บทที่ 377 เห็นพวกคุณกอดกัน
บทที่ 377 เห็นพวกคุณกอดกัน
เซี่ยชิงหยวนก้มหน้าลงไม่กล้ามองเสิ่นอี้โจว
เสิ่นอี้โจวเดินเข้ามาหาเธอแล้วเชยคางภรรยาขึ้น “บอกผมทีสิ ทำไมคุณถึงอยากให้ลูกของเรามีญาติเพิ่มได้ล่ะเนี่ย?”
เซี่ยชิงหยวนรู้สึกหดหู่ แต่จู่ ๆ เธอก็ไม่พอใจขึ้นมา “ทำไมคุณถึงต้องจริงจังขนาดนี้ด้วย? ก็แค่ให้เขาเป็นเพียงพ่อทูนหัวเอง!”
เธอหน้ามุ่ย “อีกอย่าง ที่ฉันต้องทำแบบนี้ไม่ใช่เพราะคุณรึไง!”
เธอแค่อยากจะกระตุ้นฉีจิ่นจือให้เลิกคิดถึงเสิ่นอี้โจว แต่เธอจะรู้ได้ยังไงว่าอีกฝ่ายกลับตกลงจริง ๆ
“เพราะผมเหรอ?” เสิ่นอี้โจวยิ้มกริ่ม
เขานั่งอยู่บนขอบเตียงและมองดูเธออย่างนิ่ง ๆ “เอาละ งั้นบอกผมทีว่าทำไมถึงเป็นเพราะผมล่ะ?”
เซี่ยชิงหยวนลังเล ไม่แน่ใจว่าจะพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับฉีจิ่นจือดีไหม
เธอไม่เพียงแต่ต้องกังวลว่าผู้หญิงจะขโมยผู้ชายของเธอ แต่เธอกลับยังต้องระวังไม่ให้ผู้ชายคนอื่นแย่งผู้ชายของเธออีก ซึ่งนี่มันหนักหนาจริง ๆ
บางทีเพราะการที่เธอกำลังตั้งครรภ์และอารมณ์อ่อนไหวมากขึ้น การคิดถึงสิ่งนี้ยิ่งทำให้เธอรู้สึกเสียใจ
ทันทีที่เธอมีอารมณ์ หญิงสาวก็พูดออกมา “ก็ใครใช้ให้คุณไปมีความสัมพันธ์กับเขาล่ะ ฉันก็แค่อยากจะปกป้องครอบครัวนี้ของฉันเองนะ!”
ฮะ? เขามีความสัมพันธ์กับฉีจิ่นจือ?
ก่อนที่เสิ่นอี้โจวจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เซี่ยชิงหยวนก็น้ำตาไหลออกมาแล้ว และน้ำตาของเธอก็ไหลมากขึ้นเรื่อย ๆ
เสิ่นอี้โจวตื่นตระหนกทันที
เขากอดเธออย่างรวดเร็วและเช็ดน้ำตาของภรรยาอย่างไว
ก่อนหน้านี้เขาได้ไปพบหมอฮวงด้วยตัวเอง และทำการบ้านเยอะมาก
สิ่งหนึ่งที่เขาจำได้คือหลังจากที่ผู้หญิงตั้งครรภ์ อารมณ์ของเธอจะไม่มั่นคง เนื่องจากฮอร์โมนเพศในร่างกายของเธอเพิ่มขึ้น ดังนั้นครอบครัวของเธอจึงควรใส่ใจกับคำแนะนำนี้
นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะใช้คำแนะนำนั้นเร็วขนาดนี้
เสิ่นอี้โจวไม่มีทางเลือกนอกจากลุกขึ้นไปอยู่อีกด้านหนึ่ง ชายร่างสูงประมาณ 1.8 เมตรนั่งยอง ๆ อยู่ข้างหน้าเธอเพื่อเกลี้ยกล่อม “ผมขอโทษ ผมผิดไปแล้ว คุณสามารถตีผมหรือดุผมเท่าไหร่ก็ได้ที่คุณต้องการเลย แต่อย่าให้ความโกรธส่งผลเสียต่อร่างกายของคุณเลยนะ”
ปลายจมูกของเซี่ยชิงหยวนแดงก่ำ และเธอก็สูดจมูกโดยไม่พูดอะไรสักคำ ซึ่งน้ำตาก็ไหลไม่เร็วเหมือนก่อนหน้าแล้ว
เสิ่นอี้โจวยังคงนั่งยอง ๆ และถามเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอย่างช้า ๆ “คุณบอกว่าฉีจิ่นจือและผม…กำลังมีความสัมพันธ์กัน? คุณรู้เรื่องนี้ครั้งแรกเมื่อไหร่นะ?”
