ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว – บทที่ 702 การสนทนากับปรมาจารย์จอมปราชญ์ (2)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

บทที่ 702 การสนทนากับปรมาจารย์จอมปราชญ์ (2)

มารดาของโหย่วฉินเสวียนหย่าก็เป็นคนมีเหตุผลเช่นกัน นางไม่ได้ร้องขอสิ่งใดที่ไม่จำเป็นเพิ่มเติม

นางกล่าวว่า มันเป็นพรอันประเสริฐสูงที่สุดแล้ว ที่สามารถรอดพ้นจากความตายและสืบสายโลหิตต่อไปได้…

นางเพียงสั่งให้คนนำสมบัติบางอย่างออกมาจากพระราชวังและสองสามตระกูลที่ภักดีต่อตระกูลองค์ราชาแห่งอาณาจักรหงหลิน และนำทหารที่ภักดีนับพันไปด้วย

นอกจากนี้ นางยังได้รวบรวมสมบัติของราชวงศ์ส่วนหนึ่งแล้วออกจากเมืองหลวงไปในชั่วข้ามคืน

มีเหล่ามนุษย์ในเมืองมากมายหลายคนได้ติดตามนางไปอย่างกะทันหันด้วยความหวาดกลัวสงคราม

และในท้ายที่สุด ก็มีผู้คนมากกว่าแสนคนรวมตัวกัน…

สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นรากฐานของอาณาจักรซาง

“ศิษย์พี่ฉางโซ่ว?”

จู่ๆ ก็มีเสียงแผ่วเบาเสียงหนึ่งดังอยู่ข้างๆ หู และหลี่ฉางโซ่ว ซึ่งเพ่งจิตสนใจส่วนใหญ่อยู่ที่ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ “เทพวารี” และกำลังหารือเกี่ยวกับวิธีจัดการ “พิธีเลิกรา” กับจ้าวกงหมิงอยู่ ทันใดนั้น เขาก็ได้เบนจิตสนใจบางส่วนของเขากลับไปยังบริเวณใกล้เคียงของพระราชวังและค่อยๆ ลืมตาของเขาขึ้นมาช้าๆ

ในขณะนี้ โหย่วฉินเสวียนหย่าได้เปลี่ยนเป็นสวมชุดสีแดงเพลิงของนางแล้ว นางบินลงมาจากฟากฟ้าและร่อนลงอย่างสง่างามสู่เบื้องหน้าของหลี่ฉางโซ่ว ราวกับแสงแห่งอรุณรุ่งที่ปรากฏขึ้นในยามเช้าตรู่

จากนั้นก็เม้มปากและเลิกคิ้ว คล้ายอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ยังลังเล

หลี่ฉางโซ่วถามว่า “เกิดอันใดขึ้น? เจ้าพบปัญหาอีกหรือ?”

“ไม่เจ้าค่ะ…”

โหย่วฉินเสวียนหย่าส่งข้อความเสียง

“ครอบครัวของข้าประสบเหตุร้ายเช่นนี้ ข้าจึงอยากอยู่กับพระมารดามากกว่านี้อีกสักพัก แต่พระมารดาก็ขอให้ข้ากลับไปที่สำนักทันที และกล่าวว่า ข้าไม่ควรมีเยื่อใยพัวพันใดๆ กับโลกมนุษย์มากไปกว่านี้…”

หลี่ฉางโซ่วกล่าวว่า “มารดาของเจ้ากล่าวได้ถูกต้องแล้ว ระดับฐานพลังของเจ้ายังไม่สูงมากนัก หัวใจเต๋าของเจ้ายังคงถูกพลังขุ่นของมนุษย์ปนเปื้อนได้ง่ายๆ

คำที่ว่า จงตัดกรรมตัดรอนโลกนั้นมันง่าย แต่การจะตัดขาดจากโลกมนุษย์ก็ทำได้ยากยิ่งนัก

หากเจ้ายังอยากอยู่ในโลกมนุษย์อีกสักสองสามปี ข้าก็จะช่วยเกลี้ยกล่อมนางเอง”

“ไม่เจ้าค่ะ ศิษย์พี่ ตอนนี้ ข้าจะกลับไปที่สำนักเพื่อจัดการเรื่องนี้”

โหย่วฉินเสวียนหย่ามองดูเมืองที่ควันไฟดับลงไปชั่วคราวแล้ว และพึมพำว่า “หลังจากนี้ ข้าจะไปที่ศาลสวรรค์เพื่อน้อมพบเทพวารี

ข้าไม่รู้ว่า ข้าจะตอบแทนบุญคุณที่เทพวารีและศิษย์พี่ช่วยชีวิตในคืนนี้ได้อย่างไรดีเจ้าค่ะ”

ในการต่อสู้ล่าสุดที่สำนักตู้เซียนซุ่มโจมตีเผ่าปีศาจ นางก็รู้ว่าเทพวารีคือ หลี่ฉางโซ่ว

หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “อย่าได้รู้สึกกดดันเพราะเรื่องนี้เลย หากพรุ่งนี้เผชิญปัญหา ขอเพียงยืนหยัดเพื่อข้า นั่นก็พอเพียงพอแล้ว”

“เสวียนหย่าจะไม่ทำให้ศิษย์พี่ผิดหวังเจ้าค่ะ!”

เมื่อนางกล่าวเช่นนั้น ดวงตาของนางก็สว่างไสวยิ่งกว่าดวงดาวที่สุกสกาวที่สุด

หลี่ฉางโซ่วรู้สึกได้ว่าสภาพจิตใจของโหย่วฉินเสวียนหย่าในคืนนี้ดีกว่าก่อนหน้านี้มากนัก

หากนางสามารถใช้โอกาสนี้เพื่อเปลี่ยนหัวใจเต๋าของนางได้ก็ย่อมจะเป็นเรื่องดี

หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างจริงจังว่า “เจ้าอยากไปแดนยมโลกกับข้าหรือไม่?”

“พวกเราไปกันตอนนี้เลยหรือไม่?”

โหย่วฉินเสวียนหย่าพยักหน้ารับคำทันทีอย่างไม่ลังเลใดๆ

หลี่ฉางโซ่วแบมือซ้ายของเขาออกอย่างช้าๆ และเผยให้เห็นไข่มุกกักวิญญาณสองเม็ด

และหนึ่งในไข่มุกกักวิญญาณนั้น มีกรรมร้ายอยู่

เมื่อโหย่วฉินเสวียนหย่ามองดูแล้ว นางก็ร้องตะโกนออกมาทันทีว่า “พระบิดา?”

หลี่ฉางโซ่วกล่าวว่า “ใช่ และยังมีดวงวิญญาณอีกหลายสิบดวง ซึ่งเป็นเหล่าองครักษ์ของมารดาของเจ้า ก่อนหน้านี้พวกเขาต่อสู้กันอย่างสิ้นหวัง ซึ่งความจงรักภักดีของพวกเขาเป็นสิ่งที่น่าชื่นชม

ข้ารู้จักสหายสองสามคนในแดนยมโลก ข้าจะช่วยขอร้องพวกเขาว่าขอให้บิดาของเจ้าทนทุกข์น้อยลงได้หรือไม่?

เขามีกรรมร้ายมากเกินไป ข้าไม่รู้ว่าเขาจะอยู่ในนรกขุมที่สิบแปดอีกนานมากเพียงใด?”

