บทที่ 304 เฟิงเยี่ยหานมาเยี่ยม
บทที่ 304 เฟิงเยี่ยหานมาเยี่ยม
ได้ยินคำพูดของถังซวงแล้ว ถังเซวี่ยก็ถูแขนพี่สาวไปมา
“พี่คะ ฉันรู้แล้วว่าพี่เป็นห่วงฉัน แต่ฉันก็ไม่ได้คิดว่าจะเจอกับเฟิงเยี่ยหานอีกนี่คะ แล้วเขาก็กำลังตกอยู่ในอันตรายฉันก็เลยยื่นมือเข้าไปช่วย ไม่ต้องกังวลนะคะ เขากลับเมืองไห่เฉิงเมื่อไหร่ เราไม่ได้ติดต่อกันอีกแน่นอน เอ่อ แต่ว่า…”
ในตอนท้าย ถังเซวี่ยมองถังซวงอย่างลังเลก่อนจะหลับตาแล้วกลั้นใจพูดออกไป “เฟิงเยี่ยหานอาจจะมาเยี่ยมเราในอีกสองวันน่ะ พี่คะ ฉันผิดไปแล้ว ฉันไม่ควรบอกที่อยู่ของตัวเองให้เขาไปเลย”
ถังซวงไม่คิดว่าคนคนนั้นจะถามที่อยู่ไปด้วย
แต่เมื่อเห็นถังเซวี่ยยอมรับออกมาอย่างรู้สึกผิด เธอเพียงยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไรหรอก เธอช่วยเขาไว้นี่ เขาก็สมควรที่จะมาขอบคุณ เอาล่ะ วันนี้เธอคงเหนื่อยมากแล้ว ไปพักผ่อนเถอะ”
“อย่างนั้นฉันไปพักก่อนนะคะ”
หลังจากถังเซวี่ยไปพักผ่อน ถังซวงเดินไปหาเฮ่อหลานแล้วจิงเจ้อหรงอยู่ตรงนั้นพอดี เธอจึงเล่าเรื่องที่เฟิงเยี่ยหานจะมาเยี่ยม
“ซวงเอ๋อร์ ลูกหมายถึง… เสี่ยวเซวี่ยช่วยเหลือลูกชายคนโตของตระกูลเฟิงจากเมืองไห่เฉิงเอาไว้ แล้วเขากำลังจะมาเยี่ยมเรางั้นหรือ?”
ถังซวงพยักหน้าแล้วพูดว่า “ใช่ค่ะ ความจริงเสี่ยวเซวี่ยเคยช่วยเหลือเฟิงเยี่ยหานแล้วครั้งหนึ่งที่เมืองก่างเฉิง และครั้งนี้คือครั้งที่สองค่ะ หนูเองก็ไม่คิดว่าสองคนนั้นจะมาเจอกันอีกครั้งที่ปักกิ่งแบบนี้”
เฮ่อหลานไม่รู้จักตระกูลเฟิง แต่เมื่อได้ยินว่าเสี่ยวเซวี่ยช่วยเหลือคน ๆ นี้ไว้ถึงสองครั้งแล้ว เธอจึงรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ค่อนข้างอันตราย “นี่… เฟิงเยี่ยหานคนนั้นเป็นใครหรือ? ทำไมเขาถึงตกอยู่ในอันตรายบ่อยนักล่ะ ถ้า… เสี่ยวเซวี่ยไปช่วยเหลือเขาเข้า แล้วเธอจะตกอยู่ในอันตรายด้วยไหม”
“ไม่ต้องห่วงค่ะแม่ ฉันคุยกับเสี่ยวเซวี่ยแล้ว ตอนที่เธอช่วยเฟิงเยี่ยหานเอาไว้ ไม่มีใครเห็น เด็กคนนั้นไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ”
“อย่างนั้นก็ดีจ้ะ”
เฮ่อหลานพูดออกมาอย่างโล่งอก “ในเมื่อเสี่ยวเซวี่ยช่วยเขาไว้ ก็นับว่าเป็นความสัมพันธ์ที่ดี แต่เสี่ยวเซวี่ยไม่ควรติดต่อกับคนคนนี้อีก เพราะเขามักมีอันตรายมาพัวพันอยู่รอบตัวเสมอ เสี่ยวเซวี่ยเพียงแค่โชคดี แล้วถ้าวันไหนโชคไม่ดีล่ะ? เธอไม่ต้องตกอยู่ในอันตรายไปด้วยหรือ?”
“แม่คะ ไม่ต้องห่วง หนูบอกเสี่ยวเซวี่ยเรื่องนี้แล้ว หลังจากเฟิงเยี่ยหานกลับเมืองไห่เฉิง ทั้งสองจะไม่ติดต่อกันอีก”
จิงเจ้อหรงมองเฮ่อหลานอย่างให้ความมั่นใจ “อาหลานไม่ต้องกังวลหรอกครับ เฟิงเยี่ยหานแค่มาเยี่ยมและขอบคุณ ในอนาคตเขาจะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเสี่ยวเซวี่ยแน่นอน”
ได้ยินสิ่งที่จิงเจ้อหรงและถังซวงพูด เฮ่อหลานก็เลิกกังวลใจไปได้เปราะหนึ่ง
หลังจากผ่านไปสองวัน เฟิงเยี่ยหานมาจริง ๆ
เมื่อเห็นว่าเฟิงเยี่ยหานมาถึงที่นี่ ถังเซวี่ยอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “สหายเฟิง คุณมาจริง ๆ ด้วย”
เมื่อเฟิงเยี่ยหานได้พบถังเซวี่ย รอยยิ้มอบอุ่นปรากฏขึ้นแทนที่ความเย็นชาทันที เมื่อความอ่อนโยนเข้ามาแทรกมันก็ยิ่งขับให้เขามีเสน่ห์อย่างแปลกประหลาด
“ผมบอกว่าจะมา ก็ต้องมาสิครับ”
เฟิงเยี่ยหานมองจิงเจ้อหรงและเฮ่อหลานก่อนจะทักทายอย่างสุภาพ “คุณชายจิง คุณนายจิง นี่เป็นการมาเยี่ยมครั้งแรกของผม ขอรบกวนด้วยนะครับ” จากนั้นเขาหันมองถังซวงแล้วกล่าวทักทาย
เมื่อเห็นเฟิงเยี่ยหาน ถังซวงถึงกับขมวดคิ้วเล็กน้อย
แม้แต่จิงเจ้อหรงยังขมวดคิ้วแล้วมองเฟิงเยี่ยหานอย่างไม่เข้าใจ แต่ก็ยังพยักหน้าให้เขาอย่างสุภาพ “สวัสดีครับสหายเฟิง เชิญเข้ามาด้านในก่อนครับ”
เฮ่อหลานหันมองเฟิงเยี่ยหานอีกครั้ง
ก่อนหน้านี้เธอคิดแต่เรื่องอันตรายที่เกิดขึ้นรอบตัวเฟิงเยี่ยหาน แต่กลับลืมถามถึงหน้าตาและอายุของเขาไปเลย เธอไม่คิดว่าเขาจะเป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลาเอาการขนาดนี้ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังไม่ลืมว่าเขาคือผู้ชายอันตราย เวลานี้เธอจึงหันมองลูกสาวคนเล็กอย่างกังวล
เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ผู้หญิงบางคนเข้าหาผู้ชายเพียงเพราะอีกฝ่ายหน้าตาดี แต่ขอให้เสี่ยวเซวี่ยอย่าได้หลงใหลในหน้าตาของเขาเลย ตอนนี้เฮ่อหลานไม่สามารถระงับความคิดที่พลุ่งพล่านในใจได้เลย เมื่อเห็นจิงเจ้อหรงกำลังเดินไปด้านหน้าพร้อมกับเฟิงเยี่ยหาน เธอรีบเดินตามไปทันที
หลังจากทั้งหมดนั่งลง เฮ่อหลานกล่าวเชิญชวนให้เฟิงเยี่ยหานดื่มชา
“สหายเฟิง ดื่มชาก่อนนะคะ”
“ขอบคุณครับคุณนายจิง”
เฟิงเยี่ยหานกล่าวขอบคุณเฮ่อหลานก่อนจะยกชาดื่ม หลังจากวางลงแล้ว เขาก็ขอบคุณอย่างจริงใจให้ถังเซวี่ยและครอบครัวของเธอ
แต่จิงเจ้อหรงโบกมือก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “สหายเฟิงสุภาพเกินไปแล้วครับ เสี่ยวเซวี่ยเองก็เป็นคนใจดีอยู่แล้ว ต่อให้เป็นคนอื่นในวันนั้น เธอก็ต้องช่วยเหลือแน่นอน”
“ยังไงซะ คุณถังเซวี่ยเป็นผู้มีพระคุณของผมครับ”
