บทที่ 390 ทานอาหาร
บทที่ 390 ทานอาหาร
ถังชุนหยานรู้สึกสับสนเมื่อได้ฟังคำของถังซวง
“พี่สาวซวง ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะคะ? พี่รู้จักกับเคออวี๋หางแล้วหรือ?”
“ฉันไม่รู้จักกับเคออวี๋หาง แต่วันนี้ฉันได้เจอเขาอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง ดูเหมือนจะเป็นเพื่อนร่วมชั้นของเธอนะ ชื่อเสี่ยวเสี่ยว ดูดีมาก ตากลมโต จมูกเรียว แต่ริมฝีปากใหญ่ไปหน่อย”
ได้ยินคำอธิบายของถังซวงแล้ว ถังชุนหยานขมวดคิ้วก่อนจะพูดว่า “น่าจะเป็นเซิงเสี่ยวเฟย แต่เคออวี๋หางจะไปอยู่กับเธอได้ยังไงกันคะ?”
“ดูเหมือนเธอก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับหล่อนเท่าไหร่ มันก็ไม่น่าแปลกใจอะไรนี่”
ถังซวงบอกเล่าคำพูดทั้งหมดเกี่ยวกับเคออวี๋หางและเซิงเสี่ยวเฟย ก่อนจะพูดว่า “เธอถูกเซิงเสี่ยวเฟยหลอกแล้ว หล่อนให้เคออวี๋หางตามตื๊อเธอ แล้วค่อยสลัดทิ้ง เพียงเพราะอยากให้เธอเจ็บปวดก็เท่านั้น”
“พวกเขา…”
ถังชุนหยานไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น เธอตัวสั่นด้วยความโกรธจนแทบจะฉีกร่างทั้งสองได้ แต่สุดท้ายเธอก็สงบลงอย่างรวดเร็วแล้วพูดขึ้นว่า “ดีแล้วล่ะค่ะที่ฉันยังไม่ยอมรับคำขอของเคออวี๋หาง ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็คงได้ใจกันแล้ว”
เมื่อเห็นว่าถังชุนหยานพูดอย่างนั้น ถังซวงถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ชุนหยาน โชคดีที่ฉันรู้เรื่องพวกนี้เร็ว ไม่อย่างนั้นเธอคงถูกหลอกไปอีกนาน ว่าแต่พรุ่งนี้เธอยังอยากจะออกไปทานมื้อเย็นอยู่ไหม?”
ถังชุนหยานคิดสักครู่ก่อนจะตอบถังซวง “พี่สาวซวง ฉันอยากจะไปทานมื้อเย็นแล้วเปิดโปงเคออวี๋หางค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้เราจะไปทานมื้อเย็นด้วยกันเหมือนเดิม”
ได้ยินอย่างนั้น ถังชุนหยานรีบโบกมือก่อนจะพูดว่า “ไม่ค่ะ ฉันจะไปคนเดียว”
ถังซวงตอบกลับว่า “ไม่เป็นไร ไปด้วยกันดีกว่า ในเมื่อพวกเรานัดกันแล้ว เรื่องอื่นช่างมันเถอะ อย่างน้อยพวกเราก็ได้ออกไปกินข้าวด้วยกัน ไม่ต้องคิดอะไรมากหรอก”
“ขอบคุณค่ะพี่”
ถังชุนหยานรู้ว่าถังซวงเป็นห่วงตนที่ต้องเผชิญหน้ากับเคออวี๋หางตามลำพัง จึงต้องการจะไปด้วย ซึ่งมันทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นใจมาก
“จ้ะ เอาล่ะ ไปพักผ่อนได้แล้ว ฉันก็จะพักผ่อนเหมือนกัน”
หลังจากที่ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนเดินออกจากลานของถังชุนหยาน สีหน้าของพวกเขาผ่อนคลายลงมาก
“ดูเหมือนว่าชุนหยานจะไม่ได้ชอบเคออวี๋หางคนนั้นเท่าไหร่ เธอไม่ได้ดูเศร้าอะไรเลย เห็นอย่างนี้ค่อยสบายใจหน่อย”
โม่เจ๋อหยวนพยักหน้าก่อนจะตอบว่า “อืม ฉันก็กลัวว่าชุนหยานจะชอบเคออวี๋หางมาก ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ เราก็คงลำบากแล้วล่ะ”