โหย่วฉินเสวียนหย่าเม้มปากแล้วกระซิบว่า “แม้ลูกอย่างข้าจะไม่สมควรกล่าวเช่นนี้ แต่มันก็เป็นพรที่ยิ่งใหญ่แล้วที่พระบิดามีวิญญาณ ขอศิษย์พี่โปรดอย่าทำให้ตัวเองต้องลำบากเพราะข้าเลยเจ้าค่ะ”

“ดี” หลี่ฉางโซ่วพยักหน้าช้าๆ

จากนั้นเขาก็ขี่เมฆไปกับโหย่วฉินเสวียนหย่าและออกจากเมืองที่วุ่นวายตลอดทั้งคืน

หลี่ฉางโซ่วไม่ได้บินเร็ว ร่างหลักของเขาได้กลับไปที่ยอดเขาหยกน้อยแล้ว และสิ่งที่เหลืออยู่ในเวลานี้ก็คือ ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ “ร่างหลัก

หากไม่มีความจำเป็น ร่างหลักของเขาจะอยู่ข้างนอกเป็นเวลานานไม่ได้ มันสามารถลดโอกาสในการเกิดเหตุไม่คาดฝันให้เหลือน้อยที่สุดได้

“แล้วเจ้าสังหารสตรีที่สวมหน้ากากผู้นั้นหรือไม่?”

“เจ้าค่ะ” โหย่วฉินเสวียนหย่าพยักหน้า

หลี่ฉางโซ่วถามอีกครั้ง “ตัวตนของเป็นอย่างไรหรือ?”

“ข้าไม่ได้ถามเจ้าค่ะ” โหย่วฉินเสวียนหย่าตอบเบาๆ

“โอ้?”

หลี่ฉางโซ่วอดจะงงงวยไม่ได้ “เจ้าไม่อยากจะรู้ว่านางเป็นผู้ใดหรือ?

เหตุใดนางถึงต้องการแก้แค้นตระกูลโหย่วฉินของเจ้า แล้วเจ้าไม่อยากตัดรากถอนโคนของนางให้สิ้นซาก[1]หรือ?”

โหย่วฉินเสวียนหย่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและกล่าวเบาๆ ว่า “นางเป็นลูกพี่ลูกน้องของหยวนชิง นางมาจากตระกูลที่ร่ำรวยในอาณาจักรเล็กๆ แห่งหนึ่งและมีความรู้สึกชมชอบหยวนชิงตั้งแต่นางยังเยาว์

ข้าจำนางได้เมื่อข้าถอดหน้ากากนางออก หยวนชิง มีแรงจูงใจซ่อนเร้นและสมควรที่จะถูกข้าสังหารแล้ว ตระกูลของเขาพยายามก่อกบฏ แต่ก็ถูกพระบิดากำจัดเช่นกัน ทั้งหมดนี้คือเรื่องในอดีตและเป็นสาเหตุของเรื่องในคืนนี้

หากข้าถามถึงภูมิหลังของนาง คนที่เหลือของตระกูลโหย่วฉินจะต้องทนแบกรับความเกลียดชังนี้เอาไว้อีกครั้ง…

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ แล้วเหตุใดต้องทำต่อไป?”

หลี่ฉางโซ่วตกตะลึงเล็กน้อย เขามองไปที่ศิษย์น้องหญิงที่อยู่ตรงหน้าเขา ซึ่งเขาคุ้นเคยเป็นอย่างดีแล้ว แต่ในตอนนี้นางดูแปลกไป ไม่คุ้นเคยเล็กน้อย

ขณะนั้นเอง ดวงอาทิตย์ก็กำลังโผล่หัวขึ้นมาจากทะเล แสงแดดแรกในวันนี้ได้สาดส่องร่างของนาง ลำคอระหง ผิวขาวเนียนผ่อง และใบหน้าที่เหนื่อยล้านั้นดูเย็นชา…

มีแสงสว่างที่หลี่ฉางโซ่วไม่อาจเข้าใจได้

หลี่ฉางโซ่วแอบชื่นชมนางในใจ

ฝ่าบาท[2]ซึ่งยังคงอยู่ในครรภ์พระมารดากำลังเตรียมพร้อมที่จะต้อนรับโลกมนุษย์ บางทีศาลสวรรค์อาจพบขุมทรัพย์ขึ้นมาจริงๆ ในครั้งนี้

“ศิษย์พี่ มีอันใดผิดปกติไปหรือเจ้าคะ?”

