บทที่ 341 สนิทสนม
บทที่ 341 สนิทสนม
เมื่อได้ยินเสียงอันคุ้นเคย ถังซวงหันกลับไปมองทันที แล้วเธอก็เห็นโม่เจ๋อหยวนยืนอยู่ตรงนั้น มองเธอด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน มุมปากของเธอก็หยักยกขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ ในเวลาเดียวกันก็รีบยืนขึ้นเดินตรงไปข้างหน้า “พี่โม่ พี่กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
โม่เจ๋อหยวนมองคนที่คิดถึงมานาน ก่อนสัมผัสดวงหน้าเธออย่างทนไม่ไหว “ซวงเอ๋อร์ ดูเหมือนเธอจะผอมลงนะ”
“งั้นหรือ แต่ฉันกินข้าวเยอะทุกวันเลยนะ”
ถังซวงลูบฝ่ามือของโม่เจ๋อหยวนที่ใบหน้าอย่างลืมตัว และยกยิ้มอ่อนหวาน ก่อนถามขึ้นอีกครั้ง “พี่โม่ พี่ยังงานยุ่งอยู่ไหม ยังต้องกลับไปเมืองไห่เฉิงอีกหรือเปล่า?”
“ไม่กลับแล้วล่ะ”
เมื่อสัมผัสถึงผิวเกลี้ยงเกลาใต้ฝ่ามือ โม่เจ๋อหยวนเหมือนถูกลวกไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบปล่อยมือออก เพราะตรงนี้ยังมีคนอื่นอยู่ด้วย เขาย่อมไม่อยากให้คนอื่นเห็นความใกล้ชิดสนิทสนมระหว่างเขากับซวงเอ๋อร์
ถังเซวี่ยเองก็มีความสุขมากเหมือนกันที่เห็นโม่เจ๋อหยวนกลับมา
“พี่โม่ งั้นคราวนี้พี่จะอยู่ที่ปักกิ่งตลอดไปเลยใช่ไหมคะ?”
โม่เจ๋อหยวนได้ยินก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “แน่นอนสิ แต่พวกเธอกำลังทำการบ้านกันอยู่หรือ” เวลานี้เองเขายังหันไปเห็นตู้จ้งเหว่ยกับหม่าเสี่ยวชุ่ย ซึ่งไม่คุ้นเคยเลยสักนิด
“ใช่ค่ะ”
ถังเซวี่ยพยักหน้า จากนั้นก็เริ่มแนะนํา “นี่หม่าเสี่ยวชุ่ย เพื่อนร่วมชั้นของฉัน ส่วนนั่นตู้จ้งเหว่ย เพื่อนร่วมชั้นของพี่ ทั้งสองคนมาทําการบ้านด้วยกันน่ะค่ะ เผื่อมีอะไรไม่เข้าใจก็จะได้ถามพวกเราได้”
โม่เจ๋อหยวนได้ยินอย่างนั้นก็มองไปที่ตู้จ้งเหว่ยก่อน และพยักหน้าให้เขา “สวัสดีสหายตู้ ฉันเป็นคนรักของถังซวง โม่เจ๋อหยวน ยินดีที่ได้รู้จัก”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ตู้จ้งเหว่ยก็มองไปที่ถังซวง แล้วมองไปที่โม่เจ๋อหยวนด้วยความประหลาดใจ แต่เขาก็ไม่ได้ถามอะไรมาก เพียงเอื้อมไปจับมือกับโม่เจ๋อหยวน “สวัสดี สหายโม่”
จากนั้นโม่เจ๋อหยวนก็ทักทายหม่าเสี่ยวชุ่ย
เมื่อถังซวงเห็นว่าสีหน้าของโม่เจ๋อหยวนดูเหนื่อยล้า จึงอดเป็นห่วงไม่ได้ “พี่โม่ พี่ดูเหนื่อยๆ นะ ฉันพาพี่ไปพักผ่อนก่อนดีกว่า”
โม่เจ๋อหยวนเหนื่อยล้าจริง ๆ จึงไม่ได้ปฏิเสธ และเดินตามถังซวงไป
“พี่โม่ หิวไหม กินอะไรก่อนไหมแล้วค่อยไปพักผ่อน”
ถังซวงเดาว่าโม่เจ๋อหยวนมาถึงปักกิ่งไม่ทันไรก็น่าจะตรงมาที่นี่ทันที เลยกลัวว่าเขายังไม่ได้กินอะไรรองท้อง
