การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย – บทที่ 275 จัดการ

การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย

บทที่ 275 จัดการ

บทที่ 275 จัดการ

เมื่อได้ยินเกอชิงเหม่ยตอบอย่างนั้นแล้ว เฮ่อหลานอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ

“พี่คะ ฉันดีใจจริง ๆ ที่พี่อยากดูแลโรงงานเย็บปักนี้ต่อ ขอบคุณนะคะ”

เกอชิงเหม่ยโบกมือพร้อมกับพูดว่า “ไม่ต้องขอบคุณอะไรฉันหรอก อีกอย่างอาจารย์และฉันก็ชอบบรรยากาศในหมู่บ้านนี้มาก อาจารย์บอกฉันว่าสถานที่แห่งนี้เหมาะสำหรับการเกษียณอายุ ไม่ใช่แค่ทิวทัศน์ที่สวยงาม แต่ชาวบ้านที่นี่ก็น่ารักมากด้วย”

หลังได้ยินอย่างนั้นแล้ว เฮ่อหลานกล่าวอย่างเห็นด้วย “ค่ะ ชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นคนดี เมื่อก่อนพวกเขาก็ช่วยเหลือพวกเราสามแม่ลูกไว้มาก”

เกอชิงเหม่ยอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเถาฮวามานานพอสมควร ดังนั้นเธอจึงค่อนข้างคุ้นเคยกับบรรยากาศในหมู่บ้านแห่งนี้ดี และแน่นอนว่าเธอชื่นชอบความสงบของที่นี่มาก

ยิ่งไปกว่านั้น เพราะหมู่บ้านเถาฮวาเป็นที่ตั้งของโรงงานเย็บปัก มันจึงสร้างชื่อเสียงไปทั่วหมู่บ้านใกล้เคียง

เวลานี้โรงงานเย็บปักเถาฮวายิ่งพัฒนาไปอย่างไม่รู้จบ เด็กผู้หญิงหลายคนในหลายหมู่บ้านเริ่มมาฝึกงานที่นี่ และมีผู้หญิงหลายคนเข้ามาทำงานในโรงงานเย็บปักแห่งนี้ มีตำแหน่งงานมากมายให้พวกเขาได้จัดการ โรงงานเย็บปักทั้งสะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อย ทั้งยังทำให้ชีวิตของครอบครัวพวกเขาดีขึ้นด้วย

นอกจากนั้นโรงงานเย็บปักยังไม่อคติต่อผู้หญิง เพราะเหตุนี้สถานะของผู้หญิงในหมู่บ้านเถาฮวาจึงดีขึ้นมาก

เพราะถ้าหากลูกสาวของพวกเขาสามารถเข้าทำงานในโรงงานเย็บปักนี้ได้ ชีวิตความเป็นอยู่ก็จะมั่นคง ซึ่งมันเทียบเท่ากับการทำงานในโรงงานได้เลย

เวลานี้เกอชิงเหม่ยรับจัดการโรงงานเย็บปักต่อ เฮ่อหลานจึงโล่งใจมาก เธอเลยวางแผนที่จะไปพูดคุยกับลูกสาวทั้งสองคนต่อ

เมื่อถังซวงรู้ว่าจิงเจ้อหรงกำลังจะถูกย้ายไปเมืองหลวง เธอก็ไม่ได้แปลกใจแม้แต่น้อย เพราะจิงเจ้อหรงนั้นมีผลงานมากมายขณะรับตำแหน่งที่นี่

อีกทั้งเขายังมีความสำคัญกับเรื่องราวต่าง ๆ ทั้งรถเก็บเกี่ยวของโรงงานเครื่องจักร หรือเรื่องในหมู่บ้านหลี่ซาน มันไม่แปลกเลยที่เขาจะได้เลื่อนตำแหน่ง อีกอย่างเมืองหลวงนับว่าเป็นเมืองใหญ่ ใครก็ต่างอยากย้ายไปที่นั่น

“แม่คะ งั้นพวกเราย้ายไปเมืองหลวงกันเถอะค่ะ”

หากแต่ถังเซวี่ยไม่สามารถปรับตัวเร็วเช่นถังซวงได้ แม้เธอจะรู้ว่าสักวันจะต้องย้ายออกจากที่นี่ แต่ก็ไม่คาดคิดว่ามันจะรวดเร็วขนาดนี้

“แม่คะ เราจะย้ายไปที่นั่นสิ้นปีนี้หรือคะ?”