“ไม่มีอะไรหรอก”

ในขณะนั้นหลี่ฉางโซ่วยืนเอามือไพล่หลัง เขาหันหน้าไปทางดวงสุริยาที่กำลังผงาดฟ้าขึ้นทางทิศตะวันออกและเผยรอยยิ้มบางที่มุมปาก…

การเดินทางไปยังแดนยมโลกในครั้งนี้ เป็นเพียงการนัดหมายกับองค์ราชาของอาณาจักรเล็กๆ ในโลกมนุษย์เท่านั้น ตัวตนของหลี่ฉางโซ่วในฐานะคนของสำนักตู้เซียนก็เพียงพอแล้ว

แม้ว่าการเดินทางจะสงบ แต่ก็ไม่ได้สงบเกินไป

เมื่อเขาเดินทางไปกับโหย่วฉินเสวียนหย่า หัวใจที่ตึงเครียดของโหย่วฉินเสวียนหย่าก็ค่อยๆ ผ่อนคลายลง และหลังจากที่นางพูดคุยกับเขาสองสามคำ นางก็นั่งก้มหน้าลงและนอนหลับไปบนก้อนเมฆ

ในอีกด้านหนึ่งนั้น หลังจากที่ข่งเชวี่ยนรีบไปปกป้องครอบครัวของอาณาจักรหงหลิน อาจารย์ลุงจ้าวก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น

เขาดึงหลี่ฉางโซ่วไปที่วิหารเทพทะเลและเริ่มเตรียมการอย่างเต็มที่

ฉลองเลิกรา!

………………………………………………………………..

[1] การล้างบาง กำจัดต้นตอปัญหา หรือกำจัดศัตรูให้หมดสิ้นเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต

[2] หมายถึงองค์เง็กเซียน

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

Status: Ongoing
เพื่อให้มีอายุยืนยาวในยุคบรรพกาลอันโหดร้าย จงหลีกเลี่ยงผลกรรม หากฆ่าคนต้องป่นขี้เถ้า ทุกการเคลื่อนไหวต้องมีแผนการ เก็บงำความสามารถ ขยันฝึกวิชา หลอมยาปรุงโอสถ นิ่งสงบมั่นคง!หลี่ฉางโซ่วที่ไปเกิดใหม่เป็นผู้บำเพ็ญเซียนตัวน้อยๆ ในโลกบรรพกาลอันน่าสะพรึงกลัวเขาถูกอาจารย์ผู้นำยอดเขาสุดแสนอัตคัดในสำนักเซียนมนุษย์เล็กๆ พาตัวมาดูแล เพื่อฝึกฝนให้บรรลุวิถีเซียนตั้งแต่ยังเยาว์เป้าหมายของเขาคือ ‘อายุยืนยาว’ ในยุคบรรพกาลอันโหดร้ายนี้จึงต้องพยายามหลีกเลี่ยงผลกรรม หากฆ่าคนต้องป่นขี้เถ้า ทุกการเคลื่อนไหวต้องมีแผนการเก็บงำความสามารถ ขยันหมั่นเพียรฝึกฝนเคล็ดวิชา หลอมยาปรุงโอสถ นิ่งสงบมั่นคง!เดิมทีในแผนการของหลี่ฉางโซ่ว เขาตั้งใจว่าจะซ่อนตัวอยู่ในเขาฝึกบำเพ็ญเป็นเซียนอย่างสงบสุขไปตลอดชีวิตจนกระทั่งปีหนึ่ง อาจารย์ของเขาคงมีชีวิตที่สงบเงียบเกินไปจนเบื่อขึ้นมา ถึงได้รับศิษย์น้องหญิงคนหนึ่งมาให้เขา…เพื่อไม่ให้ศิษย์น้องนำผลกรรมมาแปดเปื้อนตน เขาจะต้องสอนหลักการการใช้ชีวิตให้ศิษย์น้องดีๆ เสียหน่อยแล้ว!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท