บทที่ 372 สำนึกผิด
บทที่ 372 สำนึกผิด
หลังจากออกจากบ้านตระกูลฉิน เฉินซิ่งเหวินหันมองถังซวงแล้วถามออกไปว่า “คุณถังซวงครับ คุณจะกลับบ้านหรือจะไปกับพวกเรา?”
“ฉันจะกลับบ้านก่อนค่ะ”
“ครับ อย่างนั้นผมจะพาฉินหรูเหมิ่งไปเอง”
เฉินซิ่งเหวินยิ้มก่อนจะโบกมือลาถังซวงและโม่เจ๋อหยวน
ฉินหรูเหมิ่งที่ถูกจับกุม เห็นถังซวงและโม่เจ๋อหยวนยืนอยู่ด้วยกัน ทั้งสองคนดูเหมาะสมกันมากจนปฏิเสธไม่ได้ แต่เมื่อหันกลับมามองตัวเธอที่ไม่มีอะไร แถมยังถูกจับกุมตัวไว้ไม่ต่างจากนักโทษ
ทำไมเรื่องถึงเป็นแบบนี้ ทำไมพวกเขาถึงทำกับเธอแบบนี้
เฉินซิ่งเหวินไม่สนใจสีหน้าเศร้าหมองของฉินหรูเหมิ่ง เขาเพียงออกคำสั่งอย่างเลือดเย็นให้คนพาตัวเธอไป เพราะสิ่งที่รอเธออยู่มีเพียงห้องขังเท่านั้น
เมื่อเห็นแผ่นหลังของเฉินซิ่งเหวินและคนอื่น ๆ ห่างไกลออกไป ถังซวงหันมองโม่เจ๋อหยวนก่อนจะพูดว่า “เรากลับกันเถอะค่ะพี่โม่”
โม่เจ๋อหยวนพยักหน้าก่อนจะเดินตามถังซวงกลับไป
ถังซวงไม่ได้สังเกตอะไรเลยในคราวแรก แต่จู่ ๆ เธอก็สัมผัสได้ว่าบรรยากาศมันเงียบเชียบแปลก ๆ เธอหันมองโม่เจ๋อหยวนพร้อมถามอย่างสงสัย “พี่โม่คะ เป็นอะไรหรือเปล่า? ทำไมพี่ถึงทำหน้าตาแบบนั้นล่ะ? เราหาคนบงการเรื่องนี้เจอแล้ว พี่ไม่ดีใจหรือคะ?”
โม่เจ๋อหยวนหันมองถังซวง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด “ซวงเอ๋อร์… ฉันขอโทษนะ”
ได้ยินอย่างนั้น ถังซวงขมวดคิ้วทันที
“ขอโทษฉันทำไมล่ะคะพี่โม่?”
“เป็นเพราะฉัน ฉินหรูเหมิ่งถึงจ้างวานคนมาจับตัวเธอไป ที่เธอกับเสี่ยวเซวี่ยต้องตกอยู่ในอันตรายทั้งหมดเป็นความผิดของฉันเอง”
เห็นอีกฝ่ายตำหนิตนเองอย่างนั้น ถังซวงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ เดินไปหาเขาพร้อมกับกุมมือเขาไว้แน่น “พี่โม่คะ ทุกอย่างเป็นความผิดของฉินหรูเหมิ่งนะ พี่จะมารับผิดแทนเธอทำไม? เธอทำเรื่องทั้งหมดนี้ด้วยตัวเอง ถ้าพี่ยังพูดแบบนี้อีกฉันจะโกรธแล้วนะ”
เห็นว่าถังซวงมีสีหน้าจริงจังอย่างนั้น โม่เจ๋อหยวนรีบตอบรับ “ตกลง ๆ ฉันจะไม่พูดเรื่องนี้แล้ว”
เห็นโม่เจ๋อหยวนไม่โทษตัวเองแล้ว ถังซวงโล่งอกขึ้นมาก ทั้งสองกลับมาถึงบ้านตระกูลจิง คุณชายจิงก็รีบถามไถ่ “ซวงเอ๋อร์ ผู้เฒ่าฉินว่ายังไงบ้าง?”
