บทที่ 395 รับไม่ได้
บทที่ 395 รับไม่ได้
ตู้หรงหมิงโกรธจัดเมื่อถูกลูกชายขัดจังหวะ แต่เมื่อได้ยินชื่อของถังซวง เขากลืนความโกรธทั้งหมดลงไปก่อนจะถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “แกบอกว่า… ผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกพี่ลูกน้องของคุณหนูจิงงั้นหรือ? เรื่องจริงหรือเปล่า?”
“ครับ พวกเขาเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน”
ตู้จ้งเหว่ยพูดถึงงานของถังชุนหยานอย่างกระชับก่อนจะกล่าวต่อว่า “ตอนนี้ชุนหยานช่วยพี่สาวซวงทำงาน และอาศัยอยู่ในบ้านตระกูลจิง เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันเป็นเพราะเซิงเสี่ยวเฟยและผู้ชายที่ชื่อเคออวี๋หางต้องการทำร้ายชุนหยาน ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ความผิดของชุนหยานนะครับ”
“อะไร… ลูกสาวของเหล่าเซิงน่ะหรือจะทำเรื่องแบบนั้น?”
ใบหน้าของตู้หรงหมิงพลันเคร่งขรึมขึ้นมา
“ฮึ่ม… ตาเฒ่าเซิง คิดใช้ฉันเป็นเครื่องมือ อืม… ทั้งหมดเป็นความผิดของลูกสาวเขาแท้ ๆ เอาล่ะ พรุ่งนี้ฉันจะไปคุยกับเขาเอง ต่อให้เขารักลูกสาวตัวเองมากแค่ไหน แต่เรื่องนี้จะปล่อยผ่านไปไม่ได้”
จากนั้นตู้หรงหมิงหันมองตู้จ้งเหว่ยก่อนจะยิ้มบิดเบี้ยว พยายามปรับเป็นน้ำเสียงโอนอ่อน “เอ่อ จ้งเหว่ยแกไปพักผ่อนเถอะ แต่… แกมีความสัมพันธ์อะไรกับลูกพี่ลูกน้องคุณหนูจิง? ฉันได้ยินมาว่าแกถึงกับปกป้องหล่อนออกนอกหน้า”
ตู้จ้งเหว่ยได้ยินคำถามนี้ แววตาของเขาพลันสดใสขึ้นมาก่อนจะตอบกลับว่า “ผมพบกับชุนหยานเพราะพี่สาวซวง และยิ่งได้พูดคุยกันบ่อย ๆ ผมก็รู้สึกว่าเธอเป็นคนดีมาก ถ้าเซิงเสี่ยวเฟยวางแผนจะทำร้ายเธอ ผมก็ต้องช่วยเหลือเธอสิครับ”
เห็นลูกชายคนโตตอบกลับมาอย่างนั้น ตู้หรงหมิงไม่ได้ถามอะไรต่อ
หลังจากถังซวงและถังเซวี่ยกลับมาถึงบ้าน ทั้งสองรีบตรงปรี่ไปหาถังชุนหยานทันที
และเห็นว่าถังชุนหยานกำลังนั่งเหม่อลอยอย่างสับสน
“พี่ชุนหยาน พี่กำลังคิดอะไรอยู่หรือ? ทำไมนั่งเหม่อแบบนี้ล่ะคะ?”
ได้ยินเสียงสดใสทักขึ้น ถังชุนหยานจึงเห็นว่าทั้งสองมาถึงแล้ว และชวนพวกเธอให้นั่งลงทันที “พี่สาวซวง เสี่ยวเซวี่ย กลับมาแล้วหรือ”
หลังจากถังซวงนั่งลง เธอกล่าวหยอกเย้า “ฉันได้ยินว่ามีคนมาสารภาพรักกับเธอ แล้วเขาคนนั้นก็ฝากฉันมาถามว่าเธอชอบอะไร เพราะเขาจะพาเธอไปเดินเล่นในเมืองสักหน่อย”
หน้าของถังชุนหยานแดงเรื่อหลังได้ยินคำถามนั้น
“พี่สาวซวง… เอ่อ… อย่าล้อฉันแบบนี้สิคะ”
ระหว่างเดินทางกลับบ้าน ถังเซวี่ยได้ยินเรื่องที่ตู้จ้งเหว่ยสารภาพรักกับถังชุนหยานแล้ว เธอกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “พี่ชุนหยานคะ พี่ตู้ดีกว่าเคออวี๋หางคนนั้นหลายสิบล้านเท่า ทำไมพี่ถึงคิดมากล่ะ? อีกอย่างฉันก็เห็นมานานแล้วว่าพี่ตู้ชอบพี่ แต่ตอนนั้นฉันกลัวว่าตัวเองจะเดาผิดไปเลยไม่ได้พูดอะไร แต่เห็นไหม ฉันคิดถูกจริง ๆ ด้วย”
ถังชุนหยานไม่คิดว่าเสี่ยวเซวี่ยก็จะรู้เรื่องนี้ เธอยิ่งเขินอายแต่ลอบยอมรับในใจว่าตู้จ้งเหว่ยเพียบพร้อมจริง ๆ
“ฉันรู้ว่าเขาเป็นคนดีมาก แต่เขาดีเสียจนฉันคิดว่าตัวเองดีไม่พอ ผู้ชายที่เพียบพร้อมอย่างเขาจะมาชอบสาวจากชนบทแบบฉันได้ยังไง”
หน้าถังเซวี่ยบูดบึ้งก่อนจะพูดออกมาว่า “พี่ชุนหยาน ทำไมถึงด้อยค่าตัวเองแบบนั้นล่ะ? พี่เก่งมากขนาดนี้ แถมยังหาเงินเองได้แล้วด้วย พี่ตู้ยังเรียนอยู่ด้วยซ้ำ เราคิดแบบนี้ไม่ดีกว่าหรือคะ?”
