คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง – ตอนที่ 309 กินดีอยู่ดี

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 309 กินดีอยู่ดี

“ฮ่าๆๆๆ …”

เสียงหัวเราะทำให้บรรดานกน้อยตื่นตกใจ

ลู่เฉินโจวควงมีดใหญ่ ทำให้บรรดาเด็กหนุ่มชนบทหวาดกลัวอย่างมาก

เขาชี้ไปทางบรรดาเด็กหนุ่ม “นำทาง! ข้ากำลังจะไปสมัครที่เรือนพักร่ำรวยพอดี มีของกินหรือไม่”

ปล้นจริงด้วย

เด็กหนุ่มที่ยากจนทั้งหลายทิ้งจดหมายเอาไว้แล้วแอบหนีออกจากบ้าน ทั้งเนื้อทั้งตัวไม่มีแม้แต่เหวินเดียว

แต่ละคนพกแค่เสบียงจำนวนน้อย ต้องกินอย่างประหยัดจึงจะเดินทางไปถึงเรือนพักร่ำรวยได้

เวลานี้ห่างไกลจากเรือนพักร่ำรวยหลายสิบหรือนับร้อยลี้ หากพวกเขาเอาเสบียงให้ชายหนุ่มตรงหน้ากิน พวกเขาจะกินสิ่งใด

“ให้ ให้เถิด!”

เด็กหนุ่มหม่ายอมจำนนก่อน

เด็กหนุ่มหูพูดด้วยความใจกล้า “พวกเราเหลือเสบียงเพียงน้อยนิด ต่อไปยังต้องเดินทางอีกสองวัน…”

“พูดมากเสียจริง มีของกินก็หยิบออกมา พวกเจ้าวางใจ เมื่อถึงเรือนพักร่ำรวย รอข้าติดค่ายองครักษ์ ข้าจะคืนให้พวกเจ้าเป็นสองเท่า จากรูปร่างและฝีมือของข้า สมัครค่ายองครักษ์ย่อมไม่มีปัญหา พวกเจ้าทั้งหลาย เฮอะๆ คงจะไม่แน่ เมื่อถึงเวลา พวกเจ้าคงต้องมาขอยืมเงินจากข้า ส่งพวกเจ้ากลับบ้าน”

ชายหนุ่มหนวดเฟิ้ม ลู่เฉินโจวมั่นใจอย่างมาก เขาตบอกรับปาก

แม้บรรดาเด็กหนุ่มไม่อยากขี้ขลาดขนาดนั้น แต่สถานการณ์ไม่อำนวย

คาดคะเนด้วยสายตา พวกเขาสี่คนจู่โจมพร้อมกันก็คงไม่อาจชนะชายหนุ่มหนวดเฟิ้มตรงหน้าได้

เมื่อหมดหนทาง พวกเขาจึงทำได้เพียงหยิบเสบียงออกมา

ชายหนุ่มหนวดเฟิ้ม ลู่เฉินโจวรังเกียจอย่างมาก “ไม่มีเนื้อหรือ นี่คือสิ่งใด เหตุใดจึงมีกลิ่นแปลก”

“มีกลิ่นหืนเล็กน้อย!”

เด็กหนุ่มเกาพูดอย่างอกสั่นขวัญแขวน

ชายหนุ่มหนวดเฟิ้ม ลู่เฉินโจวส่งเสียงในลำคอ เขาไม่รังเกียจ ขอแค่มีกินก็พอ

รอเขากินเสร็จ ทั้งห้าคนออกเดินทางร่วมกัน

ความหวาดกลัวของเด็กหนุ่มมาไว ไปก็ไว

ต่อมาคนทั้งหลายต่างพูดคุยกันขึ้นมา

“ท่านมาจากที่ใด”

“เหตุใดท่านจึงคิดจะไปสมัครค่ายองครักษ์”

“ท่านมีคนรู้จักในเรือนพักร่ำรวยหรือ”

“ฮ่าๆๆ…”

ชายหนุ่มหนวดเฟิ้ม ลู่เฉินโจวเปล่งเสียงหัวเราะ “ข้าบอกความจริงกับพวกเจ้า แต่ก่อนข้าเป็นโจรป่า”

เมื่อเขาเห็นเด็กหนุ่มทั้งหลายกลัวจนหน้าถอดสี ไม่กล้าขยับขาแม้แต่น้อย เขาจึงพูดขึ้นอีก “วางใจเถิด! เวลานี้ข้าไม่ได้เป็นโจรป่า ไม่ปล้นแล้ว”

ยังบอกว่าไม่ปล้น อาหารของพวกเขาถูกปล้นจนหมดแล้ว

สมกับเป็นโจร

เด็กหนุ่มหูใจกล้าที่สุด “เป็นโจรป่ากินดีอยู่ดี เหตุใดท่านจึงไม่ทำแล้ว”

“ถุย อัปมงคล! พวกคนไร้เกียรติ ข้าดูถูกพวกเขา ด้วยความโกรธข้าจึงไม่เป็นโจรป่าแล้ว ข้าจะทำงานอย่างถูกต้อง”

เพียงแต่หาทางไม่เจอ เดินวนอยู่ในหุบเขามาหลายวันแล้วก็ยังออกไปไม่ได้ นอกจากนี้ยังหาทางที่มาไม่ได้

แต่สวรรค์ก็ไม่ปิดทางเขา ทำให้เขาได้พบกับเด็กหนุ่มชนบทเหล่านี้ ในที่สุดก็ออกจากเขาได้แล้ว

ความจริงแล้วลู่เฉินโจวไม่ได้พูดความจริง

เขาเป็นโจรป่าก็จริง อีกทั้งยังทำได้ดี ทำจนเลื่อนขึ้นไปเป็นหัวหน้าคนที่ห้า

ต่อมาหัวหน้าใหญ่เห็นว่าโจรกบฏมีอำนาจมากขึ้น จึงลากทุกคนเข้าร่วมกับโจรกบฏ

ในตอนนั้น ลู่เฉินโจวยังไม่รู้สึกถึงความสำคัญ

โจรป่า โจรกบฏก็เหมือนกัน มีข้าวกินก็พอ

แต่เขาไม่อาจยอมรับการสังหารราษฎรที่บริสุทธิ์ได้

เมื่อเข้าร่วมกลุ่มโจรกบฏ เขาถึงได้ตระหนักว่าโจรกบฏกับโจรป่าไม่เหมือนกันแม้แต่นอย

เมื่อเทียบกับโจรป่า โจรกบฏไร้ซึ่งบรรทัดฐาน

พวกเขาต้องการเพียงชัยชนะ พวกเขาปล้นทรัพยากร ลักพาตัวคน

เพื่อชัยชนะ โจรกบฏไม่เพียงสังหารขุนนาง สังหารตระกูลขุนนาง อีกทั้งยังสังหารราษฎร สังหารชาวนาชนบท กำจัดคนที่ขัดขวางพวกเขา กำจัดคนที่ต่อต้านพวกเขา

ไร้บรรทัดฐาน ไร้ความเป็นมนุษย์

ลู่เฉินโจวรับไม่ได้

เขาคิดว่าโจรกบฏสังหารแค่ขุนนางและตระกูลขุนนาง กำจัดคนที่ร่ำรวยแต่ไร้คุณธรรมเท่านั้น

แต่ไม่คิดว่า ราษฎรที่ถูกโจรกบฏสังหารจะมีมากกว่าขุนนางเสียอีก

เมื่อมองซากศพที่เกลื่อนกลาดเต็มพื้น มีทั้งคนแก่ มีทั้งสตรี มีทั้งเด็ก มีทั้งชายหนุ่ม…

ลู่เฉินโจวในฐานะบุรุษอาเจียนออกมาเป็นครั้งแรก

เขารับไม่ได้!

มันคือการก่อกบฏที่ใดกัน มันคือการสังหารหมู่อย่างไร้มนุษยธรรมชัดๆ

ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจออกมา

เขาต้องการออกมา ทุกคนจึงจะสังหารเขา

อาศัยการแจ้งข่าวของสหาย ลู่เฉินโจวหนีออกมาในเวลากลางคืน

ไม่กล้าทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน ออกมาตัวคนเดียว เดินทางมุ่งสู่ทางเหนือ

วนไปวนมา ได้ยินว่า ค่ายองครักษ์ของเรือนพักร่ำรวยรับคน อีกทั้งยังได้ยินว่าสวัสดิการของเรือนพักร่ำรวยดี เขาจึงเกิดความหวั่นไหว

สุดท้ายไม่รู้จักทาง เดินอ้อมไปหลายวันก็ยังเดินไม่พ้นจากภูเขานี้

สาเหตุที่เขาเลือกไปค่ายองครักษ์ของเรือนพักร่ำรวยแทนที่จะไปเข้าร่วมกองทัพนั้นเพราะกลัวถูกผู้อื่นค้นพบประวัติที่ตนเองเคยเป็นโจรกบฏออกมา ชีวิตจะรักษาไว้ไม่อยู่

การไปเป็นองครักษ์ที่เรือนพักไม่มีความกังวลด้านนี้

เขามั่นใจว่าตนเองจะถูกรับด้วยความสามารถและความกล้าหาญที่โดดเด่นของตนเอง

เมื่อถึงเวลานั้นเขากินดีอยู่ดีทุกวัน ไม่ต้องออกไปฆ่าคน ย่อมเป็นเรื่องที่ดีไม่น้อยไม่ใช่หรือ

มันคือชีวิตที่เขาใฝ่ฝัน

เพื่อตอบแทนบรรดาเด็กหนุ่มที่ช่วยเหลือ เขาตัดสินใจสอนกระบวนท่าให้พวกเขา

“ระยะเวลาไม่กี่วันคงฝึกฝนให้เชี่ยวชาญไม่ได้ แต่มันอาจจะช่วยให้พวกเจ้าสมัครได้สำเร็จ จากรูปร่างเล็กของพวกเจ้า หากไม่เรียนรู้วิธีการเอาไว้คงจะสู้ผู้อื่นไม่ได้ มาๆๆ ทำตามข้า”

ลู่เฉินโจวเป็นอาจารย์ที่สอนอย่างตั้งใจ เพียงแต่อารมณ์ไม่ดีนักก็เท่านั้น เขามักจะต่อว่าและเฆี่ยนตี

บรรดาเด็กหนุ่มโอดครวญอยู่ภายในใจ

อดข้าวฝึกวิทยายุทธ จะตายแล้ว!

โชคดีที่อดข้าวเพียงแค่สองวัน พวกเขาก็เดินทางเกือบถึงเรือนพักร่ำรวยแล้ว

ถนนหนทางที่มุ่งหน้าสู่เรือนพักร่ำรวยกว้างขวางและราบเรียบยิ่งกว่าอย่างเห็นได้ชัด

บนถนนปูไปด้วยทราย ไม่ต้องกลัวล้อรถจมลงในพื้นโคลนเมื่อฝนตก

มีคนเดินทางจำนวนมากขึ้นอย่างมาก

มีทั้งแบกหาบ มีทั้งแบกตะกร้า มีทั้งใช้มือถือ มีทั้งใช้ไหล่หาบ อีกทั้งยังมีคนเข็นรถล้อเดียว รถวัว รถลา หรือรถม้าเคลื่อนผ่าน

แต่ก็มีชายหนุ่มที่สองมือว่างเปล่าเหมือนพวกเขา

สตรีน้อยใหญ่ คนเฒ่าคนแก่ ลูกเล็กเด็กแดง ชายหนุ่มแข็งแรง พ่อค้า ชาวนา ทุกคนต่างอยู่บนถนนเส้นเดียวกัน ทุกคนล้วนมุ่งหน้าไปยังทิศทางของเรือนพักร่ำรวย

ชายหนุ่มหนวดเฟิ้มลู่เฉินโจวประหลาดใจอย่างมาก

“คึกคักเพียงนี้เชียวหรือ”

เมื่อมองดูเหตุการณ์บนท้องถนน หากจะบอกว่าสังคมสงบสุขก็ไม่เกินจริง

เหตุการณ์เช่นนี้ เขาไม่ได้เห็นมาเป็นเวลาสิบกว่าปีแล้ว

ที่ที่เขาเคยอยู่ หากไม่ยากจนก็กิจการล้มละลาย หรือไม่ก็ถูกโจรกบฏปล้นชิงจนหมด…

อย่างไรก็ตาม ไม่อาจเห็นสถานการณ์สงบสุขเหมือนตรงหน้าได้

อีกทั้งบนใบหน้าของแต่ละคนล้วนมีความคาดหวังต่ออนาคต เมื่อเทียบกับพื้นที่ที่โจรกบฏอาละวาดนั้น ราวกับคนจากสองโลก

บรรดาเด็กหนุ่มคุ้นชินกับเขาแล้ว ดังนั้นจึงกล้าพูดขึ้น

เด็กหนุ่มเจี่ยพูด “เรือนพักร่ำรวยมีตลาด อีกทั้งยังเปิดทุกวัน คนพวกนี้ล้วนกำลังเดินทางไปตลาด”

เด็กหนุ่มหม่าพูดเสริม “ตลาดของเรือนพักร่ำรวยคึกคักกว่าตลาดในเมืองเสียอีก คนส่วนใหญ่เดินทางสามสี่วันก็เพื่อมาตลาดของเรือนพักร่ำรวย”

“คนมากมายวิ่งมาจ่ายตลาดในเรือนพักร่ำรวย สำนักราชการไม่ควบคุมหรือ”

“พี่ลู่พูดจาน่าขันแล้ว เถ้าแก่ของเรือนพักร่ำรวยเป็นชนชั้นสูงในเมืองหลวง สำนักราชการควบคุมไม่ได้”

“บริเวณใกล้เคียงของเรือนพักร่ำรวยไม่มีโจรป่าหรือผู้ลี้ภัยอาละวาดหรือ ไม่กลัวถูกปล้นหรือ”

“ฮ่าๆๆ…ค่ายองครักษ์ของเรือนพักร่ำรวยไม่ธรรมดา ปีก่อนมีโจรกบฏหลายกลุ่มคิดจะจู่โจมเรือนพักร่ำรวย สุดท้ายถูกโจมตีกลับจนไม่เหลือซาก”

“ปีก่อนมีผู้ลี้ภัยในเรือนพักก่อปัญหา ได้ยินว่าเพียงคืนเดียวก็สงบลงไป”

“อีกทั้งยังไล่คนออกหมื่นกว่าคน! นับจากนั้นมา ผู้ลี้ภัยในเรือนพักก็ไม่กล้าก่อเรื่องอีก”

ลู่เฉินโจวกระจ่าง “หากพูดเช่นนี้ ค่ายองครักษ์ของเรือนพักร่ำรวยไม่ใช่เครื่องประดับ?”

“พี่ลู่พูดเล่นอีกแล้ว เถ้าแก่ทุ่มเงินจำนวนามากเลี้ยงค่ายองครักษ์ ไม่ใช่เพื่อเลี้ยงคนที่กินเป็นอย่างเดียว ค่ายองครักษ์มีความสามารถในการต่อสู้อย่างมาก มากยิ่งกว่านักการในสำนักราชการเสียอีก”

“นักการในสำนักราชการแค่ปลายแถว! ค่ายองครักษ์สามารถต่อสู้กับกองทัพเหนือได้”

“ขี้โม้! กองทัพเหนือไร้เทียมทาน ค่ายองครักษ์ชนะไม่ได้อย่างแน่นอน”

“ชนะได้แน่”

บรรดาเด็กหนุ่มโต้เถียงกันขึ้นมา

ดวงตาของลู่เฉินโจวคอยสังเกตคนที่อยู่รอบข้าง

ดวงตาคมของเขาสามารถมองออกว่าผู้ใดสองเท้าไม่มั่นคง ผู้ใดมีความสามารถทางวิทยายุทธ

ในกลุ่มคนเดินทางมีหลายคนมีวิชาติดตัว

ดูจากท่าทางของพวกเขา หรือว่าจะไปสมัครค่ายองครักษ์เหมือนกัน

เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้

ค่ายองครักษ์ของเรือนพักร่ำรวยดูเป็นที่นิยมกว่าที่เขาคิดเอาไว้

ได้ยินว่ารับแค่แปดร้อยคน ดูท่าทางการแข่งขันจะดุเดือดมาก

เขาอดที่จะเป็นห่วงเด็กหนุ่มทั้งหลายนี้ไม่ได้ พวกเขาจะถูกคัดออกตั้งแต่รอบแรกหรือไม่

เขาเปล่งเสียงถาม “รู้หรือไม่ว่าเรือนพักร่ำรวยรับสมัครองครักษ์อย่างไร มีเงื่อนไขใดบ้าง”

“แต่ละครั้งล้วนไม่เหมือนกัน!”

เด็กหนุ่มหูเคยติดตามผู้ใหญ่ในตระกูลมาเรือนพักร่ำรวยหลายครั้งจึงรู้เรื่องมากกว่า

“ได้ยินว่าแต่ละครั้งเข้มงวดขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม ค่อนข้างแตกต่างจากการรับทหารด้านนอก ได้ยินว่าเงื่อนไขสูงกว่ามาก”

ลู่เฉินโจวถามเขา “พวกเจ้าไม่เคยฝึกฝนวิทยายุทธ รูปร่างก็เล็ก เดินทางหลายวันเพื่อมาสมัครที่เรือนพักร่ำรวย ไม่กลัวถูกคัดออกหรือ”

เด็กหนุ่มหูเกาหัวพลันหัวเราะ “อย่างไรก็ต้องลอง หากถูกคัดออกจริง ข้าจะยอมรับโชคชะตา เชื่อฟังท่านพ่อข้า เขาให้ข้าทำอันใดข้าก็จะทำ”

เด็กหนุ่มเจี่ย “ข้าด้วย!”

คนที่เหลือทั้งสองก็พูดเสริม พวกเขามีความคิดแบบเดียวกัน

โอกาสที่หายากย่อมต้องลองดู

หากถูกคัดออกจริง พวกเขาก็ต้องยอมรับ

แต่หากไม่มาลอง ภายในใจยังคงยึดติด ย่อมจะยึดติดไปตลอดชีวิต

ความรู้สึกนั้นไม่ดีนัก

ลู่เฉินโจวตบไหล่ของเด็กหนุ่มหู “ความคิดไม่เลว เช่นนั้นก็พยายามเข้า พยายามสมัครให้ติด”

“อืม! ต้องสมัครได้แน่”

บรรดาเด็กหนุ่มต่างฮึกเหิม น่าชื่นชมอย่างมาก

กำลังจะเข้าเรือนพักร่ำรวย

ด่านตรวจเข้มงวดกว่าที่ผ่านมาอย่างเห็นได้ชัด

ใบหน้าที่คุ้นเคยมีป้ายคาดเอวจึงสามารถผ่านไปได้อย่างรวดเร็ว

ใบหน้าที่ไม่คุ้นเคย โดยเฉพาะใบหน้าอันตรายของลู่เฉินโจวนั้น ย่อมต้องถูกตรวจสอบเป็นพิเศษ

ลู่เฉินโจวรำคาญเล็กน้อย

หากไม่ใช่เพื่อสมัครค่ายองครักษ์ เขาไม่มีทางยอมทน

แน่นอน เขาไม่มีทางยอมรับว่าเขาแอบกลัวองครักษ์รูปร่างกำยำแต่ละคนที่อยู่หน้าด่าน

เขาคนเดียวย่อมไม่อาจปะทะกับองครักษ์มากเพียงนี้

เอาเถิด เอาเถิด จำใจยอมรับการตรวจสอบ

ตอนที่เขาหนีออกมา บนตัวมีเงินจำนวนหนึ่ง

เขาเป็นคนมือเติบ มีเงินมากเท่าใดใช้เท่านั้น เมื่อเดินทางมาถึงนครบาล เขาก็กลายเป็นคนยากจนที่ไร้เงินไปแล้ว

หากไม่พบกับพวกเด็กหนุ่ม ไม่แน่ว่าเขาอาจจะต้องทำงานเก่าอย่างการเป็นโจรขึ้นมา

เมื่อตรวจสอบเสร็จสิ้นก็สามารถเดินทางเข้าเรือนพักได้อย่างราบรื่น

ลู่เฉินโจวหัวเราะร่า พลันตบอก วันนี้ข้าจะกินดีอยู่ดี!

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

Status: Ongoing
ณหนูจวนอื่นชื่นชอบแพรพรรณงดงาม กวี ภาพเขียน บุรุษหล่อเหลา แต่คุณหนูสี่จวนโหวกลับคลั่งไคล้ในเงินทอง! การค้ารูปแบบใดที่แผ่นดินนี้ไม่เคยมีล้วนออกมาจากสมองของนางและทั้งหมดล้วนทำให้เงินทองไหลมาเทมา!นิยายโรแมนติกจีนโบราณ ที่นางเอกมากความสามารถและคลั่งไคล้เงินสุดๆ!คุณหนูสี่แห่งจวนโหว เยียนอวิ๋นเกอ เป็นใบ้เพราะอุบัติเหตุตอนยังเด็กทำให้อุปนิสัยดุร้าย อารมณ์ร้อน มุทะลุยิ่งนักใครๆ ล้วนมองว่านางเป็นหญิงเอาแต่ใจไม่เคยคำนึงถึงสิ่งใดแต่จิตวิญญาณด้านในของนางนั้นคือหญิงสาวผู้รอดชีวิตเพียงหนึ่งเดียวในวันสิ้นโลกอาจเพราะความยากลำบากในชาติก่อนสิ่งเดียวที่นางกลัวที่สุดก็คือกลัวอดตาย!ดังนั้นหากไม่อยากอดตายต้องทำอย่างไรก็ต้องมีเสบียง! และการจะมีเสบียงได้นั้นก็ต้องมีเงิน!เพื่อการนั้นนางจะทุ่มเทสมองในการบุกเบิกการค้า ปูรากฐานทุกอย่างเพื่อพี่น้องและมารดาด้วยมันสมองของคนยุคใหม่นางไม่เชื่อว่าจะทำไม่ได้ทหารต่อให้เก่งกาจเพียงใดหากไม่มีเสบียงแล้วไซร้ก็ยากจะรบต่อไปได้ถึงตอนนั้นในแผ่นดินที่ฮ่องเต้จ้องจะกวาดล้างอำนาจขุนนาง ครอบครัวนางย่อมหยัดยืนได้อย่างมั่นคง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท