุ้ยฮวาที่ชงเองมาให้เขาเสมอ ตอนแรกเขาก็ปฏิเสธไม่ดื่มท่าเดียวแบบนี้ แต่พอได้ชิมแล้วกลับรอคอยจะได้ดื่มมันอย่างกระตือรือร้น
ตอนนั้นเป็นฤดูหนาว หอพักในค่ายทหารหนาวเหน็บ หล่อนเทเหล้าลงในขวดน้ำดื่มของเขา แล้วให้เขาไว้จิบก่อนเข้านอนทุกคืนเพื่อบรรเทาความหนาวเย็น
และคืนก่อนที่เขาจะจากไป เพราะทั้งสองคนดื่มเหล้าหนึ่งขวดที่หล่อนนำมาให้เขา ทำให้เกิดเรื่องนั้น…
หลิวกุ้ยอิงเห็นว่าเซี่ยเหลยดูเหมือนจะไม่มีปฏิกิริยาอื่นใด นอกจากความร้อนผ่าวที่พุ่งขึ้นหัวจากเหล้าจิบนั้น แต่ก็ยังคงตั้งตาคอย และถามอย่างไม่แน่ใจว่า “เป็นยังไงบ้างคะ?”
เซี่ยเหลยสูดกลิ่นหอมของเหล้าที่อบอวลอยู่ในปาก ตอบยืนยันท่าทางของเขา “ผมว่ารสชาติค่อนข้างดีเลย”
“แล้ว…”
สิ่งที่หล่อนอยากรู้มากที่สุด คือเขาได้กลิ่นแล้วรู้สึกคุ้น ๆ บ้างหรือเปล่า?
หลิวกุ้ยอิงถามต่อไป “คุณไม่เคยดื่มเหล้าดอกกุ้ยฮวาที่มีรสชาติแบบนี้มาก่อนเลยเหรอ?”
เซี่ยเหลยตกตะลึงอยู่เพียงไม่กี่วินาที ก่อนจะส่ายหน้า “ผมจำไม่ได้”
“ถ้าอย่างนั้นลองชิมดูอีกครั้งสิ อยากรู้ว่าคุณพอคุ้นรสชาติมันไหม?” หลิวกุ้ยอิงปฏิเสธที่จะยอมแพ้ หันไปขอให้เจ้าของแผงช่วยรินใส่แก้วเล็กอีกใบ
เซี่ยเหลยให้ความร่วมมือ ยกแก้วขึ้นชิมอีกครั้ง
ขณะนี้เหล้าอันหอมหวานไหลลงจากคอลงไปสู่ช่องท้องแล้วครึ่งแก้ว เขาเงยหน้าขึ้น สบสายตากับความคาดหวังของหลิวกุ้ยอิง เมื่อมองดูใบหน้าหล่อนชัด ๆ หัวใจของเขาพลันสั่นไหว
มีบางอย่างแวบขึ้นมาในใจของเขาอีกครั้ง เพียงแต่มันผ่านมาเร็วมากจนเขาไม่สามารถจับใจความได้
คนขายไวน์เห็นว่าทั้งสองคนผลัดกันชิมไม่หยุด และดูเหมือนจะจริงจังมากในการสั่งเหล้า เขาก็รีบโน้มน้าวอย่างไม่รอช้า “เถ้าแก่ทั้งสอง เหล้าของเราเป็นเหล้าดอกกุ้ยฮวาของแท้จากเทศมณฑลซีเหอ มีกลิ่นหอมกรุ่นเฉพาะตัว ในเมื่อพวกคุณกำลังจะเปิดร้านอาหารก็ควรซื้อเหล้านี้ติดร้านไว้เถอะ ธุรกิจจะต้องเฟื่องฟูอย่างแน่นอน”
หลิวกุ้ยอิงตอบกลับว่า “ขอบคุณค่ะ เราจะพิจารณาเรื่องนี้อีกที”
เนื่องจากพวกเขาดื่มเหล้าดอกกุ้ยฮวากลิ่นหอมจากเทศมณฑลซีเหอ ทั้งคู่ต่างก็เกิดอารมณ์หลากหลายผสมกันไป หลิวกุ้ยอิงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
เซี่ยเหลยจำเหล้าดอกกุ้ยฮวาไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหล่อนเลย
หลังจากเขาจิบเหล้ากุ้ยฮวาที่มีกลิ่นหอมเฉพาะตัวแบบนั้น เขาไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบเลยด้วยซ้ำ
สิ่งนี้โจมตีหัวจิตหัวใจของหลิวกุ้ยอิงครั้งใหญ่
สถานการณ์ของเซี่ยเหลยดูเหมือนจะร้ายแรงกว่าที่หล่อนคิดไว้
การกู้คืนหน่วยความจำที่ซ่อนอยู่ใต้ก้นบึ้งไม่ใช่เรื่องง่ายจริง ๆ
หลิวกุ้ยอิงไม่มั่นใจอีกต่อไป เซี่ยเหลยจำเรื่องพวกนั้นไม่ได้มาหลายปีแล้ว อาการดังกล่าวจะนำไปสู่ภาวะความจำเสื่อมถาวรหรือไม่?
ขณะที่หล่อนครุ่นคิดอย่างบ้าคลั่ง เซี่ยเหลยก็มองหล่อนแล้วถามว่า “พวกเราเคยรู้จักกันมาก่อนไหม?”
หลิวกุ้ยอิงกลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง “หืม?”
เซี่ยเหลยมองหล่อนอย่างจริงจัง ถามย้ำคำเดิม “เซี่ยเหลยที่คุณรู้จัก ใช่ผมหรือเปล่า?”
ครั้งนี้หลิวกุ้ยอิงไม่ได้พยายามหลบเลี่ยงอีก เมื่อสบตากับเขา หล่อนก็พยักหน้า “ฉันว่าน่าจะเป็นคนคนเดียวกัน น่าเสียดายเหลือเกินที่คุณจำฉันไม่ได้”
เซี่ยเหลยรู้สึกได้ว่าน้ำเสียงของหลิวกุ้ยอิงเต็มไปด้วยความตัดพ้อ ไม่พอใจ ราวกับว่ากำลังตำหนิเขา
เซี่ยเหลยดื่มเหล้าไปแค่สองแก้วเล็ก แต่เขากลับรู้สึกมึนหัวมาก
เขายังอยากถามอะไรเพิ่มเติม แต่ไม่รู้ว่าควรจะเรียบเรียงคำพูดอย่างไร
บังเอิญว่าพวกเขาเดินไปถึงร้านขายตู้พอดี
พวกเขาทั้งสองเดินไปรอบ ๆ ร้าน ดูของต่าง ๆ ที่จำเป็นต้องใช้ในห้องครัว รวมถึงชุดหม้อและกระทะแบบครบครัน รอจนกว่าร้านจะได้รับการปรับปรุงเรียบร้อยแล้วก็สามารถขนย้ายเข้าได้ทันที
ช่างตกแต่งภายในที่เซี่ยไห่ไปติดต่อเข้าประจำการที่ร้านแล้ว และกำลังเริ่มทำงานตามคำขอของเซี่ยเหลยกับหลิวกุ้ยอิง
จากนั้นเซี่ยเหลยบอกว่าเขารู้สึกไม่สบายตัวเล็กน้อย จึงขอตัวกลับบ้านก่อน
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขาดื่มแอลกอฮอล์เป็นครั้งแรกในรอบหลายปี หรือเพราะเขาพยายามรื้อความทรงจำเกี่ยวกับหลิวกุ้ยอิง ในเวลานี้เขาถึงได้รู้สึกปวดหัวมากเมื่อใช้สมอง
เซี่ยไห่ส่งเขากลับบ้าน ส่วนหลิวกุ้ยอิงหลังได้ดื่มเหล้าอันเป็นรสชาติของบ้านเกิดก็รู้สึกซับซ้อนมาก และหาข้อแก้ตัวเพื่อที่จะกลับบ้านเช่นกัน
หลินเซี่ยมองตามหลังหลิวกุ้ยอิงไป ในหัวเต็มไปด้วยคำถาม
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
เหมือนจะเริ่มมีความทรงจำขึ้นมาบ้างแล้วล่ะ แต่ยังต้องรอดูต่อไป สงสารทั้งคู่เลย
ไหหม่า(海馬)