“อืม”
โม่เจ๋อหยวนเห็นถังซวงเป็นห่วงตัวเองขนาดนี้ จึงรู้สึกอิ่มเอมในหัวใจ
ในขณะที่ถังเซวี่ยมองแผ่นหลังของพี่สาวกับโม่เจ๋อหยวนห่างออกไปไกล ก็อดยิ้มขึ้นมาไม่ได้ เห็นพี่สาวกับโม่เจ๋อหยวนมีความสัมพันธ์กันดีขนาดนี้ เธอย่อมรู้สึกมีความสุขเป็นธรรมดา
แต่หม่าเสี่ยวชุ่ยถามด้วยใบหน้าที่เปี่ยมล้นด้วยความสงสัย “เสี่ยวเซวี่ย คนเมื่อกี้นี้คือพี่เขยในอนาคตของเธอหรือ หล่อเหลาเกินไปแล้ว เหมาะสมกับพี่สาวเธอสุด ๆ พอยืนด้วยกันก็เหมือนกับภาพวาดไม่มีผิด ฉันเขินไปหมดแล้วเนี่ย”
เมื่อได้ยินคําชมของหม่าเสี่ยวชุ่ย ถังเซวี่ยพลันหัวเราะขึ้นมา “ใช่ พี่สาวกับพี่โม่เป็นคู่ที่เหมาะกันจริง ๆ”
ทว่าตู้จ้งเหว่ยกลับอดถามขึ้นมาไม่ได้ “คนในครอบครัวเธอรู้แล้วหรือยังว่าทั้งสองคนคบกัน แต่ถังซวงยังเรียนอยู่ไม่ใช่หรือ มีคนรักเร็วขนาดนี้ไม่เป็นอะไรหรือไง?”
ถังเซวี่ยได้ยินแบบนี้ก็ตอบไปตามตรง “อันที่จริงก็ไม่เร็วแล้วนะ พี่โม่กับพี่สาวก็ใกล้จะยี่สิบแล้ว อีกอย่างมีคนรักในวัยนี้ก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือ”
ได้ยินดังนั้น ตู้จ้งเหว่ยก็ตระหนักได้ว่ามันเป็นเรื่องจริง ในบางพื้นที่ชายหญิงในวัยนี้อาจแต่งงานกันแล้วด้วยซ้ำ “ก็จริง พวกเธอทําการบ้านเสร็จแล้วหรือยัง ฉันเกือบทําเสร็จแล้วนะ”
หม่าเสี่ยวชุ่ยเอ่ยอย่างขมขื่น “ฉันยังทำไม่เสร็จเลย”
ถังเซวี่ยพยักหน้า “ฉันทําเสร็จแล้ว”
หม่าเสี่ยวชุ่ยมองถังเซวี่ยด้วยใบหน้าอิจฉา “เสี่ยวเซวี่ย เธอเก่งเกินไปแล้ว ทําไมเธอกับพี่ถึงได้ฉลาดขนาดนี้นะ นี่พวกเธอเพิ่งเรียนมาสองปีกว่าใช่ไหม ทำไมถึงเรียนได้ขนาดนี้เลยล่ะ คนเรานี่ไม่เหมือนกันจริง ๆ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ตู้จ้งเหว่ยก็ถามด้วยความประหลาดใจ “ทำไมถึงแค่สองปีกว่าล่ะ?”
“เพราะเสี่ยวเซวี่ยกับพี่สาวไม่ได้เข้าเรียนเลยตั้งแต่เด็กน่ะ เพิ่งได้เข้าเรียนเมื่อไม่นานมานี้เอง แต่ทั้งสองคนฉลาดจริง ๆ นะ สอบข้ามชั้นมาได้ตลอดเลย”
นี่เป็นครั้งแรกที่ตู้จ้งเหว่ยรู้เรื่องนี้ เขาชื่นชมสองพี่น้องถังซวงกับถังเซวี่ยอย่างสุดซึ้งเหมือนหม่าเสี่ยวชุ่ยทันที “พวกเธอสุดยอดจริง ๆ”
ในระหว่างที่ทุกคนกำลังคุยกัน ถังชุนหยานกลับมาพอดี เธอวางสมุนไพรถุงใหญ่ที่ถืออยู่ลง และถามอย่างสงสัย “นี่… พี่ซวงล่ะ?”
“พี่โม่กลับมาแล้ว พี่สาวกับพี่โม่ไปที่สวนหลังบ้าน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ถังชุนหยานก็พยักหน้า และไม่ถามอะไรอีก “เสี่ยวเซวี่ย งั้นฉันไปทํางานก่อนนะ”
ตู้จ้งเหว่ยมองไปที่ถังชุนหยานอย่างสงสัย ก่อนถาม “เธอไม่ต้องไปเรียนหรือ?”
“ฉันไม่ได้ไปเรียนนานแล้ว”
ถังชุนหยานตอบอย่างสบาย ๆ “ฉันเริ่มหาเงินด้วยตัวเองและใช้ชีวิตด้วยตัวเองน่ะ”
ตู้จ้งเหว่ยได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่เขาไม่ได้สนิทกับถังชุนหยานขนาดนั้น จึงไม่อยากพูดอะไรมาก
และในเวลานี้เอง ถังซวงเข้ามาพอดี และได้ยินคําพูดของตู้จ้งเหว่ย จึงอดมองถังชุนหยานพร้อมเอ่ยถามไม่ได้ “ชุนหยาน เธอยังอยากเรียนต่อไหม?”
ถังชุนหยานรีบส่ายหัว “ไม่อยาก ฉันคิดว่าหาเงินดีกว่า”
“ความจริงเรียนหนังสือก็ยังมีประโยนช์ เธอสามารถเรียนต่อได้ถ้าว่างจากการทำงานหาเงิน”
ได้ยินถังซวงพูดแบบนี้ ถังชุนหยานก็ไม่ปฏิเสธใด ๆ “อืม ฉันเข้าใจค่ะพี่ซวง” ในสายตาเธอ ถังซวงสามารถทําทุกอย่างได้ ในเมื่อพี่ซวงพูดอย่างนั้นแล้ว ก็หมายความว่าการเรียนหนังสือนั้นจะต้องมีประโยชน์ เชื่อฟังน่ะถูกแล้ว
“เอาล่ะ งั้นคราวหน้าพี่จะช่วยดูให้ ถ้ามีโอกาสเธอก็เรียนต่อได้”
“ได้ค่ะ พี่ซวง”
พูดจบ ถังเซวี่ยอดมองถังซวงพร้อมกล่าวไม่ได้ “พี่ พี่ไปสวนหลังบ้านกับพี่โม่แล้วไม่ใช่หรือ? ทําไมถึงกลับมาที่นี่อีก?”
“ฉันมาดูอะไรกินที่ห้องครัวนิดหน่อย เลยได้ยินที่พวกเธอพูดกันพอดี” ขณะกล่าว เธอมองไปที่ตู้จ้งเหว่ยกับหม่าเสี่ยวชุ่ย “ตอนเที่ยงพวกเธออยู่ทานข้าวที่นี่เถอะ กินข้าวเสร็จแล้วค่อยกลับไป”
“ได้สิ”
หม่าเสี่ยวชุ่ยตอบทันทีโดยไม่ต้องคิด ตู้จ้งเหว่ยเห็นเช่นนี้ก็ไม่ปฏิเสธ
และหลังจากที่ถังซวงพูดจบ ก็ตรงไปยังห้องครัว
ถังชุนหยานก็รีบไปทํางาน
จนกระทั่งถึงตอนเที่ยง ถังซวงกลับมาอีกครั้ง เธอกับถังเซวี่ยพาตู้จ้งเหว่ยกับหม่าเสี่ยวชุ่ยไปที่ห้องอาหาร วันนี้คุณชายจิงกับคนอื่น ๆ ไม่อยู่ มีเพียงคุณนายจิงกับเฮ่อหลาน เมื่อทั้งสองเห็นพวกเด็ก ๆ มา ก็ทักทายด้วยรอยยิ้ม
เฮ่อหลานถึงกับมองไปที่ถังซวงและถามว่า “ซวงเอ๋อร์ เจ๋อหยวนล่ะ ทําไมไม่เห็นเขามาทานข้าวด้วยกันเลย”
“แม่คะ พี่โม่กินแล้วค่ะ ตอนนี้กำลังหลับอยู่ เขาไม่ได้พักผ่อนเต็มที่มาหลายวันแล้ว พอมาถึงปักกิ่งก็ตรงมาที่นี่เลย”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฮ่อหลานอดเอ่ยด้วยรอยยิ้มไม่ได้ “เจ๋อหยวนนี่ บ้านยังไม่กลับก็ตรงมาที่นี่เลยซะได้”
คุณนายจิงก็ยิ้มเช่นเดียวกัน “เจ๋อหยวนคงคิดถึงซวงเอ๋อร์ แต่เขาเหนื่อยขนาดนี้ก็ปล่อยให้เขาพักผ่อนไปเถอะ พวกเรารีบกินข้าวกัน”
เริ่มแรกตู้จ้งเหว่ยกับหม่าเสี่ยวชุ่ยรู้สึกเกรงใจเล็กน้อย ทว่าเมื่อเห็นคุณนายจิงกับเฮ่อหลานใจดีมาก ทั้งสองก็ค่อย ๆ ผ่อนคลายลง และทานข้าวกลางวันไปไม่น้อย หลังกินข้าวเสร็จถึงได้กลับไป