บทที่ 683 ศิษย์พี่ ถนอมตัวด้วย (4)
ในยามนั้น หลี่ฉางโซ่ว ซึ่งซ่อนตัวอยู่ใต้ดิน ได้โบกสะบัดแขนเสื้อยาวของเขา
ทันใดนั้น ก็เกิดลมกระโชกแรงพัดไปทั่วทุกมุมเมืองจากล่างขึ้นบน แล้วกวาดม้วนเอาเมฆหมอกสีดำที่กำลังจะกระจายตัว ขึ้นไปสู่ท้องฟ้า
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
จู่ๆ สตรีผู้สวมหน้ากากก็เงยหน้าขึ้นและหัวเราะเสียงดังลั่น
ในขณะนั้น นางไม่ได้สนใจเลยว่าหมอกพิษที่นางปล่อยออกมานั้น ได้ถูกกวาดพัดพาออกไปอย่างหาเหตุผลไม่ได้
ดวงตาทั้งคู่ของนาง ซึ่งควรจะสดใสและสวยงามนั้น กลับเต็มไปด้วยความเกลียดชังในขณะที่นางจับจ้องมองไปที่โหย่วฉินเสวียนหย่าที่งามสง่า
“ในที่สุดวันนี้ กรรมก็ตามสนองเจ้าแล้ว!”
บัดนั้นโหย่วฉินเสวียนหย่าก็ลุกขึ้นยืนด้วยกระบี่ในมือของนางค้ำยัน นางงอขาขวาและตบปลายเท้าซ้ายเบาๆ บนกระบี่บิน
กระโปรงและเส้นผมยาวของนางพลิ้วไหวไปมาอยู่บนท้องฟ้ายามราตรี นางรีบพุ่งตรงไปยังสถานที่ที่มารดาและพี่สะใภ้ใหญ่ของนางถูกกักตัวอยู่โดยไม่เอ่ยวาจาใดแม้สักคำ
สตรีผู้สวมหน้ากากร้องตะโกนขึ้นทันที “หยุดนาง! จับเป็นนาง แล้วพานางมาหาข้า ข้าต้องการสังหารนางด้วยตัวข้าเอง!”
ในขณะนั้น เหล่าผู้เป็นเซียนหลายคนในเมืองที่อยู่ฝ่ายเดียวกับสตรีผู้นั้นพลันขมวดคิ้วเล็กน้อย
ไม่มีผู้ใดที่ไปยังโลกมนุษย์ อยากจะฟังคำสั่งของเซียนเสิ่น ซึ่งดูเหมือน “คนเลวร้าย” เยี่ยงนี้
แต่บรรดาเซียนเหล่านั้น ก็นึกถึงคำบัญชาและคำขู่ที่พวกเขาได้รับมาก่อนหน้านี้ พวกเขาจึงทำได้เพียงบุกโจมตีอีกครั้งเท่านั้น
บัดนั้น โหย่วฉินเสวียนหย่าก็ถูกปิดล้อมอย่างแน่นหนาอีกครา ทว่าด้วยวิชาการควบคุมกระบี่ของนาง และการที่หลี่ฉางโซ่วแอบให้ความช่วยเหลือนางอยู่ลับๆ เวลานี้ โหย่วฉินเสวียนหย่าจึงสามารถรอดชีวิตจากศัตรูมาได้โดยลำพัง
ขณะนั้น มีเงาเซียนซ้อนทับกัน และแสงกระบี่ก็พุ่งขึ้นลง
เวทเต๋าเรียกสายฟ้าวายุ และกระบี่เดียวถล่มเมือง
ในระหว่างการต่อสู้ที่ดุเดือดรุนแรงนั้น สมบัติเวทรูปยานเคลื่อนย้ายได้ปล่อยการโจมตีและฟาดกระแทกเข้าที่หลังของโหย่วฉินเสวียนหย่าอย่างหนักหน่วง และทำให้นางซวนเซ
ทว่านางก็ยังฝืนบังคับตัวเองเพื่อกลั้นเลือดของนางเอาไว้ให้ย้อนกลับ ไม่ให้มันไหลพุ่งออกมา และปราณวิญญาณของนางก็ควบคุมพลังเซียนที่เกือบจะกระจัดกระจายออกไปเอาไว้ได้อย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นไม่นาน โหย่วฉินเสวียนหย่าก็มีบาดแผลปกคลุมเต็มไปทั่วทั้งร่างมากขึ้น
ชุดกระโปรงสีฟ้าเย็นเยียบซึ่งเป็นชุดโปรดเพียงชุดเดียวของนาง ได้รับความเสียหายขาดวิ่นไปหลายจุด และปลายเส้นผมยาวซึ่งถูกมัดเอาไว้อย่างเรียบง่ายของนาง ก็มีสีดำไหม้เกรียมและแข็งเล็กน้อยเช่นกัน…
ในท้ายที่สุดแล้ว มันก็ยังเป็นเรื่องยากเล็กน้อยที่จะต่อสู้กับผู้คนจำนวนมากกลุ่มหนึ่งเพียงลำพัง และยิ่งไปกว่านั้น ยังมีศัตรูหนึ่งหรือสองคนที่เข้าใกล้ขอบเขตเซียนเทียนอยู่รอบกาย
ทันใดนั้น สตรีในชุดคลุมสีดำและสวมหน้ากากครึ่งหน้าก็หัวเราะลั่นออกมาอีกครั้ง
คำพูดทุกคำของนางดังเข้าหูของโหย่วฉินเสวียนหย่าราวกับว่านางกำลังบังคับให้โหย่วฉินเสวียนหย่าสูญเสียหัวใจเต๋าของนางไป
“โหย่วฉินเสวียนหย่า เจ้ารู้หรือไม่ว่า ผู้ใดทำลายตระกูลโหย่วฉินของเจ้าในวันนี้?
เป็นข้าเอง! ข้าเอง!
บิดาของเจ้าถูกทหารองครักษ์ที่ข้าบัญชาการตัดหัว และค่ายกลเวทบนกำแพงเมืองก็ถูกข้าปลดออก และข้าเองก็เป็นผู้ที่เสนอกลยุทธ์จู่โจมฉับพลันในคืนนี้อีกด้วย!
เจ้ารู้หรือไม่ว่าเป็นเพราะเหตุใด? เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร!?
เจ้ารู้หรือไม่ว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ ข้าเคียดแค้นมากมายเพียงใด!?!”
โหย่วฉินเสวียนหย่าเม้มปากและนิ่งเงียบ นางยังคงต่อสู้กับเหล่าเซียนโดยรอบ แต่ดวงตาของนางก็เต็มไปด้วยแวววิตกกังวล
ที่เท้าของสตรีผู้สวมหน้ากาก เงาดำจำนวนมากหลายชั้นได้เข่นฆ่าบรรดาทหารองครักษ์ที่คุ้มกันอยู่รอบกายมารดาและพี่สะใภ้ใหญ่ของนางจนหมดสิ้นแล้ว
และบัดนี้ เหล่าสตรีมากกว่าสิบคนในชุดเสื้อคลุมหรูหรากำลังจะเผชิญหน้ากับมีดสังหารของเงาดำเหล่านั้นแล้ว
“กระบี่!”
โหย่วฉินเสวียนหย่าร้องตะโกนเบาๆ แล้วร่างของนางก็หลบหลีกกระแสแสงสองสามสายที่พุ่งเข้าหานางอย่างแคล่วคล่องว่องไว
ในขณะนั้น กระบี่เซียนสิบหกเล่มก็ได้กลับมาที่หลังของนาง และเปลวเพลิงสีฟ้าเย็นยะเยือกบนตัวกระบี่เหล่านั้นก็ได้ก่อตัวขึ้นเป็นผลึกน้ำแข็ง ราวกับเกล็ดหิมะซึ่งขยายขนาดใหญ่ขึ้นที่สาดแสงเซียนอยู่ข้างหลังนาง
นางหลับตาและลืมตาขึ้นอีกครั้ง กระบี่เซียนทั้งสิบหกเล่มบนหลังของนางก็สั่นไหวไปพร้อมๆ กัน
จากนั้น พวกมันก็แยกตัวออกและก่อตัวขึ้นเป็นเงากระบี่ ดูปานประหนึ่งวิหคศักดิ์สิทธิ์กำลังสยายปีกและนกยูงกำลังรำแพนหางอยู่ข้างหลังนาง
“กระจาย!”