ทั้งสองพูดคุยกันขณะเดินออกไป
ส่วนถังชุนหยานย่อตัวลงอย่างช้า ๆ หลังจากที่ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนออกไปแล้ว เธอปิดปากแน่นเพื่อป้องกันไม่ให้เสียงเล็ดลอดออกไป เธอพยายามอย่างหนักเพื่อจะไม่เผยความเสียใจออกมา
เธอสร้างปัญหาให้กับพี่สาวซวงและคนอื่นมากพอแล้ว เธอจึงไม่อยากทำให้พวกเขาต้องกังวลเรื่องของเธออีก
แม้เธอจะไม่ได้ชอบเคออวี๋หางเท่าไหร่นัก แต่คราวนี้เธออยากจะคบหากับเคออวี๋หางจริง ๆ และเธอวางแผนอนาคตไว้แล้วด้วย ไม่คิดมาก่อนเลยว่าทุกอย่างจะเป็นเพียงเรื่องหลอกลวง
เมิ่งก่วงจี๋จากหมู่บ้านหลี่ซานที่แม่หามาให้คราวก่อนหน้าเปรียบเสมือนแผลเป็นที่ฝังลึกในใจของเธอ ส่วนเคออวี๋หางคนนี้ เขากลับหลอกเธอ ดูเหมือนว่าเธอจะไม่มีโชคเรื่องคนรักจริง ๆ สินะ
ถังชุนหยานร้องไห้อย่างหนัก รู้สึกท้อแท้ใจกับโชคชะตา
แต่ไม่นานนัก เธอก็สงบจิตใจลงได้
เมื่อก่อนเธอคิดว่าผู้หญิงต้องแต่งงานและมีลูก แต่เวลานี้เธอสามารถหาเงินได้แล้ว เธอจะสร้างอนาคตและซื้อบ้านหลังเล็ก ๆ ให้กับตัวเอง ดูอย่างป้าเกอที่ยังไม่ได้แต่งงานสิ หล่อนก็สามารถมีชีวิตที่ดีได้เหมือนกัน
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้แล้ว ถังชุนหยานเช็ดน้ำตาก่อนจะเริ่มทบทวนหนังสือ
วันรุ่งขึ้น ถังซวงและถังเซวี่ยไปโรงเรียนแต่เช้า
เมื่อเห็นว่าถังซวงมาถึงแล้ว ตู้จ้งเหว่ยถามเรื่องมื้ออาหารของวันนี้ “พี่สาวซวง วันนี้เราจะไปทานอาหารกันที่ไหน?”
“ที่โรงแรมน่ะ เดี๋ยวถึงเวลาแล้วก็ไปพร้อมกัน”
“อืม”
ตู้จ้งเหว่ยพยักหน้าก่อนจะจัดระเบียบเสื้อผ้า จากนั้นเขาหยิบหนังสือเรียนออกมาอ่าน
ถังซวงสังเกตเห็นท่าทางของตู้จ้งเหว่ย เธออดไม่ได้ที่จะตรวจสอบเขาและเห็นว่าตู้จ้งเหว่ยสะอาดสะอ้านเป็นพิเศษ ดูสดชื่นและมีชีวิตชีวา หล่อเหลาผิดปกติ
“อ่า… ดูเหมือนนายจะให้ความสำคัญกับมื้ออาหารวันนี้มากเลยนะ”
ได้ยินอย่างนั้น ตู้จ้งเหว่ยส่ายศีรษะอย่างร้อนรน “อ้อ ก็ต้องออกไปทานมื้อเย็นนี่ ฉันเลยอยากแต่งตัวให้ดีหน่อยน่ะ”
ถังซวงไม่ได้บอกเรื่องที่เกิดขึ้น แต่เธอก็เฝ้ารอเวลาอาหารเช่นกัน เธออยากจะรู้ว่าเคออวี๋หางจะทำตัวอย่างไร
เมื่อนึกถึงถังชุนหยาน เธออดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา
“พี่สาวซวง เป็นอะไรรึเปล่า? ทำไมทำหน้าแปลก ๆ ล่ะ?”
“อารมณ์ไม่ค่อยดีน่ะ”
เธอไม่อยากให้ตู้จ้งเหว่ยตกใจกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นเลย ถังซวงจึงกระซิบเล่าเรื่องทุกอย่าง ก่อนจะกล่าวเตือนว่า “วันนี้เราจะไปทานมื้อเย็น ที่เหลือให้ชุนหยานจัดการ”
ปัง…
แต่ทันใดนั้น ตู้จ้งเหว่ยกลับทุบโต๊ะอย่างแรง เสียงดังนี้ทำให้ทุกคนโดยรอบหันมามองทันที
ถังซวงเลิกคิ้วก่อนจะดึงตู้จ้งเหว่ยแล้วพูดว่า “อาจารย์กำลังจะมาแล้ว นายคิดจะทำอะไร?”
ตู้จ้งเหว่ยคืนสติกลับมา เขาพยายามเก็บกลั้นความโกรธแต่ไม่สามารถทำได้ สุดท้ายเขากล่าวคำผ่านไรฟัน “ไอ้บัดซบนั่น ฉันจะสั่งสอนมัน”
จู้เจินเจินกับเมิ่งซือเซี่ยที่นั่งอยู่ด้านหน้าสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับตู้จ้งเหว่ยและถังซวง เธอได้ยินว่าทั้งสองคนกระซิบกระซาบกัน และตู้จ้งเหว่ยก็ดูจะโกรธจัด
แม้จู้เจินเจินอยากจะถามไถ่ แต่น่าเสียดายที่เธอไม่กล้าจะเข้าไปคุยกับถังซวงด้วยซ้ำ
เมิ่งซือเซี่ยเองก็เช่นกัน
ตอนนี้ป้าของเธอติดต่อกับครอบครัวน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด จนทำให้ครอบครัวของเธอยิ่งรู้สึกกังวลมาก พวกเขาเห็นแล้วว่าตระกูลจิงให้ความสำคัญกับสามแม่ลูกนี้มากแค่ไหน เมื่อครอบครัวของเธอทำให้ป้าขุ่นเคืองเพียงเพราะแม่พูดจาไม่เข้าหู เธอจึงเข้าใจถึงช่องว่างระหว่างตนกับถังซวงมันมีมากแค่ไหน จนเธอไม่กล้าพูดพล่อย ๆ เหมือนเมื่อก่อนอีก
ส่วนถังซวงเองก็ไม่ได้รับรู้ถึงความคิดทั้งสองคนด้านหน้า เธอหันมองตู้จ้งเหว่ยก่อนจะพูดว่า “เร็วเข้า รีบเอาหนังสือออกมา”
ตู้จ้งเหว่ยยังคงฟังสิ่งที่ถังซวงพูด เขาพยายามควบคุมอารมณ์ให้สงบก่อนจะนำหนังสือเรียนออกมา
ตอนเที่ยง ถังซวงและตู้จ้งเหว่ยรอรับถังเซวี่ยที่ประตูโรงเรียน
โม่เจ๋อหยวนกำลังรออยู่ที่นั่นด้วยเช่นกัน เมื่อเห็นทุกคนเดินมา เขาโบกมือทักทายทันที “ซวงเอ๋อร์ เสี่ยวเซวี่ย ไปกันเถอะ”
เห็นโม่เจ๋อหยวนแล้ว ถังซวงก็ถามว่า “ชุนหยานอยู่ไหนหรือคะ?”
“เธอรออยู่ที่ร้านอาหารแล้ว”
ตู้จ้งเหว่ยรู้สึกกังวลใจเมื่อได้ยินอย่างนั้น
“ทำไมเธอถึงไปที่นั่นคนเดียวล่ะ? ถ้าเคออวี๋หางไปถึงก่อนจะทำยังไง”
เห็นตู้จ้งเหว่ยกังวล โม่เจ๋อหยวนอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ก่อนจะพูดว่า “ฉันขับรถมา เดี๋ยวเราก็ไปถึงที่นั่นแล้ว”
“งั้นเรารีบไปกันเถอะ” ตู้จ้งเหว่ยรีบขึ้นรถ
จากนั้นพวกเขามุ่งหน้าสู่โรงแรมเพื่อรับประทานอาหารทันที
เมื่อทุกคนมาถึง ถังชุนหยานได้สั่งอาหารรออยู่แล้ว แต่ดูเหมือนเคออวี๋หางจะยังไม่มา
“อ่า… เลยเวลานัดมาสิบนาทีแล้ว ยังไม่มาอีกหรือ”
ถังซวงมองเวลาก่อนจะบ่นอุบด้วยความหงุดหงิด
ถังชุนหยานกล่าวคำอย่างรู้สึกผิด “พี่สาวซวง ฉันขอโทษค่ะที่ก่อนหน้านี้ฉันตามืดบอด ฉันไม่รู้เลยว่าเคออวี๋หางจะเป็นคนแบบนี้”
แต่ทันทีที่ถังชุนหยานพูดจบ เคออวี๋หางก็ปรากฏตัวขึ้น
“ชุนหยาน พวกคุณมาถึงกันนานหรือยัง”