เฮ่อหลานมองถังเซวี่ยแล้วถามว่า “เสี่ยวเซวี่ย ลูกอยากย้ายไปที่นั่นไหม?”

“ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากไปนะคะ แต่… ถ้าพวกเราย้ายไปเมืองหลวงกันหมด แล้วคุณปู่หลี่ คุณยายซู กับป้าเกอ… เราก็ต้องแยกจากพวกเขาหรือคะ? แล้วพี่กับฉันก็ต้องไปเรียนที่เมืองหลวงหรือคะ? ฉันต้องลาออกจากโรงเรียนนี้หรือ…”

เธอคุ้นเคยกับเพื่อนร่วมชั้นเรียนทุกคนแล้วแท้ ๆ ถ้าไปที่เมืองหลวง เธอจะต้องไปทำความรู้จักกับทุกคนใหม่อีกครั้งน่ะสิ

หลังจากเห็นใบหน้าสับสนของถังเซวี่ยแล้ว ถังซวงจับมือสาวน้อยเอาไว้พร้อมกับพูดว่า “เสี่ยวเซวี่ย เธอก็เคยไปเมืองหลวงแล้วนี่ เรามีครอบครัวอยู่ที่นั่นจำไม่ได้หรือ? ไม่ต้องกลัวนะ อีกอย่างเรื่องโรงเรียนในเมืองหลวงก็ไม่ต้องกังวลเลย ไปอยู่ที่นั่นทุกอย่างจะดีกว่ามาก เธอไม่เหงาแน่เพราะฉันก็จะอยู่โรงเรียนเดียวกับเธอเหมือนกัน”

เมื่อได้ยินคำปลอบของถังซวงแล้ว จิตใจของถังเซวี่ยค่อย ๆ ผ่อนคลายลง

จริงด้วย พี่ก็อยู่ด้วยกัน เด็กสาวพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มก่อนจะตอบว่า “ค่ะ ฉันจะไปโรงเรียนกับพี่”

เมื่อเห็นว่าลูกสาวทั้งสองยอมรับแล้ว เฮ่อหลานยกยิ้มกว้าง คราวแรกเธอกลัวว่าซวงเอ๋อร์กับเสี่ยวเซวี่ยจะไม่อยากไปเมืองหลวง แต่ตอนนี้ทั้งสองคนเข้าใจแล้ว

ทั้งสามคนแม่ลูกจะอยู่ด้วยกันและไม่แยกจากกันอีก ส่วนหลี่จงอี้ เธอต้องไปถามความต้องการของอีกฝ่ายเช่นกัน เพราะอย่างไรชายชราผู้นั้นก็เป็นเป็นปู่ของลูกสาวของเธอแล้ว บางทีเขาอาจจะอยากย้ายไปอยู่ด้วยกัน

เมื่อหลี่จงอี้ทราบเรื่องว่าเฮ่อหลานกับคนอื่น ๆ จะย้ายเข้าเมืองหลวงในช่วงสิ้นปี เขาส่ายศีรษะพร้อมตอบกลับว่า “ฉันไม่ไปหรอก คนแก่อย่างฉันน่ะอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ ถูกต้องที่สุดแล้ว แบบนี้ฉันสบายใจกว่าน่ะ”

จากนั้นเขาลังเลก่อนจะเอ่ยถามว่า “แล้วอาจารย์ซูกับชิงเหม่ยจะไปเมืองหลวงกับพวกเธอด้วยไหม?”

เมื่อได้ยินอย่างนั้นแล้ว เฮ่อหลานชะงักไปชั่วครู่ แล้วตอบตามตรงว่า “อาจารย์กับพี่สาวจะอยู่หมู่บ้านเถาฮวาต่อค่ะ และโรงงานเย็บปักจะเป็นพี่สาวบริหารจัดการต่อ อีกอย่างอาจารย์ก็ชอบที่นี่มาก เธออยากจะอยู่ที่นี่ตลอดไปเลยค่ะ”

“อืม… ดี ๆ”

แววตาของหลี่จงอี้เปล่งประกาย เขาพยักหน้าพร้อมกับตอบว่า “ถูกแล้ว อาจารย์ซูกับฉันคิดเหมือนกันจริง ๆ คนแก่อย่างพวกเรา อยู่ในหมู่บ้านเงียบสงบแบบนี้ถึงจะถูก”

เมื่อเห็นใบหน้ามีความสุขของหลี่จงอี้ เฮ่อหลานเหลือบมองเขาอย่างสงสัยใคร่รู้

“แค่ก ๆ”

หลี่จงอี้รีบกลั้นรอยยิ้มบนใบหน้าก่อนจะพูดต่อว่า “เอาเถอะ ถึงฉันจะไม่เข้าเมืองหลวงไปกับพวกเธอ แต่วันแต่งงานของพวกเธอ พวกเราจะไปแน่ ถ้าถึงเวลานั้นเราคงจะได้พบกันอีกนะ”

เมื่อพูดถึงเรื่องแต่งงาน เฮ่อหลานรู้สึกเขินอายเล็กน้อย แต่ถ้าหลี่จงอี้และคนอื่น ๆ อยู่ที่นั่นด้วย เธอคงจะมีความสุขไม่น้อย

“ลุงหลี่คะ อย่างนั้นพวกเราจะไปที่นั่นพร้อมกันค่ะ ส่วนฉันกับอาเจ้อจะย้ายไปเมืองหลวงหลังสิ้นปีนี้”

“อืม ตกลงตามนี้”

หลังจากนั้นเฮ่อหลานไปหาซูเหนียนอวิ๋น เธออยากจะถามหญิงชราว่าต้องการไปงานแต่งงานของตนไหม

ซูเหนียนอวิ๋นหัวเราะพร้อมตอบกลับว่า “ต้องไปแน่ ศิษย์ตัวน้อยของฉันกำลังจะแต่งงานทั้งที ในฐานะอาจารย์ฉันต้องไปอยู่แล้ว”

เฮ่อหลานยิ้มกว้างและมีความสุขมากเมื่อรู้ว่าซูเหนียนอวิ๋นเห็นด้วย

เมื่อซูเหนียนอวิ๋นเห็นแววตาสดใสของเฮ่อหลาน เธอพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อว่า “จิงเจ้อหรงเป็นคนดี เธอจะมีความสุขมากแน่”

ในตอนท้าย เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกโศกเศร้าเล็กน้อย “เฮ้อ… แต่ไม่รู้ว่าพี่สาวของเธอคิดยังไง ดูเหมือนว่าหล่อนไม่คิดจะแต่งงานจริง ๆ ถึงตอนนี้ฉันก็ยังอยู่กับหล่อนในทุกวัน แต่ถ้าวันหนึ่งฉันไม่อยู่แล้ว หล่อนจะเป็นยังไงต่อ…”

เมื่อได้ยินอย่างนั้น เฮ่อหลานรีบกล่าวแทรกเพื่อหยุดยั้งคำพูดอีกฝ่าย

“อาจารย์คะ คุณจะมีชีวิตยืนยาวแน่ อย่ากล่าวแช่งตัวเองแบบนี้อีกนะคะ”

ซูเหนียนอวิ๋นชำเลืองมองเฮ่อหลาน ก่อนจะตอบว่า “ยังไงวันนั้นก็ต้องมาถึง ฉันยังคงหวังว่าพี่สาวของเธอจะพบเจอคนที่รักและห่วงใยได้สักวัน ถ้ามีคนแบบนั้นปรากฏตัวในอนาคต เธอรีบแนะนำให้เขารู้จักกับพี่สาวด้วยล่ะ”

เฮ่อหลานพยักหน้ารับทันที “อาจารย์ไม่ต้องกังวลนะคะ ฉันจะทำอย่างนั้นแน่”

หลังจากเฮ่อหลานพูดคุยกับซูเหนียนอวิ๋นต่ออีกสักครู่ เธอก็กลับมาหาจิงเจอหรง

“อาเจ้อ พี่สาวจะดูแลโรงงานเย็บปักต่อ ฉันรู้สึกว่าเธอมีความสุขมากที่ได้ทำเรื่องนี้ อีกอย่างซวงเอ๋อร์กับเสี่ยวเซวี่ยก็จะไปกับพวกเราด้วยค่ะ เราจะไปเมืองหลวงด้วยกัน ซวงเอ๋อร์ไม่เป็นไร แต่เสี่ยวเซวี่ยอาจจะต้องทำความคุ้นเคยกับสถานที่ใหม่ ๆ สักหน่อย แต่ฉันคิดว่าหลังจากเราอยู่ที่นั่นสักพักหนึ่ง ทุกอย่างคงจะดีขึ้นค่ะ”

“ครับ หลังจากเข้าเมืองหลวงแล้ว ทั้งสองคงจะเริ่มคุ้นชินไปเอง ผมจะจัดการเรื่องโรงเรียนให้พวกเขาทันที สองคนนั้นจะได้เรียนโรงเรียนเดียวกันเหมือนเดิมครับ”

“ค่ะ ถ้าซวงเอ๋อร์อยู่กับเสี่ยวเซวี่ย ฉันก็ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง”

ทว่าเวลาที่จิงเจ้อหรงนึกถึงวันแต่งงาน เขายิ่งมีความสุขมากขึ้นเสมอ และต่อจากนี้ไปพวกเขาจะเป็นครอบครัวที่แท้จริง มีลูกสองคน และได้อยู่ด้วยกันทุกวัน เพียงแค่นึกถึงอนาคตในตอนนั้น มันก็ทำให้เขาหุบยิ้มไม่ลง

แต่ความสุขนั้นจะเกิดขึ้นหลังสิ้นปี และตอนนี้เขาอยู่ในหมู่บ้านเถาฮวามาสองวันแล้ว ได้เวลาต้องกลับไปทำงานอีกครั้งซะแล้ว

“อาหลาน ผมต้องกลับเข้าเมืองในตอนเช้า ถ้าผมว่าง ผมจะมาหานะ”

การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย

การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย

Status: Ongoing
การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนี่ผู้มั่งคั่งร่ำรวยเธอตื่นขึ้นมาในร่าง ‘ถังชวง’ เด็กสาวในยุค 70 ที่มีชีวิตแสนลำบากในตระกูลที่กขี่ทั้งเธอ แม่กับน้องสาว… แต่จากนี้เธอจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ เธอจะเป็นเศรษฐีนี่ให้ได้เลย! นิยายแปลเรื่อง การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนี่ผู้มั่งคั่งร่ำรวย [重返七零之空间小辣]ผู้แต่ง:钰儿เรื่องย่อ: เธอเกิดใหม่มาในร่งของ ถังซวง’ เด็กสาวที่ถูกกใน ยุค 70!! แถมยังต้องมาเจอกับพ่อใจร้ายที่วัน ๆ เาแต่ทุบตี เธอเลยต้องวางแผนให้แม่หย่ากับพ่อเฮงซวยแบบนี้แล้วพาแม่กับน้องสาว ออกไปจากตระกูลปรสิตนี่ และหลังออกจากระกูล เธอก็มุ่งมั่นตั้งใจพาครอบครัวไปสู่เส้นทางเศรษฐีนี่ให้ได้ในสักวัน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท