การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย – บทที่ 305 สอบครั้งแรกหลังย้ายมา

การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย

บทที่ 305 สอบครั้งแรกหลังย้ายมา

บทที่ 305 สอบครั้งแรกหลังย้ายมา

เฟิงเยี่ยหานมองถังเซวี่ยด้วยแววตาตาดเดายาก ก่อนจะพูดว่า “คุณถังเซวี่ย ผมจะกลับเมืองไห่เฉิงคืนนี้ เราคงจะไม่ได้พบกันอีก”

“อย่างนั้นหรือคะ… งั้นฉันขอให้คุณเดินทางปลอดภัยนะ”

ท่าทีของถังเซวี่ยยังคงเหมือนอย่างเคย อย่างไรก็ตามเฟิงเยี่ยหานมาจากเมืองไห่เฉิง เขาจะต้องกลับไปที่นั่น ดังนั้นไม่ต้องพูดถึงว่าจะได้พบอีกครั้ง เพราะทั้งสองมีความสัมพันธ์เพียงคนรู้จักเท่านั้น

เมื่อเห็นท่าทีเฉยเมยของถังซวง หัวใจของเฟิงเยี่ยหานเต็มไปด้วยความหดหู่ แต่เขาก็ยังไม่พูดอะไร เพียงแต่หยิบของขวัญที่เตรียมไว้ออกมาแล้วใส่มันไว้ที่ข้อมือของถังเซวี่ย

คราวแรกถังเซวี่ยไม่มีท่าทีตอบสนองใด ๆ แต่หลังจากที่เธอรู้ว่าเฟิงเยี่ยหานสวมใส่อะไรบางอย่างที่ข้อมือ เธอเหลือบมองและพบว่ามันคือสร้อยเงิน

“คุณถังเซวี่ย คุณช่วยผมไว้ถึงสองครั้งแล้ว ผมยังไม่เคยขอบคุณคุณดี ๆ เลยสักครั้ง สร้อยข้อมือเส้นนี้เป็นสิ่งตอบแทนที่คุณช่วยชีวิตผมเอาไว้ครับ”

จากภายนอกแม้ว่า สร้อยเงินนี้จะดูไร้ค่า แต่มีเพียงเฟิงเยี่ยฟานเท่านั้นที่รู้ว่ามันสำคัญกับเขามากแค่ไหน นี่คือของที่แม่ของเขายัดใส่มือเขาก่อนจะจากไป และเขาเก็บมันไว้อย่างดีเสมอมา แต่ในเวลานี้เขากลับมอบมันให้กับถังเซวี่ย

ถังเซวี่ยมองสร้อยเงินในข้อมือ และคิดที่จะถอดมันออก

“สหายเฟิง ในเมื่อคุณขอบคุณฉันแล้ว ไม่จำเป็นต้องมอบของขวัญให้กับฉันหรอกค่ะ”

เฟิงเยี่ยหานหยุดชะงักกับคำพูดของถังเซวี่ย “ยังไงมันก็ไม่ใช่ของราคาแพงอะไร คุณถังเซวี่ยควรรับเอาไว้เถอะนะ”

เดิมทีถังเซวี่ยไม่คิดจะรับมันไว้ แต่เฟิงเยี่ยหานจับมือเธอไว้แน่นจนไม่สามารถขยับได้

เมื่อไตร่ตรองดูแล้ว นี่คือสร้อยเงิน ในที่สุดถังเซวี่ยจึงยอมรับแล้วพูดขึ้นว่า “ค่ะ อย่างนั้นก็ขอบคุณสหายเฟิงมาก”

เมื่อเห็นถังเซวี่ยรับสร้อยนี้ไป แววตาของเฟิงเยี่ยหานก็เป็นประกายก่อนจะยกยิ้มอบอุ่น “คุณถังเซวี่ย ขอให้คุณกับครอบครัวมีสุขภาพแข็งแรง ประสบความสำเร็จในการเรียนนะครับ” จากนั้นเขาโบกมือลาแล้วออกจากบ้านตระกูลจิงไป

หลังจากเฟิงเยี่ยหานกลับออกไปแล้ว เฮ่อหลานรีบเข้ามาถามว่า “เสี่ยวเซวี่ย สหายเฟิงพูดอะไรกับลูกหรือ?”

