ตอนที่ 459 เทพเจ้าอยู่ได้ด้วยความศรัทธา
เมื่อเห็นว่าคู่รักร้อยปีมีเส้นทางชีวิตที่แตกต่างกันกลายเป็นผีกับเทพ ทุกคนที่อยู่ตรงนี้ต่างก็เงียบไป
เมื่อเห็นไถชิงน้ำตาไหลเป็นสายเลือด เหยียนฉีซานก็รู้สึกว่าดูเหมือนบรรพบุรุษของตัวเองจะนิสัยไม่ดีเล็กน้อย
แต่เขาฉลาดพอที่จะไม่เอ่ยออกมา เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องที่คนรุ่นหลังอย่างเขาจะเข้าไปยุ่งได้
ฉินหลิวซีอธิบายให้ฟังคร่าวๆ ว่าหลังจากที่ไถชิงตายแล้ววิญญาณที่ขุ่นเคืองได้เข้าไปอยู่ในกู่ฉิน จนกระทั่งไม่นานมานี้นางได้ถูกสายเลือดรุ่นเหลนของเขาปลุกให้ตื่นขึ้นมาจึงได้ตามหาเขา
“ท่านทวด เหลนคนนั้นคือข้าเอง” เหยียนฉีซานยกมือขึ้น เมื่อเห็นเฟิงปั๋วมองมา เขาก็คุกเข่าลงอย่างไม่ลังเล ก้มศีรษะคำนับสามครั้ง “เหลนฉีซานคำนับท่านทวดขอรับ”
เฟิงปั๋วมองดูเหยียนฉีซานอย่างละเอียด กล่าวว่า “เป็นเจ้านี่เอง เจ้ากับพ่อของเจ้าก็เคยมากราบไหว้ข้าที่นี่”
เหยียนฉีซานอดดีใจไม่ได้ “ท่านทวดจำข้าได้ด้วยหรือขอรับ”
“แม้ว่าเจ้าจะไม่ได้ดูโดดเด่นเหมือนตอนที่ข้ายังหนุ่ม แต่ก็ยังพอมีความคล้ายข้าอยู่บ้าง ย่อมจำได้” เฟิงปั๋วเหลือบมองเขา “เจ้าเองก็แก่แล้ว”
เหยียนฉีซาน “…”
คนที่ได้เจอกันเป็นครั้งแรก ต้องพูดแทงใจดำกันขนาดนั้นเลยหรือ
แต่เขาไม่กล้าถือสาหาความ จากนั้นก็ดึงลูกศิษย์ของตัวเองกับสหายสนิทคุกเข่าคำนับด้วยกัน
ไถชิงเอ่ยเบาๆ ว่า “เจ้าจำทุกอย่างได้ แต่กลับไม่เคยตามหาข้า ดังนั้นที่สาบานว่าจะรักกันชั่วนิรันดร์เหล่านั้นคงเป็นเพียงเรื่องน่าขัน”
เฟิงปั๋วมองนางอีกครั้ง ขยับริมฝีปากเล็กน้อย คำพูดนับพันเหลือเพียงประโยคเดียวว่า ‘ข้าขอโทษ’
ในตอนแรกเขารู้สึกจริงๆ ว่าตัวเองตายอย่างอยุติธรรม ต้องการจะหาตัวตายตัวแทน จากนั้นก็ไปจากทะเลสาบลวี่หูเพื่อตามหานาง แต่ครั้งแล้วครั้งเล่าผ่านไป เขาก็ทำใจลงมือไม่ได้
ผีน้ำทะเลสาบลวี่หูเกือบทุกสามปีจะเปลี่ยนหนึ่งครั้ง ผีรอบตัวเขาไปๆ มาๆ มีเพียงเขาที่ยังคงอยู่ก้นทะเลสาบมาโดยตลอด ต่อมามีผีบางตัวไม่ชอบการกระทำของเขา บอกว่าเขาหน้าซื่อใจคดจึงเกิดการทะเลาะกัน
วิญญาณของเขาถูกทุบตีครั้งแล้วครั้งเล่าจนแข็งแกร่งขึ้น ต่อมาเขาจึงกลายเป็นผีใหญ่ ยึดครองดินแดนส่วนหนึ่ง และมีคนรุ่นหลังกราบไหว้บูชา ทำให้พลังผีแข็งแกร่งขึ้น ผีน้ำตัวอื่นๆ จึงไม่กล้ายุ่งกับเขา และยิ่งไม่กล้าหาตัวตายตัวแทนตามอำเภอใจ กลัวว่าจะถูกเขาจับตามอง โดยเฉพาะเด็กและสตรีก็ยิ่งไม่กล้าแตะต้อง มีเพียงคนชั่วที่มีบาปติดตัวร้ายแรงเท่านั้น พวกเขาจึงได้ถือโอกาสเอามาเป็นตัวตายตัวแทนแล้วจากไป
ในชั่วเวลาหลายปีที่ผ่านมา นอกจากการฝึกบำเพ็ญแล้ว ก็ยังโผล่ขึ้นมาจากน้ำเป็นครั้งคราวเพื่อดูการแทนที่ของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ปีแล้วปีเล่าความรักนี้จึงได้จางหายไป และในเวลานั้นอวี๋หังเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ขึ้นพอดี ผู้คนจำนวนมากตกลงไปในน้ำ เขาทำได้เพียงใช้พลังผีทั้งหมดของตนเข้าช่วยเหลือผู้คน เขาเหลือเศษพลังวิญญาณอยู่ไม่มาก คิดไม่ถึงว่าราษฎรจะคิดว่าเขาเป็นเทพเจ้าน้ำจึงได้ตั้งศาลขึ้นกราบไหว้บูชา
เขาได้รับความศรัทธา เศษวิญญาณที่เหลืออยู่ใต้ก้นทะเลสาบจึงได้รับโอกาสอีกครั้ง ด้วยความศรัทธาและการบวงสรวงบูชา เขาค่อยๆ ประกอบวิญญาณขึ้นมาได้อีกหน และในจิตวิญญาณมีพลังเทพอันน้อยนิด เขาได้รับแสงสีทองแห่งบุญและการยอมรับจากใต้หล้า
ฉินหลิวซีเม้มริมฝีปาก หันกลับไปมองอีกครั้ง ดวงตาของเขาสว่างสดใสในความมืดอย่างน่าประหลาดใจ
หลังจากกลายเป็นครึ่งเทพ เขาก็ยิ่งไม่สามารถไปจากที่นี่ได้ เพราะเขาเกิดขึ้นด้วยความศรัทธาของราษฎร หากจากไป ไม่มีเทพเจ้าปกป้องดูแลแล้ว พลังแห่งศรัทธาก็จะพังทลายลง และจากที่คำนวณเวลาก็เกรงว่าไถชิงจะไปเกิดใหม่แล้ว เขาจึงไม่มีความคิดนี้อีกต่อไป
ไถชิงได้ฟังดังนั้นก็หัวเราะทั้งน้ำตาที่ไหลเป็นสายเลือด
“ดังนั้นเจ้าจึงเลือกที่จะผิดต่อข้า เพื่อไม่ให้ผิดต่อราษฎร”
เฟิงปั๋วมองนางด้วยความรู้สึกผิด “ข้าขอโทษ ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเสียชีวิตก่อนวัยอันควร เป็นข้าที่ผิดต่อเจ้า”
การมีคนรักไม่ได้หมายความว่าจะได้เป็นคู่กัน ความรักที่ลึกซึ้งสุดท้ายก็เป็นการทุ่มเทที่พลาดไป
นี่คือจุดจบของไถชิง
ไถชิงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งไม่หยุด
“นางอยู่ข้างกายท่านทวดไม่ได้หรือ” เหยียนฉีซานกล่าวพึมพำว่า “ตอนนั้นท่านบอกว่าจะไปสู่ขอนาง และในความจริงแล้วข้าก็ได้คุกเข่านับนางเป็นท่านย่าทวดแล้ว!”
เฟิงปั๋ว “…”
“หุบปาก!” ไถชิงตะโกนเสียงดัง “ใครเป็นท่านย่าทวดของเจ้า เจ้าคู่ควรด้วยหรือ!”
เหยียนฉีซานรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก ก่อนหน้านี้ท่านยังรักฝังจิต ซ้ำยังบอกว่าจะคอยอยู่ข้างกายท่านทวดของข้า เต็มใจที่จะเป็น ‘เลขา’ อย่างที่ยมทูตท่านนั้นกล่าว
“ข้อตกลงทางวาจาก็ถือเป็นข้อตกลง ท่านทวด ตอนที่ท่านตายก็ไม่มีภรรยา พวกเราสามารถบอกกับหัวหน้าตระกูลให้เขาเพิ่มชื่อและแปดอักษรเวลาตกฟากของภรรยาท่านผู้นี้ลงไปด้วยได้ จากนั้นก็เผาหนังสือแต่งงานก็เสร็จสิ้นพิธีแล้วไม่ใช่หรือ”
เฟิงปั๋วยังไม่ทันได้กล่าวอะไร ไถชิงก็กล่าวด้วยใบหน้าเย็นชาว่า “ไม่จำเป็น”
นางมองไปยังเฟิงปั๋ว เอ่ย “เมื่อรู้ว่าเจ้าตายเร็วกว่าข้า ข้าก็เพียงอยากมาพบเจ้า หากเจ้ายังมีใจข้าก็จะอยู่ แต่หากเจ้าหมดรักแล้วข้าก็จะไป เทพกับผีเส้นทางต่างกัน ข้าเป็นเพียงผีอายุร้อยปีธรรมดาทั่วไป ไม่คู่ควรเป็นภรรยาของเทพเจ้าน้ำ”
“ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับข้าควรจบไปตั้งแต่ร้อยปีก่อนแล้ว เพียงแค่โชคชะตาเล่นตลก ตอนนี้เจ้ากับข้าเป็นเหมือนกับกำไลข้อมือนี้ที่ถูกแบ่งจากหนึ่งเป็นสอง ควรไปตามทางของแต่ละคน” เมื่อนางเอ่ยจนจบก็ถอดกำไลข้อมือออกมาแล้วขว้างลงบนพื้นจนแตกหัก
เฟิงปั๋วมองดูกำไลข้อมือด้วยสีหน้ารู้สึกผิด
ไถชิงหันหลังไปอย่างมีศักดิ์ศรี เตรียมจะลอยจากไป
ฉินหลิวซีหยิบเหยือกสุราที่วางอยู่ในศาลขนาดเล็ก ยื่นให้เถิงเจา “เซ่นสุรานี้ให้ไถชิงดื่ม นางต้องการเมายิ่งกว่าคนนิสัยไม่ดีผู้นี้เสียอีก”
ไถชิงเดินโซเซเล็กน้อย
เจ้าสำนักถัง “คืนนี้แสงจันทร์สวย”
เจียงเหวินหลิว “ท่านพูดถูก”
เฟิงปั๋วกับเหยียนฉีซานรู้สึกอึดอัด
“เจ้ายังไม่ได้ฝึกบำเพ็ญเป็นร่างเทพอีกหรือ” ฉินหลิวซีมองเฟิงปั๋วพลางเอ่ยถาม
เฟิงปั๋วยิ้มอย่างขมขื่น “ร่างเทพไหนเลยจะฝึกบำเพ็ญได้ง่ายเช่นนั้น เดิมทีข้าก็เป็นแค่ผี เพียงแค่บังเอิญได้รับโอกาสฝึกบำเพ็ญพลังครึ่งเทพ พึ่งเป็นครึ่งเทพได้หกสิบปี”
เขาหันกลับไปมองโกศ กล่าวว่า “ข้านับว่าเป็นครึ่งเทพที่ออกบวชครึ่งทาง กล่าวตามตรงก็คือยังไม่ใช่ของจริง พื้นที่แห่งนี้มีราษฏรศรัทธาข้า แต่ก็ไม่ได้มีธูปบูชามากนัก ดังนั้นสามารถรวบรวมจิตวิญญาณขึ้นมาได้เช่นนี้ก็นับว่าดีแล้ว”
เทพเจ้าอยู่ได้ด้วยความศรัทธา
การจะฝึกบำเพ็ญเป็นร่างเทพ ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับผี
ฉินหลิวซีกำลังจะอ้าปากเอ่ยถาม แต่หางตาเหลือบไปเห็นเหยียนฉีซานและคนอื่นๆ จึงไม่ได้ถามออกไป
เหยียนฉีซานกล่าวว่า “ปู่ทวด เสี่ยวซี ก็คือนาง เจ้าอาวาสน้อยอารามชิงผิงถามว่าท่านจะสร้างรูปปั้นเทพใหม่หรือไม่ อย่างไรก็ต้องถามท่านก่อน ท่านดูสิ ไม่มีแม้แต่ใบหน้าด้วยซ้ำ ต้องปั้นขึ้นมาใหม่หรือไม่ ผู้คนจะได้มองเห็นท่านได้ ควันธูปก็จะรุ่งเรืองยิ่งขึ้น เมื่อข้ารู้ว่าท่านมีตัวตนอยู่ เดิมทียังอยากจะสร้างศาลขึ้นมาใหม่ด้วยซ้ำ”
เฟิงปั๋วสีหน้าเปลี่ยนไป กล่าวน้ำเสียงดุว่า “ไม่ได้เด็ดขาด บ้านเกิดของตระกูลเหยียนอยู่ที่อวี๋หัง ตอนนี้หัวหน้าตระกูลได้กลับมาอยู่ที่อวี๋หังแล้ว แต่ข้าไม่เคยไปเข้าฝันบอกเขา เพราะข้าไม่ต้องการให้คนในตระกูลตื่นตระหนก หากเรื่องนี้เผยแพร่ออกไป จะส่งผลเสียมากกว่าผลดีต่อตระกูลเหยียน ข้าได้ใช้พลังเทพอันน้อยนิดเพปกปิดพลังแห่งความโชคดีของตระกูลที่บ้านกิด เพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้น หากพวกเจ้าทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ จะไม่เป็นการดึงดูดความสนใจของผู้คนจนทำให้ตระกูลเหยียนต้องพบกับความขัดแย้งหรือ”
เหยียนฉีซานตกตะลึง
ฉินหลิวซี “ก็เป็นคนดีไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงใจร้ายกับไถชิงเช่นนั้น”
เฟิงปั๋ว “…”
“เช่นนั้นรูปปั้นล่ะ”
“ไม่ต้องลำบากแล้ว” เฟิงปั๋วคิดอยู่ครู่หนึ่ง ตระหนักได้ว่าการมีรูปร่างหน้าตาจะทำให้ผู้ศรัทธาสะดวกต่อการจดจำเขาได้จริงๆ จึงกล่าวกับฉินหลิวซีว่า “ในเมื่อเจ้าอาวาสน้อยอัญเชิญข้าลงมา เช่นนั้นก็รบกวนเจ้าอาวาสน้อยปั้นลงบนรูปปั้นเทพเจ้าเก่าให้ข้าด้วยเถิด”
ฉินหลิวซี “?”
นางอยากจะบอกว่าหากไม่มีผลประโยชน์ไม่ว่าใครก็กระตุ้นให้นางทำงานไม่ได้ แต่เมื่อนางคิดถึงเรื่องสงสัยที่อยู่ในใจ นึกบางอย่างขึ้นได้จึงกล่าวว่า “ได้ แต่การปั้นนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย พวกท่านไปหาที่หลบลมกันก่อนเถิด”