เดิมทีเขาต้องการถามว่าความเข้าใจในเรื่องของเธอตั้งแต่แรกมันมาได้ยังไงมากกว่า แต่เขาเป็นกังวลว่าน้ำเสียงของเขาจะแรงเกินไป
บทสนทนาเปลี่ยนไป
โดยไม่คาดคิด ทันทีที่เขาพูดคำเหล่านี้ เซี่ยชิงหยวนก็เริ่มร้องไห้อีกครั้ง “คุณมีความสัมพันธ์กับเขาจริง ๆ!”
เขาพูดว่า ‘คุณรู้เรื่องนี้ครั้งแรกเมื่อไหร่นะ?’ นี่ไม่ได้หมายความว่าเป็นเรื่องจริงเหรอ?
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ เซี่ยชิงหยวนก็รู้สึกเศร้ายิ่งขึ้น
เมื่อเห็นเซี่ยชิงหยวนน้ำตาไหลออกมา เสิ่นอี้โจวก็รู้สึกปวดหัวและหัวใจไปหมด
เขากลืนน้ำลายและพูดด้วยน้ำเสียงประหม่าโดยไม่รู้ตัว “คุณเข้าใจคำพูดของผมผิดแล้ว ผมหมายถึงทำไมคุณถึงคิดว่ามีบางอย่างระหว่างผมกับฉีจิ่นจือล่ะ?”
เซี่ยชิงหยวนร้องไห้ หดตัวลงเรื่อย ๆ และยังคงเพิกเฉยต่อเขา
เสิ่นอี้โจวจับมือของเธอ พลางส่ายมันและเกลี้ยกล่อมเบา ๆ “คนดี คุณบอกผมได้ไหมครับ?”
เมื่อฟังเสียงที่เอาใจของชายตรงหน้าอย่างตั้งใจ ความโกรธของเซี่ยชิงหยวนก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วอย่างไม่อาจอธิบายได้ และเธอก็สะอื้นก่อนจะพูดว่า “ในวันที่ฉีจิ่นจือมากินอาหารเย็นที่บ้านของเรา! คุณออกไปส่งเขาและฉันก็เห็นพวกคุณกอดกัน!”
หลังจากพูดอย่างนั้น เธอก็ยิ่งเศร้ามากกว่าเดิม
เสิ่นอี้โจว “…”
จู่ ๆ ความทรงจำในคืนนั้นของเขาก็หวนกลับมา จากนั้นเขาก็ขมวดคิ้วและยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ “เป็นแบบนี้นี่เอง”
เขาเชยหน้าที่เปื้อนน้ำตาของเธอ แล้วพูดว่า “ผมอธิบายเรื่องนี้ได้”
จากนั้นเขาจึงบอกกับเซี่ยชิงหยวนว่ามีกิ่งไม้ร่วงลงมาจากต้นไม้ และฉีจิ่นจือก็บังเอิญช่วยเขาทัน
เขาเลิกคิ้ว “ผมไม่มีเวลามากพอที่จะปรนเปรอคุณด้วยซ้ำทั้ง ๆ ที่ผมมีคุณอยู่ข้าง ๆ แล้วผมจะมีเวลาคิดถึงเรื่องคนอื่นได้ยังไง?”
เมื่อเห็นสีหน้าของเซี่ยชิงหยวนค่อย ๆ ผ่อนคลายลง เขาก็แตะหน้าผากของเธอ “ในอนาคต ไม่ว่าจะเกิดความแคลงใจอะไรขึ้นในหัวใจของคุณ ต้องรีบบอกผมทันทีเลยนะรู้ไหม อย่าคิดเองเออเองแบบนี้”
จิตใจของผู้หญิงจะเปราะบางเมื่อพวกเธอตั้งครรภ์ ถ้าเธอซึมเศร้าเพราะบางสิ่งโดยไม่บอก เขาก็ไม่รู้ว่าจะปลอบเธอยังไง
เซี่ยชิงหยวนลังเล “แต่ฉันคิดว่าเขาดูเหมือนจะสนใจคุณเลยนะ”
เสิ่นอี้โจวไม่รู้จะอธิบายยังไง
ในความเป็นจริง ยกเว้นการจงใจพูดยียวนของฉีจิ่นจือที่บ้านของหยวนหงหลี่ในวันนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งสอง เขาก็รู้สึกว่าไม่มีอะไรที่แย่เลย
และเมื่อยิ่งคิดลงลึกไปดี ๆ เขาก็รู้สึกว่าฉีจิ่นจือเป็นคนที่คู่ควรกับการคบหาเป็นเพื่อนไม่น้อย
ภายนอกดูเหมือนฉีจิ่นจือไม่สนใจอะไรเลย แต่แท้จริงแล้วเป็นคนจริงใจมากคนหนึ่ง
ท้ายที่สุด การรู้ว่าจะไม่เปิดเผยสิ่งที่เป็นในใจและการจงใจหลอกลวงนั้นเป็นสองสิ่งที่แตกต่างกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นการพูดคุยระหว่างผู้ชายด้วยกัน อย่างน้อยเขาก็คุยกับฉีจิ่นจือได้อย่างสบายใจกว่าใครหลายคน
แต่หากสิ่งนี้จะทำให้เซี่ยชิงหยวนไม่สบายใจ เขาก็จะตัดการติดต่อกับฉีจิ่นจือทั้งหมด
เสิ่นอี้โจวมองเข้าไปในดวงตาของเซี่ยชิงหยวนแล้วพูดอย่างหนักแน่น “ผมรับประกันได้ว่าทั้งหมดที่คุณคิดเป็นเรื่องเข้าใจผิด”
เขาพยายามวิเคราะห์ให้เธอช้า ๆ “ตลอดหลายปีที่ผ่านมา คุณสังเกตเห็นการมีสัมพันธ์พิเศษใด ๆ ที่ผมมีกับผู้ชายคนไหนรึเปล่า? นอกจากนี้ แม้ว่าฉีจิ่นจือจะดูเป็นคนปล่อยตัวและไม่เคยมีผู้หญิงอยู่รอบตัวเขา แต่เขาก็ไม่เคยสนิทสนมกับผู้ชายคนไหน นอกเหนือจากความเข้าใจผิดนั้นของคุณ ไม่มีสิ่งใดระหว่างเขาและผม จริงไหม?”
เซี่ยชิงหยวนสูดจมูกก่อนจะตอบว่า “ก็จริง”
เมื่อเห็นว่าภรรยายอมฟังแล้ว เสิ่นอี้โจวก็จับมือเธอไว้แล้วมองอย่างตั้งใจ “เป็นเวลาสองช่วงชาติแล้ว ที่วิญญาณและร่างกายของผมภักดีต่อคุณมาโดยตลอด”
เมื่อได้ยินคำสารภาพของเสิ่นอี้โจว หมอกสุดท้ายในหัวใจของเซี่ยชิงหยวนก็หายไป เธอหลั่งน้ำตาและยิ้มออกมา “อย่าโกหกฉันนะ”
เสิ่นอี้โจวจูบหลังมือของเธอ “ผมไม่มีทางโกหกคุณแน่นอน”
หลังจากได้รับการปลอบโยนจากเสิ่นอี้โจว เซี่ยชิงหยวนก็เริ่มไตร่ตรองว่าเมื่อกี้เธอทำอะไรเกินเลยไปบ้างหรือไม่ พอคิดได้ซักพักก็รู้สึกว่าไม่เป็นไรและโล่งใจอีกครั้ง
เธอพูดว่า “จริง ๆ แล้วฉันรู้สึกว่าฉีจิ่นจือค่อนข้างน่าสงสารเลยน่ะ”
ดูสิ เธอเป็นผู้หญิงที่ไม่แน่นอนจริงๆ
ชั่วขณะหนึ่งเธอรู้สึกสูญเสียเพราะฉีจิ่นจือชอบเสิ่นอี้โจว แต่วินาทีต่อมาเธอก็เริ่มพูดแทนฉีจิ่นจืออีกครั้ง
ในความเป็นจริง เหตุผลส่วนใหญ่ก็คือเธอยังคงต้องการหาทางออกจากการตัดสินใจยอมรับฉีจิ่นจือเป็นพ่อทูนหัวของลูกของเธอ
เมื่อได้ยินสิ่งนี้เสิ่นอี้โจวก็ยิ้ม