แน่นอนว่าการมีอิสระทางการเงินมันเป็นเรื่องที่ดี
ถังซวงพยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ เธอเก่งมาก ความจริงป้าของฉันก็บอกเรื่องของบริษัทไว้แล้วว่าถ้าในอนาคตเราสามารถขยับขยายได้ พวกเราจะตั้งบริษัทในเมืองหลวง ช่วงนี้เธอควรจะตั้งใจเรียนและเรียนรู้เกี่ยวกับการจัดการบริษัทหรือโรงงาน ถ้าถึงเวลา ฉันจะแต่งตั้งให้เธอเป็นผู้จัดการแน่นอน”
“พี่…”
ถังชุนหยานรู้สึกซาบซึ้ง
“ขอบคุณ ขอบคุณมากค่ะ ถ้าไม่มีพี่ ฉันคงจะต้องแต่งงานและใช้ชีวิตเป็นทาสรับใช้สามีกับลูกไปจนวันตาย”
ถังชุนหยานรู้ดีว่าเธอไม่อยากจะใช้ชีวิตแบบนั้น เพราะแค่คิดก็รู้สึกหายใจไม่ออกแล้ว
ก่อนหน้านี้เธอไม่รู้จักโลกภายนอกเลย และไม่รู้ว่าผู้หญิงสามารถมีชีวิตที่ดีด้วยความสามารถของตนเองได้ เธอจึงไม่ได้โศกเศร้านักเมื่อต้องเผชิญหน้ากับชีวิตแบบนั้น แต่เวลานี้เธอเห็นหลายสิ่งหลายอย่างในโลกกว้างใหญ่นี้แล้ว จึงไม่สามารถอดทนกับเรื่องพวกนั้นได้อีกต่อไป
ถังซวงลูบไหล่ถังชุนหยานก่อนจะพูดต่อว่า “เอาล่ะ ไม่ต้องขอบคุณอะไรฉันหรอก ทั้งหมดก็เป็นผลจากการพยายามของเธอทั้งนั้น ทุกอย่างเป็นเพราะเธอไม่ใช่ฉัน ไม่ต้องคิดมาก”
“ค่ะพี่ ฉันจะทำงานให้หนักขึ้นค่ะ”
ถังซวงและถังเซวี่ยพูดคุยกับถังชุนหยานต่ออีกสักครู่หนึ่งก่อนจะแยกย้ายกลับไปอ่านหนังสือ
วันรุ่งขึ้น หลังจากได้พบเจอกับตู้จ้งเหว่ยแล้ว ถังซวงเล่าเรื่องของถังชุนหยานให้เขาฟัง
ส่วนตู้หรงหมิง ทันทีที่ได้พบเจอกับเซิงต้าหยงในที่ทำงาน เขากล่าวตำหนิอีกฝ่ายทันที
“ต้าหยง ผมรู้ว่าคุณรักเซิงเสี่ยวเฟยมาก แต่คุณไม่สามารถเปลี่ยนผิดเป็นถูกอย่างนี้ได้ คราวนี้เซิงเสี่ยวเฟยทำผิด คุณจะโทษคนอื่นได้ยังไง ผมหวังว่าคุณจะสั่งสอนเซิงเสี่ยวเฟยให้ดี ในอนาคตเธอจะได้ไม่ไปสร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่นอีก”
“ผู้อำนวยการตู้ นี่… มันจะเป็นความผิดของเซิงเสี่ยวเฟยได้ยังไงล่ะครับ?”
เดิมที เซิงต้าหยงคิดว่าหลังจากที่บอกกล่าวเรื่องนี้ หญิงสาวจากชนบทคนนั้นจะต้องจบเห่แน่นอน แต่เขากลับไม่คาดคิดว่าจะเป็นตนเองที่ถูกตู้หรงหมิงตำหนิ เขาลอบไม่พอใจอยู่ภายใน แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีใดมาก เพราะยังไงตู้หรงหมิงก็เป็นผู้บังคับบัญชาของตน
จากนั้นตู้หรงหมิงเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น ก่อนจะเอ่ยปากถามว่า “อย่างนั้นคุณลองบอกผมหน่อยว่าทั้งหมดนี้เป็นความผิดของใคร?”
“นั่น… เซิงเสี่ยวเฟยเป็นเด็กดี เธอจะวางแผนใส่ร้ายคนอื่นอย่างนั้นได้ยังไงกัน”
ตู้หรงหมิงชำเลืองมองเซิงต้าหยงก่อนจะเอ่ยปาก “ถ้าคุณไม่เชื่อ ผมว่าคุณกลับไปถามลูกสาวให้ดีก่อน แล้วควรถามหล่อนว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ยิ่งไปกว่านั้นหญิงสาวจากชนบทที่คุณพูดถึง หล่อนอยู่ในบ้านตระกูลจิง และเป็นญาติกับครอบครัวจิง อย่างนั้นคุณจะไปทำอะไรได้ล่ะครับ?”
“ตระกูลจิง? ตระกูลจิงไหนครับ?”
“คุณว่าตระกูลจิงไหนล่ะ? ในเมืองหลวงนี้มีตระกูลจิงอื่นด้วยหรือ?”
ได้ยินอย่างนั้นแล้ว เซิงต้าหยงยิ่งตื่นตระหนก “อะไร… นั่น… ตระกูลจิงที่ผมรู้จักหรือ… เป็นไปได้ยังไง”
“ทำไมจะไม่ได้?”
หลังจากตู้หรงหมิงพูดเรื่องนี้จบ เขาเดินออกไปทันที
เซิงต้าหยงถูกทิ้งไว้ด้านหลังเพียงลำพัง เหงื่อท่วมไปทั้งตัว
แม้เขาจะเป็นเพียงพนักงานตัวจ้อย แต่เขาก็เคยได้ยินชื่อเสียงของตระกูลจิงอยู่บ้างเพราะเขาก็อยู่ในเมืองหลวงมานานหลายปี เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าลูกสาวของตนจะไปยั่วยุคนจากตระกูลจิงได้ แม้หญิงสาวในชนบทคนนั้นจะไม่ใช่คนจากตระกูลจิง แต่ก็อาศัยอยู่ในบ้านตระกูลจิง
หลังจากไตร่ตรองเรื่องนี้ดี ๆ เซิงต้าหยงรู้สึกกระวนกระวายตลอดทั้งวัน หลังเลิกงานเขาพุ่งปรี่กลับบ้านทันที
“พ่อคะ เป็นอะไรหรือเปล่าคะ?”
เมื่อเห็นความกระตือรือร้นของลูกสาว เซิงต้าหยงจึงตอกกลับด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง “ลูกโกหกพ่อได้ยังไง พูดมาซิว่าไปยุ่งกับคนพวกนั้นทำไม”
“อะ… อะไรกันคะ…”
เซิงเสี่ยวเฟยกระอักกระอ่วนเมื่อเห็นท่าทีของผู้เป็นพ่อ เธอสัมผัสได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ
“อธิบายมา!”
เซิงเสี่ยวเฟยยิ่งรู้สึกกลัว เธอจึงต้องจำยอมเล่าเรื่องทั้งหมดออกไป
เพี๊ยะ…
เซิงต้าหยงผู้ไม่เคยตบตีลูกสาวมาก่อน แต่คราวนี้เป็นกรณียกเว้น “รู้ไหมว่าคนที่ลูกไปยุ่งด้วยนั่นใคร?”
“พ่อ… พ่อตีหนู… ตีหนูจริง ๆ หรือ”
เซิงเสี่ยวเฟยมองพ่อของตนด้วยความตกตะลึง น้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสอง
ยิ่งเห็นลูกสาวในสภาพเช่นนี้ เซิงต้าหยงยิ่งทุกข์ใจ แต่เขาก็รู้ดีว่าตนไม่สามารถทำอะไรตระกูลจิงได้ เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากอธิบายให้ลูกสาวฟัง แล้วก็เน้นย้ำ “คราวหน้าถ้าได้เจอเพื่อนร่วมชั้นคนนั้น รีบไปขอโทษเธอซะ แล้วอย่าสร้างปัญหาอีกเด็ดขาด”
“ไม่… ไม่จริง… นังถังชุนหยานคนนั้นจะอยู่ในบ้านตระกูลจิงได้ยังไงคะ”
เซิงเสี่ยวเฟยยังคงไม่เชื่อ ในดวงตาของหญิงสาวเต็มไปด้วยความอิจฉาและความเกลียดชัง
“หุบปากซะ! อยากจะทำลายครอบครัวเราหรือยังไง!”
เซิงต้าหยงรู้สึกรำคาญเมื่อเห็นว่าลูกสาวยังคงดื้อด้านแบบนี้
ปัง…
หัวใจของเซิงเสี่ยวเฟยกลายเป็นว่างเปล่า เธอเจ็บปวดกับสิ่งที่ได้ยินจึงปิดประตูกระแทกหน้าผู้เป็นพ่อ แล้วจากไปโดยไม่หันหลังกลับ เธอรับไม่ได้กับความจริงที่ว่าถังชุนหยานเหนือกว่าตนทุกอย่าง
—————————————————-