บทที่ 340 ไม่เอามาเสียดายแย่
บทที่ 340 ไม่เอามาเสียดายแย่
ตู้จ้งเหว่ยได้ยินคำพูดพ่อก็ยกยิ้มขึ้น “ครับคุณพ่อ ผมจะต้อนรับพวกเพื่อน ๆ เป็นอย่างดีเลย”
หลังจากตู้หรงหมิงจากไป ตู้จ้งเหว่ยก็พาทุกคนไปกินดื่มกัน วันนี้ที่มาล้วนเป็นเด็กชายตัวโต เวลากินอะไรก็จะกินเร็วมาก อีกทั้งแต่ละคนก็กินไม่ใช่น้อย ๆ
โหยวอี้หงที่อยู่ด้านข้างเดิมทีคิดว่าจะได้ต้อนรับพวกถังซวงที่จะมาในวันนี้
ทว่าเมื่อมองไปยังกลุ่มเด็กผู้ชายที่กำลังกินดื่มตรงหน้าเธอ สีหน้าก็ดูไม่ดีขึ้นมา เธอฝืนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม และสุดท้ายก็จากไป
เมื่อเห็นโหยวอี้หงจากไปแล้ว ใบหน้าที่ก้มต่ำของตู้จ้งเหว่ยก็เต็มไปด้วยการเยาะเย้ย เพียงแต่ที่บ้านเตรียมอาหารไว้มากมาย เขาไม่ทานก็จะเสียเปล่า ด้วยเหตุนี้เขาจึงตั้งใจกินมัน จากนั้นกลุ่มผู้ชายก็สนุกคึกคักกันอยู่นาน ก่อนจะทยอยกันกลับไป
หลังจากทุกคนกลับไปหมดแล้ว ตู้หรงหมิงก็เดินเข้ามาด้วยใบหน้าขุ่นเคืองเต็มประดา
“วันนี้ลูกเชิญพวกใครมากัน ทำไมถึงมีแต่ผู้ชายเต็มไปหมด”
ตู้จ้งเหว่ยได้ยินเช่นนี้ก็ตอบอย่างสบาย ๆ “พวกเขาเป็นเพื่อนผมไง พ่อบอกว่าให้ชวนเพื่อนมาที่บ้านไม่ใช่หรือ ผมก็ชวนมาแล้วนี่ไง ทำไมพ่อถึงยังโกรธอยู่ล่ะ”
“แก…”
เขาไม่เชื่อว่าตู้จ้งเหว่ยจะไม่เข้าใจความหมายของตน แต่ตอนนั้นเขาก็ไม่ได้พูดอย่างชัดเจน ยามนี้จึงหาคำพูดอะไรมาหักล้างได้
แต่ก็ยังเป็นโหยวอี้หงที่เอ่ยถาม “จ้งเหว่ย เพื่อนของลูกคงไม่ใช่มีแต่ผู้ชายหมดหรอกใช่ไหม?”
“ก็ไม่หรอก ถังซวงก็น่าจะถือว่าเป็นเพื่อนผม เพียงแต่วันนี้เธอไม่ว่างเลยไม่มา แต่พรุ่งนี้เธอว่าง และผมตกลงกับเธอว่าจะไปเรียนเสริมที่บ้านตระกูลจิงพรุ่งนี้น่ะ”
เขาต้องขอร้องถังซวงอยู่นานถึงได้มีโอกาสไปเรียนเสริมที่บ้านของเธอ ดังนั้นเขาจึงหวงแหนมันมาก
หลังจากได้รับการชี้แนะจากถังซวงครั้งก่อน ตอนนี้เขาอยากให้ทุกคนเห็นความยอดเยี่ยมของเขาแทบไม่ไหว และอยากให้ทุกคนรู้ซึ้งว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นถูกต้อง และเป็นความจริง เมื่อพวกเขาเห็นตัวเอง
เดิมทีตู้หรงหมิงอยากก่นด่าต่อ แต่หลังจากได้ยินสิ่งที่ลูกชายคนโตพูด เขาก็ถามอย่างไม่อยากเชื่อเล็กน้อย “พรุ่ง… พรุ่งนี้แกจะไปบ้านตระกูลจิงหรือ?”
“อื้ม ผมคุยกับถังซวงแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ตู้หรงหมิงเปลี่ยนท่าทางขุ่นเคืองเมื่อครู่ เป็นมองเขาด้วยรอยยิ้มแทน “จ้งเหว่ย ทำไมไม่รีบพูดออกมาให้เร็วกว่านี้ล่ะ ที่แท้ลูกจะไปบ้านตระกูลจิงพรุ่งนี้นี่เอง ไปบ้านเขาครั้งแรก ต้องเตรียมตัวให้ดีหน่อย เดี๋ยวพ่อจะให้แม่แกเตรียมของไปเยี่ยมให้”
ตู้จ้งเหว่ยได้ยินเช่นนี้ ก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ครับ ขอบคุณพ่อกับแม่มาก”
พูดจบ เขาก็ตรงกลับห้องตัวเอง
ตู้หรงหมิงยังคงตื่นเต้น เมื่อนึกถึงลูกชายคนโตของเขาจะไปบ้านตระกูลจิงในวันพรุ่งนี้แล้ว เขาก็หันไปสั่งโหยวอี้หงให้ไปซื้อของมา “คนระดับตระกูลจิง ไม่ชอบของธรรมดาแน่นอน ดังนั้นคุณเตรียมให้ดี ๆ ล่ะ” ขณะกล่าวเขาก็รู้สึกว่าไม่สบายใจ จึงเอ่ยขึ้น “ไม่ ไปกัน ผมจะไปดูกับคุณด้วย”
เมื่อเห็นท่าทีจริงจังของสามี เธอก็นึกไปถึงตู้จ้งเหว่ยในช่วงนี้ โหยวอี้หงจึงรู้สึกไม่ดีขึ้นมา แต่เธอก็ไม่กล้าแสดงออกอะไรมาก เพียงแค่ยกยิ้มบางเบาเท่านั้น “ค่ะ เราไปกันเถอะ”
หลังจากตู้หรงหมิงกับโหยวอี้หงกลับมาจากการซื้อของแล้ว โหยวอี้หงก็ตรงไปหาตู้จ้งเหลียนลูกชายเธอทันที
“น่าโมโห เหล่าตู้นี่ยึดติดกับคนรวยมีอำนาจจริง ๆ เมื่อกี้ที่ซื้อของก็เสียเงินไปไม่น้อย” เมื่อนึกถึงของขวัญราคาแพงที่ซื้อไปเมื่อครู่ โหยวอี้หงยังคงรู้สึกปวดใจเป็นระลอก ๆ
ตู้จ้งเหลียนอยู่ในห้องตัวเองมาตั้งแต่เช้า ไม่ได้สนใจเสียงอึกทึกวุ่นวายข้างนอก ยามนี้เมื่อได้ยินสิ่งที่มารดาพูด ก็ยังรู้สึกฉงนไม่น้อย
โหยวอี้หงจึงอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง “แม่รู้สึกว่าตู้จ้งเหว่ยเหมือนจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย ไม่เหมือนกับเมื่อก่อนเลย เมื่อก่อนตู้จ้งเหว่ยจะเป็นคนตรงไปตรงมา แต่หลายวันมานี้รู้สึกเขาเปลี่ยนเป็นคนเจ้าเล่ห์ไปซะแล้ว”
“แม่ครับ แม่ต้องรู้สึกไปเองแน่ พี่ใหญ่มีนิสัยเถรตรงมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว คน ๆ หนึ่งไม่ว่าจะเปลี่ยนไปแค่ไหน นิสัยไม่มีทางเปลี่ยนหรอก ผมว่าเขาก็ยังโง่เหมือนเดิม”
“งั้นหรือ?”
ถึงจะว่าอย่างนั้นโหยวอี้หงก็ยังคงรู้สึกแปลก ๆ ในใจ
ส่วนตู้จ้งเหลียนค่อนข้างสนใจกับเรื่องที่ตู้จ้งเหว่ยจะไปบ้านตระกูลจิงในวันพรุ่งนี้
“ผมไม่คิดเลยว่าพี่ใหญ่จะไปสนิทกับคนจากตระกูลจิงขนาดนี้ ถึงได้ไปที่บ้านตระกูลจิงได้”
“นั่นสิ เขาไปสานสัมพันธ์กับตระกูลจิงตั้งแต่เมื่อไหร่กัน แม่ไม่ค่อยสบายใจเลย” เมื่อเอ่ยมาถึงตอนท้าย สีหน้าโหยวอี้หงก็บิดเบี้ยวสุด ๆ
ตู้จ้งเหลียนนึกถึงตัวตนของถังซวง กลับรู้สึกว่าแม่ของเขากังวลเกินไป “แม่ครับ ถังซวงนั้นไม่ใช่ลูกสาวแท้ ๆ ของจิงเจ้อหรงเสียหน่อย ดังนั้นแม่ก็อย่ากังวลมากเกินไปเลย”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ โหยวอี้หงก็รู้สึกโล่งใจไปบ้าง
แม้ตู้หรงหมิงจะพูดตลอดว่าตระกูลจิงให้ความเอ็นดูถังซวงมาก แต่เธอรู้สึกว่าการจะเอ็นดูคนที่ไม่เกี่ยวข้องกันทางสายเลือดมันจะมีจริงสักเท่าไหร่กัน “อืม… งั้นเราก็ค่อย ๆ ดูกันไปดีกว่า”
วันต่อมา ตู้จ้งเหว่ยถือของขวัญที่ตู้หรงหมิงเตรียมไว้ให้ตรงไปบ้านตระกูลจิง เมื่อไปถึงหน้าประตู เขาก็เจอกับถังชุนหยานที่กำลังจะออกไปข้างนอกพอดี
“พี่ตู้ พี่มาแล้วหรือ รีบเข้ามาเร็ว”
ตู้จ้งเหว่ยเห็นถังชุนหยาน ก็ทักทายอย่างเป็นกันเอง “สหายถัง เธอจะออกไปข้างนอกหรือ?”
“ใช่ค่ะ ฉันจะออกไปซื้อของนิดหน่อย ไม่นานก็กลับมาแล้ว พี่รีบเข้าไปข้างในเถอะ”
ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน หม่าเสี่ยวชุ่ยก็เพิ่งมาถึงพอดี แต่เธอไม่รู้จักตู้จ้งเหว่ยกับถังชุนหยาน เมื่อเห็นทั้งสอง จึงถามเสียงเบา “ขอโทษนะ ที่นี่ใช่บ้านถังเซวี่ยหรือเปล่า?”
ได้ยินเช่นนี้ ถังชุนหยานมองตรงไปที่หม่าเสี่ยวชุ่ย “คุณคือ?”
“ฉันเป็นเพื่อนร่วมชั้นของถังเซวี่ยน่ะค่ะ วันนี้เลยมาเยี่ยมเธอ”
เมื่อถังชุนหยานได้ยินว่าหม่าเสี่ยวชุ่ยเป็นเพื่อนร่วมชั้นของถังเซวี่ย เลยชวนเธอให้เข้าไปเช่นกัน “พวกคุณเข้ามาเลย” ขณะพูดก็พาพวกเขาไปที่ห้องโถงด้านหน้า
ตอนนี้ถังซวงกับถังเซวี่ยกำลังพูดคุยกับคุณนายจิงอยู่ เมื่อเห็นตู้จ้งเหว่ยกับหม่าเสี่ยวชุ่ยมาด้วยกัน เลยเอ่ยอย่างประหลาดใจเล็กน้อย “พวกเธอมาด้วยกันได้ยังไงน่ะ”
ถังชุนหยานอธิบาย “เราเจอกันที่หน้าประตูน่ะค่ะ งั้นฉันออกไปซื้อของก่อนนะ”
เธอออกจากบ้านไป
ความจริงเธออยากฝึกฝนตัวเอง จึงยืนกรานที่จะไปเลือกซื้อสมุนไพรที่ถังซวงต้องการเอง จากนั้นเธอจะอยู่ปักกิ่งเพื่อช่วยถังซวง ดังนั้นเธอต้องพยายามทำความคุ้นเคยกับทุกสิ่ง ถึงจะเรียกได้ว่าเป็นการช่วยเหลือจริง ๆ
หลังจากถังชุนหยานออกไปแล้ว คุณนายจิงเห็นเพื่อนร่วมชั้นของสองพี่น้องมาแล้ว ก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “พวกเธอคุยกันไปนะ คนแก่อย่างย่าไปดีกว่า”
ถังซวงรู้ว่าตู้จ้งเหว่ยจะมาในวันนี้ เพียงแต่เมื่อเห็นของขวัญราคาแพงที่เขานำมา ก็อดเอ่ยไม่ได้ “แค่มาทำการบ้าน นายเอาของอะไรมามากมายเนี่ย”
“พ่อของฉันเตรียมมาให้ ไม่เอามาเสียดายแย่”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ถังซวงอดส่ายหัวไม่ได้
หลังจากถังชุนหยานออกไปแล้ว คุณนายจิงเห็นเพื่อนร่วมชั้นของสองพี่น้องมาแล้ว ก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “พวกเธอคุยกันไปนะ คนแก่อย่างย่าไปดีกว่า”
ถังซวงรู้ว่าตู้จ้งเหว่ยจะมาในวันนี้ เพียงแต่เมื่อเห็นของขวัญราคาแพงที่เขานำมา ก็อดเอ่ยไม่ได้ “แค่มาทำการบ้าน นายเอาของอะไรมามากมายเนี่ย”
“พ่อของฉันเตรียมมาให้ ไม่เอามาเสียดายแย่”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ถังซวงอดส่ายหัวไม่ได้
แต่ความสนใจของหม่าเสี่ยวชุ่ยกลับอยู่ที่ถังเซวี่ย “เสี่ยวเซวี่ย เดี๋ยวเธอก็จะไม่อยู่ชั้นเดียวกับฉันแล้ว เพราะอย่างนั้นฉันต้องพยายามเต็มที่ วันนี้ฉันนำการบ้านของวันหยุดสุดสัปดาห์ทั้งหมดมาแล้ว เรามาทำด้วยกันเถอะจ้ะ”
“ได้สิ”
ถังเซวี่ยพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม สุดท้ายทั้งสี่คนก็นั่งทำการบ้านด้วยกัน
ถังซวงทำทุกอย่างเสร็จอย่างรวดเร็ว และในขณะที่เธอเตรียมจะอ่านหนังสือของตัวเอง เสียงอันคุ้นเคยก็ดังขึ้น “ซวงเอ๋อร์… ฉันกลับมาแล้ว”