บทที่ 841 ศัตรูหน้าเก่าอีกครั้ง
บทที่ 841 ศัตรูหน้าเก่าอีกครั้ง
ซูอันไม่รู้จะอธิบายอย่างไร แต่เขารู้ว่าเขาสามารถเรียกต๋าจี่อีกครั้งได้ทุกเมื่อ
นอกจากนี้ เมื่อต๋าจี่ได้รับความเสียหายในระดับหนึ่ง นางจะถูกบังคับให้กลับไปยังกาลอวกาศเพื่อฟื้นตัวเองอย่างช้า ๆ แน่นอนว่ากระบวนการฟื้นฟูนี้ช้ามาก และอาจถูกเร่งได้ด้วยโอสถบางประเภท
เพ่ยเหมียนหมานพยักหน้าเข้าใจ นางนำรูปปั้นนกฮูกออกมาและใช้มันเพื่อสื่อสารกับมิติลับ เตรียมการที่จำเป็นในการจะออกไปที่จากแห่งนี้
ซูอันลูบตราหยกที่เปลี่ยนรูปร่างกลายเป็นกำไลอยู่ตรงข้อมือของเขา นึกถึงสิ่งที่เจียงเจียงพูดก่อนที่นางจะหายตัวไป สิ่งนี้ดูเหมือนจะมีความสามารถในการสื่อสารกับสิ่งเหนือธรรมชาติ ซึ่งส่วนใหญ่มันน่าจะถูกใช้ในระหว่างพิธีบูชา แต่แน่นอนว่ามันสามารถนำมาใช้ต่อสู้ได้โดยการใช้ควบคุมสิ่งมีชีวิตที่ด้อยสติปัญญากว่า แม้กระทั่งพวกภูตผีวิญญาณหรือซากศพ เจียงเจียงเคยใช้มันก่อนหน้านี้เพื่อสั่งวิญญาณทั้งหมดให้โจมตีพวกเขาทั้งสอง
สิ่งนี้แตกต่างจาก ‘เสียงขับขานแห่งปีศาจ’ ของต๋าจี่ ทักษะของต๋าจี่ทำให้เป้าหมายของนางเข้าสู่สภาวะสับสน แต่ก็ไม่อนุญาตให้นางควบคุมเป้าหมายได้อย่างสมบูรณ์
ซูอันไตร่ตรองเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกเล็กน้อย ตราหยกนี้ดูคล้ายกับทักษะของเผ่าดรูอิดในเกมของโลกก่อนหน้าของเขา ด้วยสิ่งนี้ เขาสามารถทำให้สิ่งมีชีวิตจำนวนมากเชื่อฟังคำสั่งของเขาได้
แทนที่จะใช้มันในการต่อสู้ ดูเหมือนว่าจะมีประโยชน์มากกว่าสำหรับการสอดแนม มันง่ายที่จะจินตนาการว่าเขาจะสะดวกสบายขนาดไหนหากสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ธรรมดาที่อยู่รอบ ๆ ศัตรูของเขากลายเป็นหูเป็นตาให้กับตัวเอง
เดี๋ยวก่อน! จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเจ้าตัวเล็กเหล่านั้นบังเอิญแอบมองผู้หญิงบางคนที่กำลังอาบน้ำอยู่…?
แค่ก ๆ! ข้าเป็นคนมีเกียรติ ข้าไม่มีทางทำเรื่องน่าอายแบบนั้นแน่…
ในขณะที่ความคิดของซูอันกำลังดำเนินไปอย่างบ้าคลั่ง เพ่ยเหมียนหมานก็จับมือเขาไว้ “พร้อมแล้ว!”
ทันใดนั้น ประตูมิติก็ปรากฏขึ้นต่อหน้า พวกเขาจับมือกันแน่น เพ่ยเหมียนหมานก้าวผ่านมันไป
ทุกสิ่งพร่าเลือน และโลกทั้งใบต่อหน้าต่อตาพวกเขาก็ระเบิดแสงวาบวับ พวกเขาไม่ได้อยู่ในความมืดมิดและความน่ากลัวของมิติลับอีกต่อไป ในทางกลับกัน ลมเย็นพัดมากระทบใบหน้าของพวกเขา และบริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยเสียงนกร้องจิ๊บ ๆ
ทั้งสองยิ้มเมื่อเห็นดวงอาทิตย์ส่องแสง และรับความรู้สึกคุ้นเคยของพลังชี่ในอากาศ “ในที่สุดเราก็กลับมาได้!”
จู่ ๆ เพ่ยเหมียนหมานก็กระวนกระวายใจ “อาซู จักรพรรดิยังต้องการจับตัวเจ้า ทำไมเจ้าไม่ถือโอกาสหนีไปเลยล่ะ? ทุกคนจะได้คิดว่าเจ้าตายไปแล้วในมิติลับ และเมื่อจักรพรรดิสิ้นพระชนม์ เจ้าจะปลอดภัย”
ซูอันส่ายหัว “แม้ทุกคนจะเชื่อว่าจักรพรรดิเหลืออายุขัยอีกไม่กี่ปี แต่เขาคือผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก หากให้ข้าประมาณการณ์ เขาน่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกสิบปีหรือมากกว่านั้นแน่นอน จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขามีชีวิตอยู่ต่อได้อีกสองหรือสามทศวรรษ? ข้าต้องรออีกนานแค่ไหน?
“นอกจากนี้ ทุกคนในโลกรู้เรื่องวิชาวัฏจักรหงส์อมตะของข้าแล้ว ถ้าเขาตาย ข้าคงตกอยู่ในอันตรายมากกว่านี้ นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับข้าที่จะมุ่งหน้าไปยังเมืองหลวงและจัดการกับสถานการณ์ทั้งหมด”
เพ่ยเหมียนหมานเม้มริมฝีปาก “คำพูดของเจ้าฟังดูมีเหตุผลดี แต่ท้ายที่สุดแล้ว เจ้าไม่ได้ทำทั้งหมดนี้เพื่อชูเหยียนเหรอ?”
ทันทีที่คำพูดออกจากปากของนาง ทั้งสองคนก็ก้มหน้าด้วยความกระอักกระอ่วน ในมิติลับทั้งสองสามารถอยู่เป็นสามีและภรรยาได้ แต่ที่นี่คือโลกแห่งความเป็นจริง พวกเขามีเรื่องอื่นอีกมากมายให้ต้องกังวล
ซูอันจับมือนางอย่างอ่อนโยน “เหมียนหมาน ข้าก็ทำแบบนี้เพื่อเจ้าเช่นกัน เจ้าเข้าไปในมิติลับกับข้า ถ้าข้าหนีไปหลบซ่อน นั่นแปลว่าเจ้าจะไม่สามารถแสดงตัวในที่สาธารณะได้อีก เจ้าไม่ได้มีแค่ตัวเองเหมือนข้า เจ้ายังมีตระกูลของเจ้าและคนที่เจ้ารัก”
เพ่ยเหมียนหมานคิดถึงแม่ของนาง ดวงตาของตัวเองก็เริ่มแดงและปริ่มไปด้วยน้ำตา นางโผเข้าไปในอ้อมแขนของเขา “อาซู เจ้าช่างเป็นคนดีจริง ๆ”
ขณะที่พวกเขาแบ่งปันความรักซึ่งกันและกัน เสียงหัวเราะเยือกเย็นก็ดังก้องมาจากบริเวณใกล้เคียง “ช่างเป็นคู่รักที่น่าเอ็นดูจริง ๆ! พวกเจ้าสองคนได้ทำลายโอกาสที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของข้า พวกเจ้าจะชดใช้ความสูญเสียของข้าได้อย่างไร!?”
ซูอันและเพ่ยเหมียนหมานต่างก็ตกใจอย่างมาก พวกเขาหันไปรอบ ๆ และรู้สึกหนาวขึ้นมาทันที
ผู้หญิงชุดเหลืองผู้หนึ่งกำลังเย้ยหยันพวกเขา จะเป็นใครได้อีกนอกจากแม่ชียุง?
ก่อนหน้านี้แม้จะถูกรุมโดยผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่งมากมาย แต่แม่ชียุงยังรอดมาได้ และตอนนี้พวกเขาเผชิญหน้ากันเพียงลำพังเท่านั้นและอาการบาดเจ็บของแม่ชียุงก็หายเป็นปกติแล้ว ความกดดันที่นางแผ่ออกมานั้นยิ่งใหญ่กว่าที่พวกตนรู้สึกมาก่อน ทั้งสองตัวสั่นด้วยความกลัว
ทว่าขณะนี้มีบางสิ่งที่แปลกไปจากเดิม ก่อนหน้านี้ร่างกายของแม่ชียุงถูกปกคลุมด้วยคลื่นพลังที่น่าสยดสยองอยู่เสมอ แต่ตอนนี้พลังของนางที่แผ่ออกจากร่างกลับดูเหมือนฉายรัศมีอันศักดิ์สิทธิ์ออกมาด้วย
“เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?” ซูอันกล่าวถามเสียงต่ำ
แม่ชียุงคำราม “มันเป็นเพราะเจ้าสองคนออกมาจากมิติลับข้าก็เลยถูกบังคับให้ออกมาด้วย! ฮึ่ม น่าเสียดายที่ข้าไม่ได้เจอเจ้าสองคนในมิติลับ ข้าจะฆ่าพวกเจ้าทั้งคู่แน่นอนถ้าข้ารู้ว่าพวกเจ้าจะกลายเป็นตัวทำลายโอกาสอันดีงามของข้าทั้งหมดไปแบบนั้น!”
ซูอันงุนงงกับคำพูดของนาง ปรากฏว่านางไม่สนใจแม้แต่วิชาวัฏจักรหงส์อมตะอีกต่อไป “เราทำลายโอกาสอะไรของเจ้า?”
แม่ชียุงกัดฟันกรอด และรัศมีแห่งความศักดิ์สิทธิ์ก็ถูกแทนที่ด้วยความชั่วร้ายในทันที “ข้ากำลังดูดซับสมบัติศักดิ์สิทธิ์ล้ำค่าที่สุดของนิกายตะวันตก ดอกบัวทองคำสิบสองช่อชั้น! ข้าจะไร้เทียมทานถ้าข้าดูดซับมันได้ทั้งหมด! ใครจะสนเรื่องจักรพรรดิโจวหรือราชามาร? ไอ้คนทั้งคู่นั้นจะไม่อาจเทียบข้าได้อีกต่อไปหากข้าดูดซับมันได้สำเร็จ แต่ท้ายที่สุดข้ากลับถูกเจ้าสองคนลากออกจากมิติลับหลังจากดูดซับบัวทองคำสิบสองช่อชั้นไปได้เพียงแค่สามช่อชั้นเท่านั้น!”
“ห้ะ?!” ซูอันตกตะลึง
ซูอันพูดไม่ออก เขาและเพ่ยเหมียนหมานเกือบจะตายในการทดสอบของราชวงศ์ซาง แต่ผู้หญิงประหลาดคนนี้กลับประสบโชคอันยิ่งใหญ่ในการบ่มเพาะ?
มิติลับนี้นำผู้คนที่มีระดับการบ่มเพาะต่างกันไปยังสถานที่ที่ต่างกันหรืออย่างไร?
แต่แล้วซูอันก็เริ่มนึกขึ้นได้ว่าสิ่งต่าง ๆ ที่แม่ชียุงเพิ่งพูดถึงนั้นมันคลับคล้ายคลับคลากับหนังเรื่อง ‘เทพประยุทธ์พิชิตฟ้า’ ในหนังเรื่องนั้น มีแม่ชียุงที่ทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ความเป็นมาของนางนั้นไม่มีผู้ใดเคยรับรู้ แม่ชียุงนี้ปรากฏตัวเพียงครั้งเดียว แต่สิ่งที่สร้างความประทับใจได้อย่างแน่นอนคือวีรกรรมที่นางกินแม่เต่าศักดิ์สิทธิ์และดูดจนแห้งไม่เหลืออะไรนอกจากกระดองที่ว่างเปล่า
แม่เต่าศักดิ์สิทธิ์ตัวนี้คืออะไร? นางเป็นหนึ่งในสี่สาวกของปรมาจารย์สวรรค์! นางถูกควบคุมโดยจ้าวนิกายตะวันตก ‘ผู้แนะเต๋า’ ซึ่งอนุญาตให้แม่ชียุงสามารถดูดนางจนแห้งตายไป
หลังจากที่แม่ชียุงดูดกลืนแม่เต่าศักดิ์สิทธิ์ นางก็มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตก และดูดซับดอกบัวทองคำสิบสองช่อชั้นของนิกายตะวันตกไปถึงสามช่อชั้น ทำให้แผนการของนิกายตะวันตกล่าช้าไปนับพันปี
จากนั้นก็ไม่มีสิ่งใดถูกบันทึกไว้เกี่ยวกับแม่ชียุงนี้ใน ‘เทพประยุทธ์พิชิตฟ้า’ มันดูคล้ายว่านางปรากฏตัวขึ้นจากอากาศแล้วก็หายไปอีกครั้งในลักษณะเดียวกัน
ซูอันค่อนข้างตื่นตระหนก เมื่อพิจารณาจากสิ่งต่าง ๆ เป็นไปได้ไหมที่แม่ชียุงที่ถูกกล่าวถึงในบันทึกนั้นก็คือคนที่อยู่ข้างหน้าพวกเขา!
เขาจะไปต่อกรกับใครที่มาจากโลกนั้นได้อย่างไร?
มีเทพเจ้าและพระยูไลอยู่ทุกหนทุกแห่งในโลกนั้น และผู้เป็นอมตะก็พบได้ทั่วไปเหมือนสุนัขจรจัด! ถ้าแม่ชียุงมาจากโลกแบบนั้นแล้ว พวกเขาสองคนจะทำอะไรกับนางได้?