ถังซวงส่ายศีรษะก่อนจะตอบกลับ “ผู้เฒ่าฉินไม่ได้ทำอะไรผิดค่ะ แต่เป็นฉินหรูเหมิ่งที่ก่อเรื่องทั้งหมด”
เธอเล่าเรื่องทั้งหมดภายในตระกูลฉินให้ครอบครัวฟัง
คุณชายจิงได้ยินแล้วก็ไม่พอใจ “สาวน้อยคนนี้ไม่ธรรมดาจริง ๆ เธอกล้าทำเรื่องแบบนี้ตั้งแต่อายุเท่านี้ แถมยังลากตระกูลฉินให้ลงเหวไปด้วย”
คุณนายจิงพยักหน้ารับเช่นกัน “ใช่ ครั้งนี้เธอทำเกินไปมาก โชคดีที่ซวงเอ๋อร์กับเสี่ยวเซวี่ยปลอดภัย”
ส่วนจิงเจ้อหรงชำเลืองมองโม่เจ๋อหยวน เขารู้ดีว่าฉินหรูเหมิ่งทำแบบนี้เพราะความรักที่เธอมีต่อเขา และไม่ว่ายังไงเรื่องทั้งหมดนี้ก็เป็นความผิดของฉินหรูเหมิ่งและตระกูลฉิน “ฉินหรูเหมิ่งถูกจับแล้ว เธอต้องถูกลงโทษสถานหนักแน่นอน”
เฮ่อหลานพยักหน้ารับ “ใช่ค่ะ เราจะไม่ปล่อยเธอไปแน่”
แม้แต่เฮ่อหลานยังแข็งกร้าว เพราะเมื่อเธอนึกถึงเรื่องที่ลูกสาวสองคนต้องพบเจอ เธอไม่สามารถผ่อนคลายจิตใจลงได้
จิงเจ้อหรงรีบขยับเข้าหาเฮ่อหลานแล้วกล่าวปลอบโยน “คุณไม่ต้องกังวลนะ ฉินหรูเหมิ่งจะไม่ได้รับการปล่อยตัว และไม่ได้อยู่อย่างสุขสบายแน่นอน”
ข่าวที่ฉินหรูเหมิ่งถูกจับแพร่กระจายทั่วเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว และในขณะเดียวกันทุกคนก็ตระหนักได้ว่าผู้บังคับบัญชาจูให้ความสำคัญกับถังซวงแตกต่างจากคนอื่น พวกเขาจึงมองถังซวงเปลี่ยนไปจากเดิม แต่คนส่วนใหญ่ยังคงสงสัยว่าทำไมผู้บังคับบัญชาจูถึงให้ความสำคัญกับถังซวงมากขนาดนั้น
แม้แต่เจิ้งหงเองก็ยังอยากรู้เรื่องนี้ หลังได้ยินข่าวคราว เธออดไม่ได้ที่จะหันไปถามสามี
“คุณคะ… ช่วยบอกฉันหน่อยเถอะว่าทำไมถังซวงถึงทำให้ผู้บังคับบัญชาจูห่วงใยได้ขนาดนั้น? ทำไมเขาถึงให้ความสำคัญกับเธอนักล่ะคะ? ฉันได้ยินว่าเรื่องนี้มีคุณเฉินซิ่งเหวินที่เป็นเลขาของผู้บังคับบัญชาจูคอยจัดการ ไม่ว่าจะยากเย็นแค่ไหนเขาก็สามารถสืบสวนได้ทั้งหมด คราวนี้เขาได้รับคำสั่งให้มาดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะ ต่อให้มองจากนอกโลกก็เห็นว่าผู้บังคับบัญชาจูให้ความสำคัญกับถังซวงมากขนาดไหน ฉันว่าเรื่องนี้ต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลังแน่ ๆ”
เมื่อโม่ถิงซวนได้ยินคำพูดของเจิ้งหงผู้เป็นภรรยา เขาชำเลืองมองพร้อมกับพูดว่า “ผู้อาวุโสจูให้ความสำคัญกับถังซวงแล้วไม่ดีหรือไง? อีกอย่างตอนนี้ถังซวงกับเจ๋อหยวนก็หมั้นกันแล้ว ถ้าทั้งคู่แต่งงานกันเมื่อไหร่ มันจะส่งผลดีต่อตระกูลโม่ของเราด้วย ตระกูลโม่ของเราจะยิ่งใหญ่มากขึ้นแน่นอน”
เจิ้งหงได้ยินอย่างนั้นรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย
“ฉันรู้แล้วค่ะว่าเจ๋อหยวนกับถังซวงหมั้นกันแล้ว และเพื่อให้เจ๋อหยวนได้แต่งงานกับถังซวง คุณพ่อต้องเสียสละทรัพย์สมบัติของครอบครัวตั้งมากมาย อีกอย่างนั่นก็แค่งานหมั้นด้วยซ้ำแต่กลับมอบให้พวกเขาเสียเยอะแยะ นี่พวกเขาไม่กลัวว่า…”
ก่อนที่เจิ้งหงจะทันได้พูดจบ โม่ถิงซวนกล่าวแทรกทันที
“คุณจะกลัวอะไร? ถังซวงและเจ๋อหยวนรักกัน เมื่อถึงเวลาพวกเขาก็จะแต่งงานกัน การให้สิ่งของเหล่านั้นแก่ทั้งสองมันไม่มากมายนักหรอก ยิ่งกว่านั้น ทรัพย์สินพวกนี้ต้องมอบให้เจ๋อหยวนอยู่แล้ว เจ๋อหยวนสามารถทำอะไรก็ได้ที่เขาต้องการ”
เจิ้งหงเม้มปากก่อนจะกล่าวด้วยใบหน้าหม่นหมอง “งั้นเพราะเราไม่มีลูกชายหรือไง คุณพ่อถึงไม่นึกถึงเราบ้าง สมบัติส่วนใหญ่ในครอบครัวก็มอบให้แต่เจ๋อหยวน จนไม่เหลือไว้ให้สะใภ้คนที่สองอย่างฉันเลย”
“เจิ้งหง…”