บทที่ 374 ชอบทั้งหญิงและชาย
บทที่ 374 ชอบทั้งหญิงและชาย
เซี่ยจื่ออี้ดูผอมลงกว่าเดิมมาก ริมฝีปากซีดเซียว และผมเผ้าก็ไม่ได้ถูกมัดไว้อย่างพิถีพิถันเหมือนเมื่อก่อน ทั้งดูแห้งและชี้ฟู
คนที่มั่นใจในตัวเองสูงแบบอย่างเซี่ยจื่ออี้กลายเป็นแบบนี้เมื่อไหร่กัน?
ด้วยความกังวลว่าเซี่ยชิงหยวนจะหวาดกลัว เสิ่นอี้โจวจึงรีบกอดภรรยาไว้ในอ้อมแขนและลูบหลังเธออย่างปลอบโยน
เห็นได้ชัดว่าการกระทำนี้กระตุ้นเซี่ยจื่ออี้อย่างมาก ทันใดนั้นดวงตาของเจ้าหล่อนก็เบิกกว้างราวกับต้องการแหวกเนื้อหนังแล้วเข้าไปในท้องของเซี่ยชิงหยวน
เซี่ยชิงหยวนม้วนริมฝีปาก และยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างเย้ยหยัน
ครั้งนี้ฉันชนะ!
ปล่อยให้เซี่ยจื่ออี้รู้สึกเหนือกว่าไปชั่วครู่ชั่วคราว อนุญาตให้อีกฝ่ายชี้นำความคิดเห็นของสาธารณชนไปพลาง ๆ แต่จากนั้นตระกูลฉินก็มอบความเจ็บปวดที่เจ็บปวดที่สุดให้กับเซี่ยจื่ออี้ และการตั้งครรภ์ของเธอก็เป็นการลงโทษที่สาหัสที่สุดตบท้าย
เธอทำให้เซี่ยจื่ออี้ได้ซาบซึ้งกับคำว่า ความจริงในโลกนี้ไม่ใช่สิ่งที่สามารถเล่นหรือตบตาด้วยได้
…
เมื่อกลับถึงบ้าน หลินตงซิ่วก็กลับมาแล้วด้วย
ทันทีที่หลินตงซิ่วเห็นเซี่ยชิงหยวน เธอก็หลั่งน้ำตาออกมา
เซี่ยชิงหยวนตะโกนเรียก “แม่!”
หลินตงซิ่วจับมือเซี่ยชิงหยวน “ลูกสบายดีไหม?”
ประโยคแรกไม่ใช่การถามว่าเด็กเป็นยังไงบ้าง แต่ถามสุขภาพของเธอแทน
ปลายจมูกของเซี่ยชิงหยวนพลันรู้สึกชื้นเล็กน้อยและพยักหน้า “หมอบอกว่าทั้งหนูและทารกในครรภ์สบายดีค่ะ”
หลังจากได้ยิน หลินตงซิ่วก็ไม่สามารถหยุดร้องไห้ได้อีก “ดีแล้ว ๆ”
หลังจากหลายปีที่ผ่านมา ไม่เพียงแต่เซี่ยชิงหยวนเท่านั้นที่ถูกนินทา แต่ตัวเธอเองก็กลายเป็นติดอยู่ในคำสาปแช่งของผู้คนว่า ตัวเองก็เป็นสาเหตุที่ตระกูลเสิ่นไม่อาจมีลูกหลานสืบทอดได้
จากหมู่บ้านซีสุ่ยสู่เมืองเตียนเฉิงและมาถึงมณฑลอวิ๋น เธอไม่สามารถกำจัดข่าวซุบซิบที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ได้เลย
บางคนถึงกับเหน็บแนมบอกว่าเธอไร้ประโยชน์ในฐานะแม่สามี เพราะควรจะให้ลูกชายหย่ากับลูกสะใภ้ให้รวดเร็วสิ ถ้าลูกสะใภ้ไม่สามารถให้กำเนิดทายาทได้ ทั้งยังมีอีกหลายคนที่นินทาว่าเธอไม่สามารถควบคุมลูกสะใภ้ได้ และปล่อยให้ลูกสะใภ้อยู่เหนือหัวตัวเอง
แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่เคยไม่พอใจเซี่ยชิงหยวน
เธออดทนและไม่นำสิ่งที่ไม่ดีที่คนอื่นพูดกลับบ้านมาบอกเล่า
เธอแค่รอคอยวันที่เซี่ยชิงหยวนตั้งครรภ์เท่านั้น
แต่ถ้าหากเซี่ยชิงหยวนไม่สามารถมีลูกได้จริง ๆ เธอก็จะปลอบตัวเองว่ายังมีเสิ่นอี้หลินอีกคน
แต่ตอนนี้ ในที่สุดความปรารถนาของเธอก็สมหวังแล้ว
