บทที่ 410 ยังอยู่ไหม
บทที่ 410 ยังอยู่ไหม
หลังจากที่ถังเซวี่ยสั่งอาหารเสร็จ เธอหันมาหาเฟิงเยี่ยหานก่อนจะถามขึ้น “ช่วงนี้คุณมาทำงานที่เมืองหลวงหรือคะ?”
เฟิงเยี่ยหานพยักหน้า “ครับ ผมว่าจะขยายธุรกิจมาที่เมืองหลวงน่ะ เลยมาตรวจสอบที่นี่ด้วยตัวเอง”
“งั้นหมายความว่าในอนาคตคุณก็จะมาเมืองหลวงบ่อยขึ้นหรือ?”
“ครับ”
เฟิงเยี่ยหานพยักหน้ารับอย่างไม่ปิดบัง ขณะเดียวกันเขาลอบตัดสินใจว่าจะมาเมืองหลวงให้บ่อยครั้งขึ้นด้วย แม้นี่จะไม่ได้อยู่ในแผนตั้งแต่แรก แต่ยังไงมันก็สามารถยืดหยุ่นได้เสมอ
ถังเซวี่ยได้ยินอย่างนั้น ก็ยิ้มรับ “อย่างนั้นคราวหน้าให้ฉันเลี้ยงมื้อค่ำนะ”
“ครับ เดี๋ยวผมจะติดต่อไป”
เฟิงเยี่ยหานเห็นแววตาสดใสของถังเซวี่ย ทำให้ใจของเขาผ่อนคลายไม่รู้ตัว
ขณะทั้งสองกำลังพูดคุย บริกรเดินมาเสิร์ฟอาหาร และนี่คือจานโปรดของถังเซวี่ย
ถังเซวี่ยที่เห็นอาหารจานโปรดมาวางตรงหน้ารีบพูดขึ้น “รีบกินกันเถอะค่ะ ดูเหมือนว่าเราสองคนจะชอบกินอาหารคล้าย ๆ กันนะ ทั้งหมูทอดซอสเปรี้ยวหวานและปลาทอดซอสเปรี้ยวหวาน ทั้งสองจานที่คุณสั่งเป็นอาหารที่ฉันชอบมากเลยล่ะ”
“คุณชอบอะไร ผมก็ชอบหมดแหละ ดูเหมือนเราจะชอบอะไรคล้าย ๆ กันนะครับ”
ระหว่างที่ทานอาหาร เฟิงเยี่ยหานสังเกตเห็นว่าถังเซวี่ยชอบกินของหวานมาก พอเธอถาม เขาจึงสั่งอาหารทั้งสองจานนี้มา และดูเหมือนว่าสาวน้อยตรงหน้าจะชอบมันมาก
แต่เขาคงจะกินแบบถังเซวี่ยไม่ได้เท่าไหร่ ดูท่าแล้วต่อจากนี้เขาต้องฝึกกินรสชาตินี้ให้มากขึ้นแล้วสิ
“เฟิงเยี่ยหาน รีบกินสิ”
“ครับ ๆ”
ทั้งสองเริ่มทานอาหาร
เพราะถังเซวี่ยมาเรียนตั้งแต่เช้า เธอเลยหิวมาก และค่อนข้างกินเยอะเป็นพิเศษ ส่วนเฟิงเยี่ยหานไม่ค่อยกินอะไรนัก เขามีแต่ใช้ตะเกียบสะอาดคีบนั่นคีบนี่ให้กับถังเซวี่ย เมื่อเห็นว่าเธอกินชิ้นนี้แล้ว เขาก็คีบชิ้นนั้นต่อให้ กว่าจะรู้ตัวถังเซวี่ยก็อิ่มจนจุกซะแล้ว
“เฟิงเยี่ยหาน ทำไมคุณไม่กินบ้างล่ะ ฉันกินจนอิ่มแล้วเนี่ย คุณกินไปแค่นิดเดียวเอง”
เฟิงเยี่ยหานยิ้มก่อนจะตอบว่า “อื้ม ผมจะกินแล้วครับ” พูดจบเขาก็ตักข้าวเข้าปาก
“กินช้า ๆ สิ เดี๋ยวสำลักเอานะ”
เห็นเฟิงเยี่ยหานกินอย่างเร่งรีบ ถังเซวี่ยรีบเตือนพร้อมยกถ้วยน้ำชาให้ชายหนุ่ม
เมื่อได้รับความห่วงใยเล็ก ๆ น้อย ๆ จากหญิงสาว ใจของเฟิงเยี่ยหานอุ่นวาบอย่างบอกไม่ถูก เขารับถ้วยชามาและยกดื่มทันที ก่อนจะกินอาหารที่เหลือ “อิ่มแล้วครับ”
“อิ่มแล้วหรือ? สั่งอีกไหม?”