โหย่วฉินเสวียนหย่าชี้กระบี่ของนางออกไปข้างหน้า ทันใดนั้นแสงกระบี่ก็ระเบิดขึ้นรอบกายนาง แล้วกระบี่บินก็บินว่อนไปทั่วทุกทิศทาง!
บัดนั้นร่างต่างๆ ที่ปิดล้อมอยู่รอบกายนาง ก็ถูกนางบังคับให้ล่าถอยไปพร้อมๆ กัน และเกิดรอยแตกเล็กน้อยปรากฏขึ้นในแนวป้องกันที่เดิมที ไม่อาจทะลุทะลวงผ่านได้!
หากข้าใช้ไข่กระแทกหิน ไข่ย่อมจะแตกในขณะที่หินจะไม่เสียหายอะไร
มันเพียงคล้ายกับการที่ผู้คนต่อสู้กับการบำเพ็ญเพียรของพวกเขา พวกเขาต้องยืดหยุ่น เวทต่อสู้หาใช่เป็นเพียงการแข่งขันของพลังเซียนเพียงอย่างเดียวเท่านั้นไม่
“ลม…”
โหย่วฉินเสวียนหย่าพึมพำกับตัวเอง ในขณะนั้นแสงวิญญาณกะพริบอยู่ในหัวใจเต๋าของนาง
จากนั้นร่างเพรียวบางและสูงสะโอดสะองของนางก็ลุกขึ้นพร้อมกับขี่กระบี่พุ่งไปในสายลม ทิ้งไว้เพียงเงาสีฟ้าอ่อนเอาไว้ข้างหลัง ดูราวกับว่า ร่างของนางจะผสานรวมไปกับสายลม
“หยุดนาง!”
เซียนสองคนร้องคำราม และลำแสงหลายสิบสายก็พุ่งออกมา ปิดกั้นเส้นทางข้างหน้าของโหย่วฉินเสวียนหย่าเอาไว้ทันที
ทว่าทันใดนั้นโหย่วฉินเสวียนหย่าก็หมุนตัวและวาดวิถีโค้งขึ้นไปในอากาศ แล้วนางก็เลื่อนกายผ่านเซียนทั้งสองไป
ในขณะนั้น ดูเหมือนว่า กระบี่เซียนสองเล่มที่กำลังลอยอยู่ข้างกายนาง จะไร้แรงพลัง แต่พวกมันกลับแทงทะลุหน้าอกของเซียนเสิ่นทั้งสองไปได้อย่างง่ายดาย และกรีดปราณวิญญาณของพวกเขาทันที
จากนั้นแสงสีโลหิตที่สาดประกายอยู่ข้างหลังพวกเขา ก็ปลิวกระจายไปตามสายลมโชย
โหย่วฉินเสวียนหย่าไม่แม้แต่จะหันศีรษะกลับมา สายตาของนางจับจ้องไปที่สตรีผู้สวมชุดเสื้อคลุมสีดำและหน้ากากครึ่งหน้านั้น
ฝ่าลม!
แหวกคลื่น!
เส้นผมยาวของโหย่วฉินเสวียนหย่าไม่พลิ้วไหวราวกับชิงหง[1] แต่ร่างที่กำลังไล่ตามหลังนางอยู่นั้น ก็ห่างไกลออกไป!
มุมปากของสตรีสาวผู้สวมชุดเสื้อคลุมสีดำผู้นั้น กระตุกอย่างต่อเนื่อง ดวงตาของนางเต็มไปด้วยแววดุร้าย
จากนั้นนางก็เหวี่ยงแส้ยาวในมือจากระยะไกลไปที่โหย่วฉินเสวียนหย่า แล้วแส้ยาวนั้นก็กลายเป็นงูหลามยักษ์ที่มีเกล็ดสีแดงดำ มันอ้าปากและกัดโหย่วฉินเสวียนหย่าทันที
………………………………………………………………..
[1] หงส์ที่ตัวเบาและเคลื่อนไหวรวดเร็วยิ่ง