เสิ่นอี้โจวก้าวมาข้างหน้า ค่อย ๆ กอดหลินตงซิ่วและเซี่ยชิงหยวนไว้ในอ้อมแขนของเขาแล้วกระซิบว่า “ครอบครัวของเราจะดีขึ้นเรื่อย ๆ”
เสิ่นอี้โจวมักจะใช้คำเหล่านี้เมื่อเขามีความสุข หรือเมื่ออยู่ในจุดตกต่ำเพื่อปลอบโยนทุกคน
ป้าอู๋เช็ดน้ำตาแล้วพูดว่า “ครอบครัวของคุณผู้ชายและคุณนายเป็นคนดีกันหมด พระโพธิสัตว์ย่อมอวยพรคนดีค่ะ”
เมื่อกี้เธอได้ไปโรงพยาบาลมาด้วย ดังนั้นพรุ่งนี้เธอจะอวดไปทุกที่เพื่อให้พวกคนที่นินทาลับหลังต้องจุกอก เห็นไหม! คุณนายของฉันท้องลูกตั้งสองคนพร้อมกันเลย!
ไม่สิ ไม่สิ จู่ ๆ เธอก็จำได้ว่าตามคำพูดเก่า ๆ เราจะยังไม่สามารถบอกคนอื่นได้ถ้าอายุครรภ์ยังน้อยกว่าสามเดือนใช่ไหม?
แต่จากท่าทางเมื่อกี้นี้ ดูเหมือนว่าทุกคนทั่วทั้งเขตที่พักอาศัยจะรู้หมดแล้วนี่
เมื่อเห็นว่าป้าอู๋ลังเลที่จะพูด เสิ่นอี้โจวจึงเอ่ยถาม “ป้าอู๋ เป็นอะไรเหรอครับ?”
เมื่อถูกถาม ป้าอู๋จึงต้องพูดว่าเธอคิดอะไรอยู่ “เรามีธรรมเนียมที่นี่ว่าถ้าอายุครรภ์น้อยกว่าสามเดือน มันจะเป็นการดีถ้าไม่ให้บุคคลภายนอกรู้น่ะค่ะ”
ไม่อย่างนั้นอาจมีบางอย่างไม่คาดคิดเกิดขึ้นก็ได้
แต่แน่นอน เธอกลืนประโยคท้ายที่คิดในใจนี้ลงท้องและไม่กล้าพูดออกมา
หลินตงซิ่วยังพูดอย่างกังวล “มีคำพูดแบบนี้ด้วยเหรอ? ถ้างั้นเราควรทำยังไงดีล่ะ? ตอนที่แม่กลับมาเมื่อกี้นี้ ทุกคนในเขตที่พักอาศัยดูเหมือนจะรู้กันหมดแล้วด้วย”
สำหรับคนเฒ่าคนแก่ เรื่องแบบนี้พวกเขาจะเชื่อมากกว่าคนรุ่นหนุ่มสาว
เสิ่นอี้โจวกับเซี่ยชิงหยวนมองหน้ากันและยิ้ม
เซี่ยชิงหยวนพูดว่า “แม่คะ ป้าอู๋ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เราแค่ดูแลตัวเองให้ดีก็พอ”
คนส่วนใหญ่ที่มาเป็นแขกที่บ้านก่อนหน้านี้เป็นหญิงสาวรุ่นใหม่ที่ยอมรับแนวคิดใหม่ ๆ แล้ว ซึ่งไม่เชื่อเรื่องเก่า ๆ พวกนี้
เมื่อระหว่างเดินกลับบ้าน พวกเธอก็พูดคุยอะไรบางอย่างและขณะสนทนา คนอื่น ๆ ก็คอยฟัง ดังนั้นเรื่องนี้จึงแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว
เสิ่นอี้โจวสีหน้าเปลี่ยนไป แต่ในไม่ช้าก็ผ่อนคลายลง เขาไม่ต้องการทำให้เซี่ยชิงหยวนเครียดกับเรื่องนี้จึงเพียงพูดว่า “ใช่ เราแค่ต้องระวังตัวเราเอง”
ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เขาจะให้ความสนใจกับเซี่ยชิงหยวนอย่างใกล้ชิดทุกการเคลื่อนไหว…
…
เสิ่นอี้หลินกลับมาตอนบ่าย หลังจากทิ้งกระเป๋านักเรียนของเขาก็วิ่งเข้ามาหาเซี่ยชิงหยวนทันที
แต่เมื่ออยู่ห่างจากเซี่ยชิงหยวนสองเมตร เขาก็รีบหยุดพลางมองที่ท้องของพี่สะใภ้ด้วยความตื่นเต้นและความคาดหวัง
เขาค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้อย่างช้า ๆ ด้วยดวงตาเป็นประกาย “พี่สะใภ้ คนอื่นบอกว่าผมจะมีหลานล่ะ มันจริงไหม?”
เซี่ยชิงหยวนยิ้ม “ใช่แล้ว แต่พี่เองก็ยังไม่รู้ว่าเป็นหลานชายหรือหลานสาวหรอกนะ”
พอได้ยินแบบนี้ เสิ่นอี้หลินก็ยิ้มอย่างมีความสุขมากขึ้น “ยอดเยี่ยมที่สุดเลย! ผมรักหลานสาวตัวน้อยของผม!”
ถ้าน่ารักยิ่งกว่าเถาเหนียนซีเลยยิ่งดี
น่าเสียดายที่เถาเหนียนซีเป็นลูกบ้านอื่น และเขาไม่สามารถพาเธอกลับมาเล่นที่บ้านด้วยได้ตลอดเวลา
เซี่ยชิงหยวนยิ้ม “ตกลงจ้ะ”
จากนั้นเสิ่นอี้หลินก็พูดว่า “พี่สะใภ้อย่ากดดันตัวเองมากไปนะ ผมชอบทั้งเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิง ถ้าเป็นหลานชาย ผมจะพาเขาไปปีนต้นไม้และเก็บไข่นก แต่ถ้าเป็นหลานสาวผมจะพาไปเก็บไข่จักจั่นไม่ก็จับผีเสื้อ”
ประโยคก่อนหน้ากับตอนท้ายเปลี่ยนไปนิดหน่อยเท่านั้นเอง
เสิ่นอี้โจว “…”
เซี่ยชิงหยวน “…”
เซี่ยชิงหยวนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มอย่างสดใส “ได้จ้ะ เมื่อถึงเวลา คุณอาตัวน้อยของพี่ต้องเป็นตัวอย่างที่ดีนะ”
เสิ่นอี้หลินยืดหน้าอกขึ้น “แน่นอน!”
ความเห่อหลานตัวน้อยของเสิ่นอี้หลินแสดงให้เห็นชัดที่สุดก็ตอนที่เขากินมื้อเย็น
เขาไม่กินจนมีคราบมันเต็มปากเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป แต่ใช้ตะเกียบคีบอาหารให้เซี่ยชิงหยวนเป็นครั้งคราว มันดูเหมือนว่าเขากระตือรือร้นยิ่งกว่าเสิ่นอี้โจวเสียอีก
เด็กชายมองเธออย่างคาดหวัง “พี่สะใภ้ พี่ต้องกินมากกว่านี้สิ เพื่อหลานของผมจะได้ตัวอ้วน ๆ”
หลินตงซิ่วตบหัวลูกชายคนเล็กของเธอ “ลูกจะขุนให้อ้วนมากทำไม ทำแบบนั้นมันจะยิ่งยากขึ้นสำหรับพี่สะใภ้นะรู้ไหม?”
ยิ่งเด็กในท้องอ้วนมากเท่าไร การคลอดก็จะยากเท่านั้น
สำหรับเธอ สิ่งที่เรียกว่าหลานตัวอ้วนท้วนนั้นมีความสำคัญน้อยกว่าความปลอดภัยของเซี่ยชิงหยวนมาก
ป้าอู๋ยิ้มที่ด้านข้าง “อี้หลินดูชอบเด็กมากเลยนะคะ”
เซี่ยชิงหยวนยิ้มและลูบหัวของเสิ่นอี้หลิน “ขอบคุณนะอี้หลินสำหรับความกังวลของนาย แต่ว่าพี่อาจจะไม่กินอาหารบางอย่างเพราะเวลาตั้งท้องมันจะไม่ค่อยสบายนักน่ะ”
เสิ่นอี้หลินมองตาปริบ ๆ แล้วพยักหน้า “ผมเข้าใจแล้ว เมื่อก่อนเวลาพี่สาวข้างบ้านตั้งท้องก็มักบอกว่าเธออยากจะอาเจียนเมื่อได้กลิ่นควันน้ำมัน”
เขามองชามข้าวของเซี่ยชิงหยวนอย่างใจจดใจจ่อ “พี่สะใภ้ ถ้าไม่อยากกินอะไร ผมจะเอามันออกมาให้เอง”
เสิ่นอี้โจวเคาะนิ้วของเขาบนโต๊ะ “นายกินของตัวเองดี ๆ เถอะ พี่สะใภ้ของนายฉันจะดูแลเองได้”
น้องชายของเขากระตือรือร้นมากจริง ๆ ตั้งแต่กลับถึงบ้านก็นั่งข้าง ๆ ภรรยาของเขาอยู่ตลอดจนเขาแทบไม่สามารถทำหน้าที่ของสามีได้เลย
หลังจากพูดอย่างนั้น เสิ่นอี้โจวก็ยิ้มอ่อนโยนให้เซี่ยชิงหยวน “เอาสิ่งที่อยู่ในชามของคุณมาให้ผมแล้วกัน เดี๋ยวผมคีบอาหารใส่ชามให้คุณใหม่”
เซี่ยชิงหยวนทำอะไรไม่ถูก แต่เธอไม่ได้เปิดเผยว่าตอนนี้สามีของเธอกำลังอิจฉาเหมือนเด็ก ๆ
เมื่อชี้ไปยังชามอาหารตรงหน้า เธอก็เพลิดเพลินกับการดูแลของเสิ่นอี้โจว
หลังจากทั้งคู่กลับไปที่ห้องนอน พวกเขาก็จำอะไรบางอย่างได้
เซี่ยชิงหยวนถามว่า “เราลืมบอกแม่กับอี้หลินหรือเปล่าว่าเราท้องลูกแฝด?”
เสิ่นอี้โจวก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง “ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้นนะ”
เขาหยุดชั่วคราว “รอจนถึงสามเดือนเถอะ”
ตราบใดที่มันเกี่ยวข้องกับเซี่ยชิงหยวน เขาก็ยินดีที่จะเชื่อโชคลาง
เหตุการณ์หนึ่งในอนาคต…
เย็นวันหนึ่ง หลินตงซิ่วตะโกนออกไปข้างนอกว่า “เสิ่นอี้หลิน เจ้าเด็กหัวแตงโม ลูกพาหลานของตัวเองไปก่อปัญหาที่ไหนอีกเนี่ย!”
เธอเท้าสะเอว พร้อมถือไม้ในมือ แล้วตะโกนหน้าดำหน้าแดงอย่างหาดูยาก “ในโลกนี้มีอาอย่างลูกที่ไหนกัน? รีบกลับมาตรงนี้เลยเร็ว ๆ! คราวนี้แหละแม่จะตีให้ตายเลย!”
เซี่ยชิงหยวนพิงประตูพลางกินเมล็ดแตงโม แล้วส่งทั้งผู้ใหญ่และเด็กที่เพิ่งออกไปจนถูกบ่น พอมองไปยังแม่สามีของเธอ ซึ่งไม่ค่อยโกรธ หญิงสาวก็พูดช้า ๆ กับเสิ่นอี้โจว “ในตอนแรกอี้หลินสัญญาว่าจะเป็นแบบอย่างใช่ไหม?”
เธอมีรอยยิ้มที่เย็นชาในดวงตา “แบบอย่างถูกตี?”
เสิ่นอี้โจวลูบหว่างคิ้วของเขาแล้วหยิบไม้ที่วางอยู่ข้าง ๆ อย่างเงียบ ๆ
“ผมจะออกไปดูเอง”