ถังเซวี่ยยกมือขวาขึ้นก่อนจะพูดว่า “สหายเฟิงมอบสร้อยข้อมือนี้ให้หนูเพื่อแทนคำขอบคุณค่ะ”

“เสี่ยวเซวี่ย ลูกแค่บังเอิญไปช่วยชีวิตเขาไม่ใช่หรือ เขาจะให้ของลูกได้ยังไง”

ได้ยินคำพูดของแม่ ถังเซวี่ยก็พูดออกมาอย่างเบื่อหน่าย “แม่คะ หนูก็ไม่ได้อยากจะรับหรอกค่ะ แต่สหายเฟิงบังคับให้หนูรับมันไว้ แล้วหนูก็คิดว่ามันก็แค่สร้อยเงิน ไม่ได้แพงอะไรมาก เลยรับไว้น่ะค่ะ”

ได้ยินอย่างนั้นแล้ว เฮ่อหลานรู้สึกว่านี่เป็นเหตุผลที่ดี อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้มอบของราคาแพงอะไร “ในเมื่อรับไว้แล้ว ก็รักษาให้ดีล่ะ”

ถังซวงมองดูสร้อยข้อมือของถังเซวี่ยใกล้ ๆ ก่อนจะพูดว่า “มันเป็นสร้อยข้อมือของสมัยก่อน ดูดีอยู่นะ”

หลังได้ยินอย่างนั้นแล้ว เฮ่อหลานมองมันใกล้ ๆ เช่นกัน เวลานี้เธอจึงเห็นว่ามันสวยงามจริง ๆ “เสี่ยวเซวี่ย แม่เคยได้ยินว่าเครื่องเงินบางชนิดสามารถปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายได้ พกติดตัวไว้นะลูก” ในตอนท้ายเธอหันกลับมาหาถังซวง และพูดถึงเครื่องเงินบ้าง “ซวงเอ๋อร์ วันหลังแม่จะทำสร้อยเงินให้ลูกด้วยนะ”

ได้ยินอย่างนั้น ถังซวงรีบโบกมือปฏิเสธ “แม่คะ หนูไม่อยากได้หรอก ไม่ต้องพูดถึงทองเลยด้วย”

“อ้อจริงด้วย เครื่องประดับทองก็ดีเหมือนกัน วันหลังแม่จะหาเครื่องประดับทองสวย ๆ มาให้ใส่นะ”

เมื่อเห็นเฮ่อหลานตื่นเต้นอย่างนี้ ถังซวงจึงเลิกปฏิเสธ

หลังจากนั้นสองพี่น้องเริ่มต้นชีวิตวุ่นวายในโรงเรียนอีกครั้ง และไม่นานนัก พวกเธอก็ต้องเข้าสอบครั้งแรก

“เสี่ยวเซวี่ย ไม่ต้องกังวลกับการสอบนะ ทำใจให้สบาย”

นี่เป็นการสอบครั้งแรกสำหรับสองพี่น้องหลังจากย้ายมาเมืองหลวง มันจึงค่อนข้างสำคัญมาก แน่นอนว่าถังซวงไม่มีความกดดันใด ๆ เลย แต่ถังเซวี่ยรู้สึกกังวลเล็กน้อย เพราะเธอกลัวว่าจะทำคะแนนได้ไม่ดี

ถังเซวี่ยได้ยินคำพูดของพี่สาวแล้วพร่ำบ่นอย่างอิจฉา “พี่คะ ทำไมพี่ไม่กังวลเลยล่ะ น่าอิจฉาจัง ดูฉันสิกังวลจะตายอยู่แล้ว”

“จริง ๆ เธอก็ทำข้อสอบมาแล้วตั้งเยอะ ไม่ต้องกังวลแล้ว หายใจเข้าลึก ๆ เอาล่ะ ฉันจะไปส่งนะ”

ถังเซวี่ยสูดลมหายใจลึก ๆ ตามคำบอก หลังมาถึงโรงเรียนเธอพบว่าความกังวลหายไปแล้ว “พี่คะ ฉันดีขึ้นแล้ว พี่รีบไปโรงเรียนเถอะ”

หลังจากถังซวงเห็นว่าถังเซวี่ยผ่อนคลายได้แล้ว เธอส่ายศีรษะด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินไปโรงเรียนของตัวเอง

เมื่อการสอบเริ่มต้นขึ้น นักเรียนจะเขียนคำตอบด้านล่าง ส่วนอาจารย์มีหน้าที่ตรวจสอบข้อสอบด้านบนอย่างรอบคอบ

หลังจากสอบมาทั้งวัน นักเรียนทั้งหมดรู้สึกเหนื่อยล้ามาก แต่ถังซวงไม่รู้สึกเหนื่อยอะไร เพราะข้อสอบพวกนี้ไม่ใช่เรื่องยากอะไร เธอก็แค่ส่งกระดาษคำตอบ อีกทั้งยังอยากกลับบ้านจนแล้วจนรอด แต่ไม่สามารถทำได้ เพราะต้องรอสอบวิชาอื่นในชั่วโมงต่อไปอยู่ดี

หลังจากการสอบสิ้นสุดลง นักเรียนทั้งหมดถอนหายใจด้วยความโล่งอก แม้แต่ถังซวงก็รู้สึกผ่อนคลายด้วยเช่นกัน จะได้พักผ่อนเสียที

เมื่อเห็นว่าถังซวงกำลังจะกลับ ตู้จ้งเหว่ยพูดห้วน ๆ ว่า “ฉันเคยบอกเธอแล้วหรือเปล่าว่าไม่อยากนั่งโต๊ะเดียวกับเธอ? ตอนแรกฉันก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะฉันหลับตลอดคาบเรียน แต่ว่านะการสอบมันก็ทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันควรจะนั่งคนเดียว… เอาล่ะ เมื่อไหร่เธอจะย้ายที่นั่ง?”

ถังซวงชำเลืองมองตู้จ้งเหว่ยแล้วตอบกลับว่า “ในเมื่อนายอยากนั่งคนเดียว ก็ย้ายก้นออกไปเองสิ”

“โอ้…”

นักเรียนรอบข้างได้ยินคำพูดของถังซวงชัดเจน และทั้งหมดหันมองเธอด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะฮือฮาถึงความกล้าหาญของเธออีกครั้ง

ความจริงแล้วพวกเขาสงสัยตลอดมาว่าทำไมตู้จ้งเหว่ยถึงไม่บังคับให้ถังซวงย้ายที่นั่งก่อนหน้านี้ อีกทั้งยังอดทนมาเนิ่นนานและไม่โกรธจนถึงวันนี้

เมื่อเห็นว่าถังซวงไม่ได้พูดเล่น ตู้จ้งเหว่ยเลยลุกขึ้นยืนอย่างหาเรื่อง เขาสูงมาก และเมื่อยืนขึ้นเขาสูงกว่าถังซวงครึ่งศีรษะ ดังนั้นเขาจึงใช้ความสูงเพื่อกดดันเธอ

แต่ถังซวงยังคงสงบนิ่ง อีกทั้งแรงกดดันจากหญิงสาวก็ไม่น้อยไปกว่าอีกฝ่ายเลย ตรงกันข้ามดูเหมือนว่าจะมากกว่าด้วยซ้ำ เพราะท้ายที่สุดแล้วเขาเป็นแค่เด็กที่ชอบสร้างปัญหาไปวัน ๆ

เมื่อเห็นท่าทีแข็งกร้าวของถังซวง เมิ่งซือเซี่ยหันมองเธออย่างสะใจ

“กล้าดีนี่ อย่าร้องไห้ทีหลังแล้วกัน”

เธอรู้วิธีการของตู้จ้งเหว่ย แม้เขาจะไม่ทุบตีผู้หญิง แต่เขาก็สามารถทำให้ผู้หญิงหวาดกลัวได้ แม้หลายคนจะกลัวตู้จ้งเหว่ยแต่ก็ยังชอบเขา เพราะตู้จ้งเหว่ยเป็นผู้ชายที่หล่อเหลาไม่น้อย

ถังซวงเหลือบมองตู้จ้งเหว่ยอีกครั้งก่อนจะหยิบกระเป๋านักเรียนแล้วเดินออกไป

ตู้จ้งเหว่ยมองตามแผ่นหลังของถังซวงก่อนจะเตะเก้าอี้ของเธออย่างไม่พอใจ

พลั่ก…

เสียงเก้าอี้ล้มลงทำทุกคนตื่นตระหนกจนไม่กล้าส่งเสียง พวกเขาเก็บกระเป๋านักเรียนก่อนจะจากไปอย่างเงียบ ๆ มีเพียงจู้เจินเจินเท่านั้นที่หันศีรษะมาพูดเสียงกระซิบ “ตู้จ้งเหว่ย พอนายมาโรงเรียนสัปดาห์หน้าก็ลองพูดกับถังซวงใหม่อีกครั้งสิ เธอยอมแน่นอน”

ตู้จ้งเหว่ยไม่สนใจจู้เจินเจินก่อนจะพาดกระเป๋านักเรียนขึ้นไหล่แล้วเดินออกไป

เมื่อเห็นตู้จ้งเหว่ยออกไปแล้ว เมิ่งซือเซี่ยหันมองจู้เจินเจินอย่างสงสัยก่อนจะถามว่า “เจินเจิน ทำไมเธอถึงดีกับตู้จ้งเหว่ยนักล่ะ? ดูสิ เขาไม่สนใจเธอสักนิด”

จู้เจินเจินเพียงแค่ยิ้มรับ แต่ไม่ได้ตอบอะไร

หลังจากตู้จ้งเหว่ยออกจากโรงเรียน เขาถูกกลุ่มชายร่างใหญ่ขวางทางในตรอกเล็ก ๆ หน้าโรงเรียน “ตู้จ้งเหว่ย ในที่สุดฉันก็ได้เจอแกสักที วันนี้อย่าคิดว่าจะหนีไปได้”

การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย

การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย

Status: Ongoing
การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนี่ผู้มั่งคั่งร่ำรวยเธอตื่นขึ้นมาในร่าง ‘ถังชวง’ เด็กสาวในยุค 70 ที่มีชีวิตแสนลำบากในตระกูลที่กขี่ทั้งเธอ แม่กับน้องสาว… แต่จากนี้เธอจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ เธอจะเป็นเศรษฐีนี่ให้ได้เลย! นิยายแปลเรื่อง การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนี่ผู้มั่งคั่งร่ำรวย [重返七零之空间小辣]ผู้แต่ง:钰儿เรื่องย่อ: เธอเกิดใหม่มาในร่งของ ถังซวง’ เด็กสาวที่ถูกกใน ยุค 70!! แถมยังต้องมาเจอกับพ่อใจร้ายที่วัน ๆ เาแต่ทุบตี เธอเลยต้องวางแผนให้แม่หย่ากับพ่อเฮงซวยแบบนี้แล้วพาแม่กับน้องสาว ออกไปจากตระกูลปรสิตนี่ และหลังออกจากระกูล เธอก็มุ่งมั่นตั้งใจพาครอบครัวไปสู่เส้นทางเศรษฐีนี่ให้ได้ในสักวัน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท