บทที่ 326 ฝาแฝด
บทที่ 326 ฝาแฝด
เฮ่อหลานมองลูกสาวคนโตของเธออย่างไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน มันราวกับฝันไป
แม้แต่ถังเซวี่ยก็ไม่อยากจะเชื่อ และถามด้วยความงุนงง “พี่สาว พี่… พี่พูดว่าอะไรนะ?”
“แม่กำลังท้อง”
เมื่อเห็นท่าทางประหลาดใจของแม่และน้องสาวของตัวเอง ถังซวงจึงพูดซ้ำอีกครั้ง
ความจริงแล้วเธอเองก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน แต่เมื่อคิดดูอีกทีก็รู้สึกว่านี่ไม่แปลกอะไรเพราะแม่และน้องสาวกินยาบำรุงสุขภาพที่เธอทำให้มาตลอด ดังนั้นร่างกายของทั้งคู่จึงดีกว่าคนทั่วไปมาก ยิ่งกว่านั้นจิงเจ้อหรง พ่อของเธอก็ยังกินยาบำรุงที่เธอทำให้เสมอ จึงเป็นเรื่องปกติที่แม่จะท้อง
“แต่…”
เมื่อกำลังจะพูด ถังซวงก็เริ่มไม่แน่ใจอีกครั้ง แม้ว่าเธอจะรู้สึกว่าเด็กในท้องเป็นฝาแฝด แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เธอจับชีพจรให้คนท้อง เธอจึงไม่รู้ว่าจะใช่หรือไม่
“แต่อะไร?”
เฮ่อหลานที่ตกใจในตอนแรก แต่วินาทีนี้หัวใจเธออ่อนยวบ เธอกำลังจะเป็นแม่อีกครั้ง แต่เมื่อได้ยินสิ่งที่ลูกสาวคนโตพูด หัวใจของเธอก็กลับมากระวนกระวายใจอีก
แม้แต่ถังเซวี่ยก็มองตรงไปที่ถังซวงและพูดว่า “พี่ พี่ควรพูดให้หมดสิ ทำแบบนี้เรากระวนกระวายใจนะ”
เมื่อเห็นแม่และน้องสาวของตัวเองเป็นแบบนี้ ถังซวงก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มและพูดว่า “อย่ากังวล แม่แข็งแรงดี ถึงจะตั้งครรภ์ก็ไม่มีอะไรต้องห่วง สิ่งที่ฉันอยากจะบอกเมื่อกี้คือแม่อาจจะตั้งท้องลูกฝาแฝด”
“นี่… เรื่องจริงหรือ?”
ใบหน้าของเฮ่อหลานเต็มไปด้วยความตกใจอีกครั้ง เธอรู้สึกว่าวันนี้เป็นวันที่วิเศษและน่าตื่นเต้นจริง ๆ
ถังเซวี่ยก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน
“พี่คะ จริงหรือคะ”
“น่าจะ ถึงนี่จะเป็นครั้งแรกที่ฉันจับชีพจรคนท้อง แต่ก็คิดว่าไม่น่าจะผิด”
“ว้าว… ดีจัง”
ถังเซวี่ยยืนขึ้นอย่างมีความสุขและเดินไปรอบ ๆ เฮ่อหลาน “แม่คะ แม่กับพ่อมีลูกแล้ว และหนูกับพี่ก็จะมีน้องแล้วสิ”
“เสี่ยวเซวี่ย ทำไมลูกถึงมีความสุขขนาดนั้นล่ะ?”
จิงเจ้อหรงที่เพิ่งมาถึงและได้ยินเสียงตื่นเต้นและมีความสุขของถังเซวี่ย ก็ถามขึ้นอย่างอารมณ์ดี
เมื่อเห็นจิงเจ้อหรงมาแล้ว ถังเซวี่ยก็อยากจะบอกเรื่องน่าตื่นเต้นนี้ แต่เธอก็กลั้นไว้และไม่บอกข่าวการตั้งครรภ์ของแม่ เรื่องนี้ให้แม่ควรบอกพ่อด้วยตัวเองคงดีกว่า เด็กสาวจึงรีบชำเลืองมองแม่ของตัวเอง
ถังซวงเองก็ไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน แต่เมื่อเห็นว่าเสี่ยวเซวี่ยดูไม่อยากออกไป เธอจึงรีบดึงแล้วพูดว่า “เสี่ยวเซวี่ย ก่อนหน้านี้เธอเคยบอกว่ามีคำถามจะถามไม่ใช่หรือ เดี๋ยวพี่จะอธิบายให้ฟังเอง”
“อา… ฉันอะไร…”
เมื่อพูดไปได้ครึ่งหนึ่ง ถังเซวี่ยก็รู้สึกตัวและพูดอย่างร่าเริงว่า “ใช่แล้ว หนูมีโจทย์บางอย่างที่ทำไม่ได้ พี่สาว เราไปทำการบ้านกันเถอะค่ะ”
จิงเจ้อหรงมองไปที่ลูกสาวทั้งสองอย่างประหลาดใจและรู้สึกว่าทั้งสองดูแปลก ๆ เล็กน้อย แต่เมื่อพิจารณาจากปฏิกิริยาของเสี่ยวเซวี่ย เธอต้องไม่มีปัญหาอะไรแน่ แต่ซวงเอ๋อร์พาน้องสาวออกไปโดยรีรอ เขาจึงรู้สึกสับสนเล็กน้อย
หลังจากที่ถังซวงและถังเซวี่ยออกไป เฮ่อหลานก็เดินตรงไปหาจิงเจ้อหรง และกอดเขาไว้
เมื่อรู้สึกถึงความอบอุ่นในอ้อมอก จิงเจ้อหรงก็กอดเฮ่อหลานตอบ และในขณะเดียวกันก็ถามอย่างกระวนกระวาย “อาหลาน เป็นอะไรไป?เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าครับ? ”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงประหม่าของจิงเจ้อหรง เฮ่อหลานก็พยักหน้า “อาเจ้อ ฉันมีเรื่องจะบอกคุณค่ะ”
จิงเจ้อหรงคิดว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับเฮ่อหลาน ใบหน้าของเขาก็เคร่งเครียดยิ่งขึ้น “อาหลาน เกิดอะไรขึ้น”
เมื่อเห็นว่าจิงเจ้อหรงเป็นกังวลอย่างมาก เฮ่อหลานจึงรีบลูบหลังเขาอย่างปลอบโยนและพูดว่า “อาเจ้อ ฉันสบายดีค่ะ แต่ฉัน… ฉันท้อง”
“อะ… อะไรนะ…”
หลังจากที่จิงเจ้อหรงได้ยินคำพูดของเฮ่อหลาน เขาก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าสมองของตัวเองใช้งานไม่ได้
“อาเจ้อ ฉันบอกว่าฉันท้องค่ะ”
เมื่อเห็นว่าจิงเจ้อหรงไม่ตอบสนอง เฮ่อหลานก็ผละตัวออกจากแขนของเขาและพูดอีกครั้ง
“จะ… จริงหรือ? เราจะมีลูกหรือ?”
จิงเจ้อหรงรู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังฝันและทุกอย่างไม่ใช่เรื่องจริง แต่เมื่อเห็นท่าทางจริงจังของเฮ่อหลาน เขาก็รู้ว่ามันเป็นเรื่องจริง ดังนั้นเขาจึงกอดภรรยาและหัวเราะอย่างมีความสุข
เสียงของจิงเจ้อหรงดังจนคนอื่น ๆ ในบ้านได้ยิน และเมื่อทุกคนรู้สาเหตุ พวกเขาก็พลอยมีความสุขไปด้วย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณนายจิงที่มีความสุขอย่างมากเมื่อรู้ว่าลูกสะใภ้คนเล็กของเธอกำลังตั้งครรภ์
“ดีจริง ๆ อาหลานกำลังตั้งครรภ์ และครอบครัวของเรากำลังจะมีทายาทคนใหม่เพิ่มแล้ว”
แม้แต่คุณชายจิงก็มีความสุขมาก “ใช่แล้ว มันยอดเยี่ยมจริง ๆ”
เมื่อผู้อาวุโสทั้งสองได้ยินว่าเฮ่อหลานอาจตั้งท้องลูกแฝด พวกเขาก็ยิ่งดีใจมากขึ้นไปอีก
ในขณะที่ทั้งครอบครัวดูแลเฮ่อหลานอย่างดีเพราะกลัวว่าจะไปชนอะไรเข้า ถังซวงที่อยู่ด้านข้างก็พูดว่า “คุณย่าคะ แม่แข็งแรงดี ไม่จำเป็นต้องระวังมากขนาดนั้นหรอก ทุกอย่างปกติดีค่ะ แต่หลังจากนี้สองวันให้พ่อพาแม่ไปตรวจที่โรงพยาบาลดีกว่า หนูได้ยินมาว่าการตรวจครรภ์มีหลายขั้นตอนอยู่นะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ คุณนายจิงรีบพยักหน้าและพูดว่า “ใช่แล้ว ย่าได้ยินมาว่าทางโรงพยาบาลมีการตรวจที่สามารถส่องดูทารกในครรภ์ได้ด้วยนะจ๊ะ”
ถังซวงพยักหน้าเมื่อได้ยินคำพูดนั้น “ใช่แล้วค่ะ โรงพยาบาลปักกิ่งสามารถทำอัลตร้าซาวน์เพื่อดูความสมบูรณ์ของทารกในครรภ์ได้ ต้องให้พ่อพาแม่ไปตรวจดู” เธอนับเวลา ก็คิดว่าในเวลานี้แม่คงสามารถไปตรวจได้แล้ว
หลังจากที่จิงเจ้อหรงรู้ เขาก็พาเฮ่อหลานไปที่โรงพยาบาลทันที
หลังจากผลการตรวจออกมา เฮ่อหลานตั้งครรภ์แฝดจริง ๆ แพทย์บอกว่าทารกในครรภ์สบายดีและแม่ก็มีสุขภาพที่ดี ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องกังวล แค่ดูแลตามปกติก็พอแล้ว
“อาหลาน เรากลับบ้านกันเถอะครับ”
แม้ว่าแพทย์จะกล่าวเช่นนั้น แต่จิงเจ้อหรงก็ยังคงดูแลเฮ่อหลานอย่างดี และยังหอบงานกลับมาทำที่บ้านเพราะเขาต้องการอยู่ข้างเฮ่อหลานให้ได้มากที่สุด