เฟิงเยี่ยหานส่ายศีรษะก่อนจะตอบว่า “ไม่ต้องหรอกครับ ผมอิ่มแล้วจริง ๆ”
“งั้นถ้าอิ่มแล้วเรากลับกันเถอะ”
เฟิงเยี่ยหานยกข้อมือขึ้นเพื่อดูนาฬิกา และเห็นว่ายังพอมีเวลา เขาจึงพูดเชิญชวน “ไปบ้านผมไหม? ผมมีหนังสือจะให้คุณด้วยนะ”
“หนังสือ? หนังสืออะไรหรือ?”
“เกี่ยวกับการออกแบบสถาปัตยกรรม ผมได้ยินว่าคุณชอบเรื่องนี้พอดี ผมเลยซื้อมาตอนผมไปเดินเล่นน่ะ มีอยู่สองเล่มที่ดูเข้าท่า ได้ยินมาว่ามันหาซื้อยากมากนะ”
ได้ยินเฟิงเยี่ยหานพูดอย่างนั้น ถังเซวี่ยอยากรู้จริง ๆ ว่ามันคือหนังสืออะไร “อย่างนั้น… เดี๋ยวฉันไปดูแล้วกัน”
“ไปกันเถอะ”
เฟิงเยี่ยหานยิ้มกว้างก่อนจะพาถังเซวี่ยมายังที่พักของเขา “นี่บ้านที่ผมซื้อไว้ในเมืองหลวง ถ้าผมมาเมืองหลวง ผมก็จะพักอยู่ที่นี่ครับ”
ถังเซวี่ยมองลานตรงหน้าอย่างสงสัย เพราะมันอยู่ใกล้บ้านของเธอมาก “ฉันไม่คิดเลยนะว่าคุณจะย้ายมาอยู่ที่นี่ จำได้ว่าคราวก่อนที่มา คุณยังไม่ได้ซื้อบ้านเลยนี่คะ”
เฟิงเยี่ยหานชะงักไป ก่อนจะกล่าวอธิบาย “ผมไม่ค่อยชอบบ้านหลังนั้นเท่าไหร่ รู้สึกว่ามันไม่ค่อยเหมาะจะอยู่นานน่ะ เลยมาซื้อที่นี่แทน”
“อื้ม มันดูดีกว่าบ้านหลังที่แล้วจริง ๆ ค่ะ”
ได้ยินอย่างนั้น เฟิงเยี่ยหานถอนหายใจด้วยความโล่งอกก่อนจะยกยิ้มและพาเธอเที่ยวชมรอบบ้าน และเมื่อเห็นห้องขนาดใหญ่ทางทิศใต้ ในแววตาของหญิงสาวเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “ห้องนี้น่าอยู่จังล่ะคะ คุณอยู่ห้องนี้หรือ? ทำไมมันดูไม่ค่อยจะเข้ากับนิสัยคุณเลยล่ะ”
เธอรู้สึกว่าห้องด้านข้างดูจะเป็นห้องเฟิงเยี่ยหานมากกว่าอีก การตกแต่งก็ดูจะเป็นตัวเขาเองด้วย แต่ว่าห้องนี้ดันใหญ่ที่สุด ทั้งที่เขาเป็นเจ้าของบ้านแท้ ๆ ก็ควรจะอยู่ในห้องที่ใหญ่ที่สุดไม่ใช่หรือ
‘เพราะห้องนี้เป็นของคุณไงล่ะ’
เฟิงเยี่ยหานเพียงลอบกล่าวคำในใจ แต่แน่นอนว่าเขาไม่พูดมันออกไป เพียงยกยิ้มมุมปากแล้วตอบกลับว่า “ห้องนี้ไม่ใช่ห้องผมหรอกครับ ห้องผมคือห้องข้าง ๆ นี่เป็นห้องรับแขก”
“โอ้โห… ห้องรับแขกใหญ่กว่าห้องเจ้าของบ้านอีกหรือคะ”
แม้ถังเซวี่ยไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ
หลังจากทั้งสองคนเดินสำรวจโดยรอบแล้ว เฟิงเยี่ยหานหยิบหนังสือที่เขาเตรียมเอาไว้ออกมาและส่งให้ถังเซวี่ยก่อนจะพูดว่า “เสี่ยวเซวี่ย ถ้าหนังสือพวกนี้มาอยู่ในมือของผม มันไม่ต่างอะไรจากของไร้ประโยชน์ ดังนั้นเอามันกลับไปด้วยนะครับ”
ถังเซวี่ยรับหนังสือ และพลิกดูมันไปมาอย่างรวดเร็ว และเมื่อเห็นหนังสือทั้งสองเล่มนี้ เธอยิ่งประหลาดใจ “คุณมีหนังสือพวกนี้ได้ยังไงคะ ลูกพี่ลูกน้องของฉันบอกว่าหนังสือพวกนี้ดีและหายากมาก เขาพยายามหาอยู่นานแต่ก็หาไม่เจอ ไม่คิดว่าฉันจะได้มันมา”
เห็นรอยยิ้มมีความสุขของถังเซวี่ย เฟิงเยี่ยหานก็มีความสุขตามไปด้วย
“ถ้ามันหายาก อย่างนั้นก็ตั้งใจอ่านนะครับ”
ถังเซวี่ยจะอ่านมันแน่นอน เพราะเธอรู้ดีว่าหนังสือพวกนี้มีค่ามาก “เฟิงเยี่ยหานคะ หนังสือนี่มีค่ามากเลยนะ ฉันรับมันไว้ไม่ได้หรอก”
แต่เฟิงเยี่ยหานหยิบหนังสือใส่ถุงอย่างสบาย ๆ ก่อนจะยื่นให้ถังเซวี่ย “ทั้งหมดนี้เตรียมไว้สำหรับคุณอยู่แล้ว คุณรับมันไว้เถอะ เพราะถ้าทิ้งมันไว้ที่นี่ มันก็ไม่ต่างอะไรจากขยะ”
“แต่ว่า…”
เฟิงเยี่ยหานไม่เปิดโอกาสให้ถังเซวี่ยปฏิเสธ “คาบบ่ายของคุณจะเริ่มแล้ว เดี๋ยวผมไปส่ง”
ถังเซวี่ยดูเวลาและเห็นว่ามันสายมากแล้ว
เฟิงเยี่ยหานถือหนังสือด้วยมืออีกข้างหนึ่ง และอีกข้างก็จูงถังเซวี่ยเดินออกมา
เมื่อทั้งสองมาถึงโรงเรียน เฟิงเยี่ยหานยื่นถุงหนังสือให้ถังเซวี่ยก่อนจะโบกมือลา “รีบเข้าชั้นเรียนเถอะ ผมส่งแค่นี้นะครับ”
ถังเซวี่ยมองถุงในมือของเขา ก่อนจะรับมันไว้
“เฟิงเยี่ยหาน พรุ่งนี้คุณจะกลับเมืองไห่เฉิงแล้วใช่ไหม? เรามาเจอกันอีกได้ไหม?”
เฟิงเยี่ยหานไม่ปฏิเสธอะไร เขาพยักหน้าก่อนจะตอบว่า “พรุ่งนี้เช้าสิบโมงครึ่ง ผมจะขึ้นรถไฟไป”
“อย่างนั้นฉันจะไปส่งที่สถานีรถไฟ”
“ครับ”
หลังจากทั้งสองคนนัดหมายกันแล้ว ถังเซวี่ยรีบวิ่งเข้าไปด้านในทันที
กระทั่งถังเซวี่ยลับตาไป เฟิงเยี่ยหานจึงกลับออกมา
เช้าวันต่อมา ถังเซวี่ยตื่นแต่เช้าและไปซื้อของที่ตลาดก่อนจะมุ่งหน้าไปที่บ้านของเฟิงเยี่ยหาน
เฟิงเยี่ยหานเห็นถังเซวี่ยมาหา ก็ถึงกับอดกลั้นยิ้มไม่ได้
เสี่ยวเซวี่ยมาหาเขา… เธอมาหาเขาจริง ๆ
“ฉันซื้อขนมมาฝาก ถุงนี้เป็นของโปรดของฉันเอง คุณก็น่าจะชอบเหมือนกัน”
เห็นถังเซวี่ยเตรียมอาหารไว้ให้ เฟิงเยี่ยหานยิ้มรับมันด้วยความยินดี “ขอบคุณนะครับ”
“ขอบคุณอะไรกัน? แค่นี้เทียบกับหนังสือที่คุณให้ฉันไม่ได้เลยด้วยซ้ำ”
เฟิงเยี่ยหานส่ายศีรษะพร้อมหัวเราะ “ไม่เกี่ยวกันเลยครับ ตราบใดที่มันเป็นของขวัญที่ให้จากใจของคุณ อะไรก็เทียบไม่ได้ทั้งนั้น”
“ถ้าคุณชอบก็ดีแล้ว” ถังเซวี่ยเห็นว่าเฟิงเยี่ยหานชอบก็โล่งใจ
ทั้งสองเดินเข้าไปในสถานีรถไฟด้วยกัน
ก่อนขึ้นรถไฟ เฟิงเยี่ยหานอดไม่ได้ที่จะถามสิ่งที่อยู่ในใจ “เสี่ยวเซวี่ย สร้อยข้อมือเงินที่ผมให้ไว้ก่อนหน้านี้ยังอยู่ไหมครับ?”
—————————————————-