เขายืนขึ้น พลางนั่งข้างเซี่ยชิงหยวนแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไรหรอก ให้เขาเป็นพ่อทูนหัวของลูกเรานั่นแหละ”
ผู้ชายคิดถึงปัญหาอย่างลึกซึ้งมากกว่าผู้หญิง
นิสัยของฉีจิ่นจือไม่ได้แย่นัก แถมยังมีตระกูลฉีคอยหนุนอยู่ข้างหลัง ข้อดีของการผูกมิตรกับฉีจิ่นจือมีมากกว่าข้อเสีย
และเมื่อพิจารณาถึงความจริงที่ว่าฉีจิ่นจือช่วยชีวิตเซี่ยชิงหยวนและเสิ่นอี้หลินจากวัวแก่ที่บ้าคลั่ง มันไม่สำคัญอีกแล้วว่าฉีจิ่นจือจะมีคุณสมบัติเป็นพ่อทูนหัวหรือไม่
เขาพูดต่อว่า “ในอนาคตเมื่อเราฉลองให้กับลูกของเราที่เกิดขึ้นมา เราจะทำการจัดพิธีพ่อทูนหัวให้เขาด้วย”
เซี่ยชิงหยวนขมวดคิ้ว “ก็ได้”
ทันทีที่ทั้งสองพูดจบ พวกเขาก็ได้ยินเสียงท้องของเซี่ยชิงหยวนร้องคำราม
ใบหน้าของเซี่ยชิงหยวนแดงและหายใจไม่ทั่วท้อง “ลูกและฉันหิวแล้ว”
ผลกระทบของการตั้งครรภ์เริ่มชัดเจนในช่วงสองวันที่ผ่านมา ประการแรกในแง่ของการกินอาหาร
เธอไม่ชอบกลิ่นของที่เคยชอบกินด้วยซ้ำ แถมควันทำอาหารจากในครัวก็ทำให้รู้สึกคลื่นไส้ และความอยากอาหารของเธอก็ลดลงเหลือครึ่งหนึ่ง
เสิ่นอี้โจวยิ้ม “ผมจะทำให้คุณกินเอง อะไรก็ได้ที่คุณอยากกินเลย”
แพทย์โภชนาการมาตรวจอาการของเซี่ยชิงหยวนเพียงวันละครั้งเท่านั้น จากนั้นจึงเตรียมสูตรอาหารสำหรับหนึ่งวันก่อนกลับไปทำงานที่โรงพยาบาล
ป้าอู๋ทำงานเพียงกะกลางวันและหลังจากทำอาหารตอนเย็น ถ้าไม่มีอะไรพิเศษเธอจะกลับบ้านไป
ดังนั้นถ้าเซี่ยชิงหยวนอยากกิน เสิ่นอี้โจวจะต้องทำอาหารให้เธอเอง
เซี่ยชิงหยวนเอียงศีรษะและคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ฉันอยากกินมันเทศย่าง”
ในวันที่อากาศหนาวเย็น มันเทศจะถูกฝังในไฟถ่านและย่างจนเป็นสีน้ำตาล เมื่อลอกเปลือกของมันออก เนื้อสีทองจะถูกเผยให้เห็น มีควันร้อนโชยออกมา เมื่อกัดเข้าไปสักคำ ปากของคุณก็จะเต็มไปด้วยกลิ่นหอมหวานของมันเทศ
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ เซี่ยชิงหยวนก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายของเธอ
เสิ่นอี้โจวคิดอยู่ชั่วครู่ และนึกได้ว่าที่บ้านดูเหมือนจะไม่มีมันเทศเลย
เขาพูดว่า “รอผมที่บ้านสักเดี๋ยวนะ ผมจะออกไปซื้อให้”
“เดี๋ยวก่อน” เซี่ยชิงหยวนคว้าเขาไว้ “ฉันก็อยากออกไปเหมือนกัน”
เสิ่นอี้โจวไม่ปฏิเสธ
เธอสวมเสื้อผ้าและสวมผ้าพันคอ หลังจากตรวจดูแล้วพบว่าตัวเองอุ่นพอแล้ว จึงพูดว่า “ไปกันเถอะ”
เมื่อเซี่ยชิงหยวนผ่านราวแขวนเสื้อผ้า เธอก็หยิบผ้าพันคอที่ถักให้เสิ่นอี้โจวออกมา และยืนเขย่งเท้าขึ้นยืนเพื่อพันมันให้เขา “คุณควรใส่มันด้วยนะ”
เสิ่นอี้โจวลดศีรษะลงและย่อร่างกายเพื่อให้ภรรยาพันผ้าให้เขาง่ายขึ้น
หลังจากทำแบบนี้ เซี่ยชิงหยวนก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “ไปกันเถอะ”