จิงเจ้อหรงยิ้มหลังได้ยินอย่างนั้น ก่อนจะพูดคุยกับเขาในเรื่องอื่น ๆ
เฮ่อหลานมองสามีผู้หล่อเหลาของตนที่กำลังพูดคุยอย่างสนุกสนานตรงหน้า เธอจึงพาถังซวงและถังเซวี่ยไปที่ห้องครัว “สหายเฟิง วันนี้อยู่ทานอาหารด้วยกันนะคะ เอาล่ะ เราสองคนไปดูในครัวดีกว่าว่าพอจะทำอะไรได้บ้าง”
หลังจากที่สามแม่ลูกเข้ามาในห้องครัว เฮ่อหลานเริ่มทำอาหาร โดยมีสองพี่น้องอย่างถังซวงและถังเซวี่ยคอยช่วยเหลือ
ขณะทำอาหาร เฮ่อหลานมองถังเซวี่ยแล้วพูดว่า “สหายเฟิงเป็นคนสุภาพ แต่… เขาก็เป็นคนอันตราย เสี่ยวเซวี่ยลูกต้องระวังตัวให้มากนะ ถึงสิ่งที่ลูกทำมันจะถูก แต่ก็อย่าลืมความปลอดภัยของตัวเอง”
“ค่ะแม่ หนูเข้าใจแล้ว”
ถังเซวี่ยพยักหน้าอย่างจริงจัง
อีกด้านหนึ่ง จิงเจ้อหรงยิ้มแล้วพูดคุยกับเฟิงเยี่ยหานถึงเมืองไห่เฉิง และยังพูดถึงตระกูลเฟิงโดยไม่รู้ตัว
“ตระกูลเฟิงเป็นหนึ่งในตระกูลที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไห่เฉิง แต่… ผมได้ยินมาว่าพ่อของคุณมีลูกชายตั้งห้าคน คุณเป็นลูกชายคนโต และมีน้องชายอีกสี่คนเลยหรือครับ?”
“ใช่ครับ”
เฟิงเยี่ยหานพยักหน้ารับ
แม่ของเขาคือภรรยาคนแรก และลูกคนที่สองนั้นเกิดจากแม่เลี้ยงของเขา ส่วนคนที่สาม สี่ และห้าล้วนแต่เกิดจากโสเภนี ดังนั้นเขาจึงมีพี่น้องทั้งหมดห้าคน และทุกคนเป็นผู้ชาย บ้านก็เลยวุ่นวายยังไงล่ะ
เฟิงเยี่ยหานพยักหน้ารับแล้ว จิงเจ้อหรงยิ้มก่อนจะพูดต่อว่า “การมีพี่น้องมากในครอบครัวอาจทำให้เกิดความไม่ลงรอยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว แม้แต่ตัวสหายเฟิงเองก็ยังต้องตกอยู่ในอันตรายบ่อยครั้ง คุณต้องระมัดระวังตัวให้มากนะครับ หากสหายเฟิงไม่ระวังตัว คนรอบกายของคุณก็จะตกอยู่ในอันตรายไปด้วย”
ได้ยินอย่างนั้น สีหน้าของเฟิงเยี่ยหานชะงักค้างไปชั่วขณะ
เขาได้ยินว่าจิงเจ้อหรงพูดอะไร และหมายถึงอะไร ตัวเขามีอันตรายรอบตัวและจะทำให้ถังเซวี่ยตกอยู่ในอันตรายไปด้วย
“ขอบคุณคุณชายจิงครับ คราวหน้าผมจะระวังตัวให้มาก”
“ครับ สหายเฟิงควรจะระวังตัวให้มาก”
ระหว่างที่พูดคุยกันทั้งสองมีรอยยิ้มบนใบหน้าเสมอ และการสนทนาของพวกเขาลื่นไหล เมื่อเฮ่อหลานเตรียมอาหารเสร็จแล้ว ทั้งสองหยุดพูดคุยและมุ่งหน้าไปยังห้องอาหารเพื่อร่วมทานอาหาร
เฟิงเยี่ยหานกลับออกไปหลังจากทานอาหารเสร็จ แต่ก่อนที่เขาจะออกไป เขาพูดกับถังเซวี่ยว่า
“คุณถังเซวี่ย ผมขอคุยกับคุณสองคนได้ไหม”
ได้ยินอย่างนั้น ถังเซวี่ยมองเฟิงเยี่ยหานอย่างใคร่รู้ อีกอย่างเธอเห็นว่านี่คือบ้านของเธอเอง จึงตอบตกลงไป ยังไงเธอก็อยู่ในสายตาของพ่อ แม่ และพี่อยู่แล้ว เธอจึงตอบรับว่า “ได้ค่ะ”
—————————————————-