คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 456 ข้ามีชื่อเสียงร้ายกาจ

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 456 ข้ามีชื่อเสียงร้ายกาจ

ฉินหลิวซีไม่จำเป็นต้องอธิบายเรื่องโชคลาภถูกสับเปลี่ยนอีก เพียงแค่ได้ยินก็รู้สึกว่าย่อมไม่ใช่เรื่องดี เพียงแค่ลองคิดอีกมุมก็รู้แล้ว

เหยียนฉีซานครุ่นคิดถึงตระกูลเหยียนขณะอยู่ในห้องเต๋า เนื่องจากพวกเขาให้ความสนใจกับการสืบทอดตำราบทกวี ไม่ว่าสตรีหรือบุรุษก็ล้วนต้องศึกษาเล่าเรียนและเข้มงวดกับตัวเอง

แน่นอนว่าไม่ใช่ว่าทุกคนในตระกูลจะสมบูรณ์แบบ ย่อมมีหนึ่งหรือสองคนที่เป็นคนไม่เอาไหน แต่ก็เพียงแค่เที่ยวเล่นไปวันๆ ไม่มีใครกล้าทำตัวเป็นนักเลงอันธพาลรังแกคนดีอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงไม่ใช่ปัญหาใหญ่

หลายสิบปีมานี้ตระกูลเจริญรุ่งเรืองได้มีบัณฑิตจิ้นซื่อหลายคน และตระกูลเหยียนก็ยังเป็นเป้าหมายที่ตระกูลชนชั้นสูงจำนวนมากต้องการเชื่อมสัมพันธ์ด้วยการแต่งงาน บรรดาสตรีส่วนใหญ่ที่มีการศึกษา มีเหตุผล สง่างาม ก็มีหลายคนที่ต้องการมาสู่ขอ

นี่เป็นสาเหตุมาจากโชคลาภบารมีหรือไม่

หากมีคนปรารถนาโชคลาภนี้ เกรงว่าจะจบเห่กระมัง

“มีคนขโมยโชคลาภได้จริงๆ หรือ”

ฉินหลิวซียิ้มใบหน้านิ่ง “ใครบ้างที่ไม่ต้องการโชคลาภ ตระกูลไหนบ้างที่ไม่อยากเจริญรุ่งเรืองจากรุ่นสู่รุ่น”

เหยียนฉีซานหายใจลำบาก

เจียงเหวินหลิวเอ่ย “มีผู้ที่มีวิชาอาคมอย่างเจ้าใช้คาถานี้หรือไม่”

“ในโลกนี้มีทั้งดีและชั่ว มีคุณธรรมก็ย่อมมีอธรรม เพราะความเห็นแก่ตัวจึงละเลยจรรยาบรรณและศีลธรรม พวกท่านเดินทางไปทุกหนแห่ง ไม่ทราบว่าเคยผ่านอำเภอหลิงที่อยู่ติดกันหรือไม่”

“เคยสิ” เจียงเหวินหลิวใจเต้น “ตอนนั้นพวกเราเพียงแค่แวะไปกินมื้อกลางวัน แต่กลับได้ยินเรื่องแปลกๆ ว่าบุตรชายของผู้ว่าการอำเภอหลิงเสียชีวิตกะทันหัน ขณะที่จัดพิธีศพ ก็ไม่รู้ว่าเพราะนายอำเภอหม่าและฮูหยินเสียใจมากเกินไปหรือไม่ จึงได้ติดตามบุตรชายไปในเจ็ดวันต่อมา แต่จากที่ฟังคนจากศาลปกครองกล่าว การตายของพวกเขาค่อนข้างแปลกราวกับว่าพวกเขาหวาดกลัวเป็นอย่างมาก สรุปได้เพียงว่าทั้งสองเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวายกะทันหัน”

“แต่มีคนจำนวนมากบอกว่าครอบครัวของพวกเขาได้รับผลกรรม ถูกวิญญาณที่ตายอย่างไม่ยุติธรรมล้างแค้น” เหยียนฉีซานเอ่ยต่อ

ฉินหลิวซีไม่แปลกใจแต่อย่างใด เอ่ย “พวกเขาได้รับผลกรรมจริงๆ ถูกกลืนกินและถูกทำให้หวาดผวา ท่านลองเดาดูดีหรือไม่ว่าพวกเขาไปทำอะไรไว้”

“พวกเรายินดีที่จะรับฟัง”

ฉินหลิวซีจึงได้เล่าให้พวกเขาฟังสั้นๆ เกี่ยวกับวัดหนี่ว์วาและสิ่งที่นายอำเภอหม่าและคนอื่นๆ ทำ

หลายคนล้วนเป็นนักปราชญ์ หลังจากได้ยินเรื่องการกระทำชั่วร้ายของวัดหนี่ว์วาแห่งนี้ก็ตกใจเป็นอย่างมาก ทั้งยังรู้สึกโกรธ กล่าวว่า “การกระทำชั่วร้ายนี้เกินกว่าจะบรรยายได้ ทำให้คนรู้สึกโกรธจนแทบทนไม่ได้! นายอำเภอหม่าผู้นั้นก็เป็นถึงขุนนางมียศมีตำแหน่ง ปล่อยให้บุตรชายกระทำสิ่งชั่วร้ายไม่พอ ซ้ำยังเพิกเฉยต่อชีวิตของเด็กผู้หญิงเหล่านั้นเพื่อช่วยบุตรชาย พวกเขาไม่สมควรเป็นพ่อแม่คน”

“เป็นเช่นนั้น คาดว่าชาติหน้าจะได้ไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน” ฉินหลิวซีเอ่ยน้ำเสียงเย็นชา

“นักพรตสายดำผู้นั้นเพื่อที่จะหล่อหลอมเครื่องรางชั่วร้ายจึงได้ทำพฤติกรรมโหดเหี้ยมเช่นนี้ ไม่กลัวผลกรรมจากสวรรค์สะท้อนกลับหรือ การกระทำเช่นนี้ช่างน่ากลัวและโหดร้ายเกินไป” เจ้าสำนักศึกษาถังกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

การใช้วิชามารทำให้ประสบกับการกลับชาติมาเกิดแบบเดิมซ้ำๆ เพียงเพื่อต้องการนำเข้าสู่ความชั่วร้ายของหยินให้ได้มากที่สุด จะได้ใช้หล่อหลอมเป็นเครื่องรางชั่วร้าย เพียงแค่คิดก็น่ากลัวแล้ว

หากมีนักพรตสายดำเช่นนี้มากมายในโลกจะเกิดความวุ่นวายเพียงใด

“นักพรตสายดำล้วนเป็นคนบ้า ทั้งที่รู้ว่าไม่ควรทำแต่ก็ยังทำ” ฉินหลิวซีเอ่ยเสียงเรียบว่า “ดังนั้นท่านลองคิดดู หากมีข่าวแพร่ออกไปว่าบรรพบุรุษตระกูลเหยียนกลายเป็นครึ่งเทพและมีโชคลาภมหาศาล จะไม่เป็นเหมือนกับเนื้อย่างหอมๆ หนึ่งชิ้นที่ใครๆ ก็อยากกัดสักคำหรอกหรือ ข้ารับรองได้เลยว่าเป็นเช่นนั้น”

เหยียนฉีซาน ‘ข้าขอร้องเจ้าหยุดพูดได้แล้ว ข้ากลัวจะตายอยู่แล้ว!’

เจ้าสำนักศึกษาถังเอ่ย “จ้งชิง หากเจ้าจะทำเป็นไม่รู้เรื่องนี้เกรงว่าจะลำบาก แต่หากจะบอก ก็บอกกับหัวหน้าตระกูลได้เพียงคนเดียวเท่านั้น และต้องอธิบายถึงโทษและประโยชน์แก่เขา เรื่องเช่นนี้ต้องเก็บเป็นความลับ มิฉะนั้นจะนำหายนะมาสู่ตระกูลอย่างแน่นอน”

เหยียนฉีซานพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม ยิ้มขมขื่นพลางเอ่ย “กล่าวตามตรง เมื่อข้ารู้จากท่านยมทูตว่ารูปปั้นบรรพบุรุษตระกูลข้าตั้งอยู่ในศาลเจ้าเล็กๆ ข้างทะเลสาบลวี่หู ตอนนั้นข้าคิดในใจว่าจะต้องไปบูรณะใหม่ ตั้งรูปปั้นให้เรียบร้อย อย่างไรเสียก็ต้องทำให้เป็นหลักแหล่งจะปล่อยให้ทรุดโทรมไม่ได้ แต่คิดไม่ถึง…”

“การถ่อมตนจึงจะไม่ดึงดูดความสนใจ” ฉินหลิวซีลดสายตาลง

ทุกคนก็คิดเช่นนั้น

ฉินหลิวซีเห็นว่ายังมีเวลาอยู่ จึงให้พวกเขาไปงีบหลับในห้องเต๋าก่อน กระทั่งถึงยามจื่อจึงปลุกพวกเขา ก่อนจะมอบไม้ยันต์สองชิ้นที่ทำจากไม้เหลยจี[1]ให้เหยียนฉีซานกับเจียงเหวินหลิวพกติดตัว

“ท่านอาจารย์ของเจ้าล่ะ”เหยียนฉีซานเห็นว่าเจ้าสำนักศึกษาถังไม่มีจึงอดถามไม่ได้

เจ้าสำนักลูบหยกยันต์ที่เอวของเขา เอ่ยอย่างภาคภูมิใจ “มีหรือที่ข้าจะไม่มี หยกยันต์นี้นางได้ให้ข้าไว้นานแล้ว”

เหยียนฉีซานมองดูหยกยันต์ทรงกลมที่แกะสลักอักขระ ดูอ่อนโยนเป็นพิเศษ ราวกับว่ามีแสงส่องผ่านโดยไม่ตั้งใจ

“หยกยันต์นี้ดูไม่ธรรมดาเลย”

เจ้าสำนักศึกษาถังยิ่งรู้สึกภาคภูมิใจกว่าเดิม “แน่นอนอยู่แล้ว บอกว่าเป็นเครื่องราง แม่หนูผู้นี้เป็นคนหล่อหลอมมันขึ้นมา”

เครื่องราง

เหยียนฉีซานสูดหายใจลึกๆ ยันต์ที่อยู่ในมือต้องไม่ใช่วัตถุขนาดเล็กธรรมดาทั่วไปอย่างแน่นอน แต่หากเทียบกับเครื่องราง ย่อมสู้ไม่ได้อยู่แล้ว

“คือว่า…”

“การหล่อหลอมเครื่องรางนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย” ฉินหลิวซียิ้มเล็กน้อย

เหยียนฉีซานต้องการจ่ายด้วยตั๋วเงิน แต่เขามาที่นี่เพียงลำพัง บนตัวไม่มีกระเป๋าเงินด้วยซ้ำ

เขามองเจียงเหวินหลิว เจียงเหวินหลิวส่ายหน้าเล็กน้อย เขาเองก็ไม่มี

“ข้าได้ยินเฉินผีบอกว่าร้านของพวกเจ้าก็ขายยันต์แคล้วคลาดและเครื่องรางต่างๆ ด้วยใช่หรือไม่ พวกเราจองไว้สักหน่อยได้หรือไม่ ไม่ต้องการอะไรมากมาย เพียงแค่หยกยันต์อย่างของเจ้าสำนักศึกษาถังเช่นนี้ก็ได้ เพื่อความแคล้วคลาดปลอดภัย” เจียงเหวินหลิวเอ่ย “ข้าจำได้ว่าเมื่อตอนกลางวันเจ้าเล่นกู่ฉิน ข้ากับอาจารย์ได้รับผลกระทบ แต่เจ้าสำนักศึกษาถังกลับเหมือนคนปกติไม่ได้เป็นอะไร เป็นเพราะมีหยกยันต์นี้ปกป้องใช่หรือไม่”

“ขงจื๊อไม่สอนเรื่องอำนาจลี้ลับ…”

เจียงเหวินหลิวพูดไม่ออก ก่อนหน้านี้เขาเคยเอ่ยเช่นนี้ แต่ตอนนี้เขาได้เห็นแม้กระทั่งยมทูตในตำนาน หากยังไม่เชื่อก็เท่ากับว่ากำลังโกหกตาใส

“พวกเราเต็มใจบริจาคค่าน้ำมันตะเกียงแก่อารามชิงผิง ขอให้เจ้าลัทธิเต๋าช่วยคุ้มครอง” เขายิ้มเล็กน้อย

“กล่าวตามตรง อารามชิงผิงของพวกเราช่วงนี้กำลังวางแผนที่จะสร้างหอไจซิงเช่นเดียวกับวัดจินหัวในเมืองหลวง นอกจากไว้เก็บคัมภีร์พระสูตรแล้วยังสามารถมองทิวทัศน์ภูเขาได้ เพียงแต่ติดขัดเรื่องเงิน…” ฉินหลิวซีถูมือท่าทางลำบากใจ

ไม่ต้องพูด พวกเราเข้าใจแล้ว!

“เจ้าลัทธิเต๋าของพวกเจ้าก็มีรูปหล่อทองแล้ว เรื่องค่าสร้างหอไจซิงพวกเราจะบริจาคเอง” เหยียนฉีซานและเจียงเหวินหลิวเอ่ยพร้อมกัน

ฉินหลิวซีซึ้งใจเป็นอย่างมาก เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ท่านผู้ประเสริฐ ยันต์สองอันนี้ทำมาจากไม้เหลยจี เทียบไม่ได้กับเครื่องรางหยกยันต์ชิ้นนี้ แต่ก็แข็งแกร่งกว่ายันต์แคล้วคลาดหรือยันต์ป้องกันตัว เพียงพอที่จะขับไล่วิญญาณชั่วร้าย การหล่อหลอมเครื่องรางนั้นไม่ง่าย หากพวกท่านอยากได้จริงๆ ไว้รอคุณชายเจียงเข้าศึกษาระดับกลางข้าจะส่งไปให้”

เจียงเหวินหลิวดีใจเป็นอย่างมาก

หลังจากได้หอเก็บคัมภีร์ ฉินหลิวซีก็อารมณ์ดี เอ่ยอย่างร่าเริง “ไปกันเถิด ข้าจะไปส่งพวกท่านไปอวี๋หัง”

“เดี๋ยวก่อน เจ้าจะไปเช่นนี้เลยหรือ ไม่เอาเครื่องมือไล่ผีหรือเครื่องรางอะไรสักอย่างไปด้วยหรือ เจ้าไม่กลัวผีร้ายเหล่านั้นมาฆ่าหรอกหรือ” เมื่อเหยียนฉีซานเห็นมือของฉินหลิวซีว่างเปล่า เขาเองก็ใช่ว่าไม่เคยเห็นนักพรตมาก่อน อย่างน้อยก็ต้องแกล้งทำเป็นถือดาบทองแดงด้วยกระมัง

ฉินหลิวซีส่ายหน้า “ไม่จำเป็น ข้ามีความสามารถแข็งแกร่ง พวกเขาไม่กล้าหรอก”

บรรดาผี ‘เหอะๆ ชื่อเสียงร้ายกาจเช่นนี้ก็ไม่มีใครกล้าจริงๆ นั่นแหละ!’

[1]ไม้เหลยจี ไม้ฟ้าผ่า หมายถึง ไม้ที่เหลือจากต้นไม้ที่ปลูกตามปกติซึ่งถูกฟ้าผ่า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท