สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 888 ทั้งสองคนหมั้นหมายกันแล้วหรือ

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

บทที่ 888 ทั้งสองคนหมั้นหมายกันแล้วหรือ

บทที่ 888 ทั้งสองคนหมั้นหมายกันแล้วหรือ

ฝั่งจี้ซ่งเฉิงนั่งอยู่ติดหน้าต่าง มีผนังพิง

เขาเอนตัวอยู่ตรงนั้นอย่างเกียจคร้าน วางข้อศอกลงบนขอบหน้าต่าง ก่อนจะยิ้มอย่างเนือย ๆ “เขาเช็ดหน้าให้เจ้า มัดผมให้เจ้า นี่ไม่ใช่เรื่องที่สามีภรรยาทำกันหรือ?”

ลู่จื่อชิงหันกลับไปมองซ่งหานจือ

สีหน้าของซ่งหานจือไม่น่ามองเล็กน้อย

เสี่ยวชิงเอ๋อร์ยังเล็ก ไม่เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างบุรุษสตรี หากคำพูดของจี้ซ่งเฉิงทำให้นางบาดหมางกับเขา เช่นนั้นเขา…

เขาจะทำอย่างไร?

เขาบีบฝ่ามือตนเองแล้วมองลู่จื่อชิงอย่างกระวนกระวายใจ ริมฝีปากสั่นระริก

“เป็นความสัมพันธ์แบบพี่น้องไม่ได้หรือ?” ลู่จื่อชิงเอ่ย “เราเล่นด้วยกันมาตั้งแต่ยังเล็ก ไม่ใช่ญาติยังดีกว่าญาติ หากเจ้ายังกล่าววาจาเหลวไหลไร้สาระอีก ข้าจะฉีกปากเจ้าเสีย!”

จี้ซ่งเฉิงหัวเราะเยาะ มองซ่งหานจือด้วยสายตาเย้ยหยัน

ซ่งหานจือมองเขากลับเป็นการตักเตือน “หากเจ้าไม่ต้องการกุญแจ พวกเราล้มเลิกข้อตกลงกันก็ได้”

“ข้าเพียงแค่ล้อเล่นเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องกังวล” จี้ซ่งเฉิงเอ่ย “อาหารมาแล้ว ทานกันเถิด คุณชายผู้นี้เลี้ยงเอง”

ลู่จื่อชิงไม่เก็บคำพูดของจี้ซ่งเฉิงมาใส่ใจแม้แต่น้อย นางยังคงคีบอาหารให้ซ่งหานจือ และบอกให้ฉินโม่ถงทานข้าวราวกับไม่มีอะไรผิดปกติ

“เจ้าทำข้อตกลงอะไรกันแน่?” ลู่จื่อชิงเอ่ยถามซ่งหานจือเบา ๆ

ซ่งหานจือตอบ “ซูหลินให้กุญแจเขา เขาพาซูหลินไปล้างแค้นฆ่าล้างสกุล”

“ศัตรูของซูหลินอยู่ที่อาณาจักรโบราณที่ว่านั่นใช่หรือไม่?”

“ไม่ผิด” จี้ซ่งเฉิงเอ่ย “ดูเหมือนคุณชายซ่งไม่ได้โกหกข้า พวกเจ้าสืบอะไรบางอย่างมาได้แล้วจริง ๆ ในเมื่อร่วมมือกันแล้ว ข้าย่อมซื่อสัตย์ต่อคำพูดของตน ย่อมต้องบอกความจริงซูหลินอย่างแน่นอน”

ลู่จื่อชิงรอให้เขากล่าวต่อไป ทว่าฝ่ายหลังยังคงนิ่งเงียบ

“ว่ามาสิ!”

“ข้าจะบอกแค่เพียงซูหลิน เรื่องนี้เกี่ยวข้องอะไรกับเจ้า” จี้ซ่งเฉิงกล่าว

ลู่จื่อชิงหันไปมองซูหลิน

ซูหลินใช้ตะเกียบจิ้มอาหารในถ้วย แล้วเอ่ยอย่างอ่อนแรง “เขาบอกว่าต้องออกไปจากที่นี่ก่อนจึงจะบอกข้า”

“หากเจ้าพาซูหลินไป ผู้ใดจะรู้ว่าเจ้าจะทำอะไรเขา?”

“ถูก ข้าไม่ไปกับเจ้า!” ซูหลินมีปฏิกิริยาในทันที

“เมื่อครู่นี้ตกลงกันแล้วไม่ใช่หรือ” จี้ซ่งเฉิงหันไปมองซ่งหานจือ “ตอนนี้คิดจะเปลี่ยนใจแล้วหรือไร?”

“หากเสี่ยวชิงเอ๋อร์ไม่เห็นด้วย เช่นนั้นพวกเราก็ไร้ทางเลือก ทำได้เพียงเปลี่ยนใจแล้ว ทุกคนล้วนอยู่ที่นี่พอดี หากเจ้าบอกความจริงออกมา ต่อไปจะจัดการอย่างไรก็เป็นเรื่องที่ซูหลินต้องตัดสินใจ พวกเราย่อมไม่เข้าไปแทรกแซง”

“ก่อนหน้านี้ข้าบอกคุณหนูรองลู่แล้ว บิดาของซูหลินเป็นข้ารับใช้เก่าในครอบครัวของข้า ครอบครัวข้ากำลังตกต่ำ ข้ารับใช้ล้วนแยกทางกันไป ในช่วงสองสามปีแรก ครอบครัวข้าหนีหัวซุกหัวซุน ต่อมาจึงค่อย ๆ มั่นคงขึ้น จากนั้นเราพบว่าตราประจำสกุลเราถูกข้ารับใช้เอาไป พวกเราค้นหาไปทุกหนทุกแห่ง หลังจากตรวจสอบมานานหลายปี ท้ายที่สุดจึงพบว่าคนที่เอาตรานั้นไปคือบิดาของซูหลิน ตอนนั้นเขาเป็นคนสนิทของบิดาข้า”

“ในกล่องเป็นตราประจำสกุลพวกเจ้าหรือ?”

“ไม่ผิด”

“ตรานั้นมีประโยชน์อะไร?”

จี้ซ่งเฉิงหันไปมองลู่จื่อชิง “อยากรู้หรือ?”

“อืม”

“มีเพียงคนในครอบครัวข้าที่จะรู้ความลับนี้ หากเจ้าอยากรู้ เช่นนั้นก็แต่งให้ข้าสิ!” จี้ซ่งเฉิงยกมุมปากขึ้น

ความอยากรู้อยากเห็นบนใบหน้าของลู่จื่อชิงหายวับไป

สีหน้าของซ่งหานจือไม่น่าดูชมขึ้นมาทันที “อย่ารังแกชิงเอ๋อร์”

“ข้าเพียงแค่ล้อนางเล่นเท่านั้น เหตุใดจึงเป็นรังแกนางไปได้เล่า? วางใจเถอะ ข้าไม่สนใจสตรีหยาบกระด้างเช่นนี้ สตรีที่ข้าอยากแต่งงานด้วยต้องเป็นสตรีที่งามที่สุด อ่อนโยนโยนที่สุด และสง่างามที่สุด เหมือนกับพี่หญิงของนาง” จี้ซ่งเฉิงเอ่ย “น่าเสียดายที่พี่หญิงของนางอภิเษกให้ฮ่องเต้อาณาจักรเฟิ่งหลินแล้ว”

“เจ้าชอบแบบพี่หญิงข้า แต่พี่หญิงข้าก็คงไม่ชอบเจ้าเช่นกัน แต่นั่นไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือในเมื่อมันเป็นตราของสกุลเจ้า เหตุใดบิดาของซูหลินจึงไม่ยอมคืนให้เล่า?”

“สกุลข้าตกต่ำแล้ว ยามนี้ข้าต้องพึ่งพาตรานี้เชิญเผ่าเดิมมา บิดาซูหลินไม่ต้องการคืนมันให้ข้า เพราะเขารู้สึกว่าเวลาได้เปลี่ยนไปแล้ว ไม่ควรจมอยู่กับอดีต ควรเริ่มต้นใช้ชีวิตใหม่”

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้” ลู่จื่อชิงเอ่ย “ของสิ่งนั้นคือตราประจำสกุลเจ้า มีของสิ่งนั้น เจ้าสามารถออกคำสั่งเรียกคนสกุลเจ้ากลับมาได้ บิดาของซูหลินรู้สึกว่าผ่านมาหลายปีเพียงนี้แล้ว ชีวิตของทุกคนสงบสุขมั่นคง ไม่ควรไปพัวพันกับเรื่องเก่า ๆ อีกต่อไป ดังนั้นจึงไม่ต้องการคืนตราให้ ผู้ที่ฆ่าครอบครัวของซูหลินก็คือศัตรูของสกุลเจ้า ทั้งยังต้องการตราสกุลเจ้าด้วยอย่างนั้นหรือ?”

“ไม่ผิด”

“เจ้าไม่ได้บอกว่าพูดไม่ได้หรือ? เหตุใดตอนนี้ล้วนเล่าออกมาหมดแล้ว?”

“เดิมทีไม่อาจบอกได้ ทว่าเพื่อแสดงถึงความจริงใจ ข้าบอกเรื่องราวทุกอย่างกับพวกเจ้าแล้ว เช่นนี้พวกเจ้าจะได้เชื่อว่าซูหลินและข้ามีศัตรูร่วมกัน ข้าจะไม่ทำร้ายเขา”

ลู่จื่อชิงและซ่งหานจือหันไปมองซูหลิน

“พวกเจ้าไยต้องมองข้า” ซูหลินกัดลูกชิ้นหนึ่งคำ “ข้าต้องไตร่ตรองให้รอบคอบอีกครั้ง”

“เช่นนั้นค่อย ๆ คิดดู” จี้ซ่งเฉิงกล่าว “อย่างไรเสียข้าก็ยังมีเรื่องที่ทำไม่เสร็จ”

ฉินโม่ถงมองออกไปนอกหน้าต่าง สายตาเหม่อลอยไปไกลแสนไกล

ซ่งหานจือเอ่ยถาม “มีอะไรหรือ?”

ฉินโม่ถงส่ายศีรษะเบา ๆ

เป้าหมายของจี้ซ่งเฉิงลุล่วงแล้ว เขาลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เอาละ เรื่องที่ควรกล่าวก็กล่าวแล้ว เช่นนั้นข้าต้องขอตัวก่อน ภายหน้าหากมีเรื่องอะไร ข้าจะไปหาพวกเจ้า”

ทันทีที่จี้ซ่งเฉิงจากไป ลู่จื่อชิงก็หันไปจ้องมองซ่งหานจือ “ไยเจ้าไม่เรียกข้า?”

“เมื่อคืนนี้เจ้านอนดึกเกินไป วันนี้จะต้องไม่ตื่นเป็นแน่ ข้าอยากให้เจ้าได้นอนต่ออีกหน่อย นอกจากนี้ สิ่งที่อีกฝ่ายต้องการคือกุญแจในมือของซูหลิน ข้าเพียงแค่ต้องพาซูหลินมาด้วยกันก็พอแล้ว”

“หากอีกฝ่ายมีจุดประสงค์เพื่อฆ่าซูหลินเล่า? พวกเจ้าบุ่มบ่ามมาอย่างนี้ ไม่เท่ากับลูกแกะเข้าปากเสือหรือ?”

“เขาเตรียมพร้อมอย่างถี่ถ้วนแล้ว” ซูหลินเอ่ยขณะกินลูกชิ้น “ข้างนอกมีผู้คุ้มกันอยู่ทุกหนทุกแห่ง หากคนแซ่จี้โจมตีเรา พวกเขาจะมองเห็นสัญญาณจากหน้าต่างแล้วรุดเข้ามาทันที”

ลู่จื่อชิงมองออกไปนอกหน้าต่าง

ฝั่งตรงข้ามมีคน ถนนด้านล่างก็มีคนอีกสิบกว่าคน เช่นนี้นับได้ว่าตระเตรียมเรียบร้อยแล้วจริง ๆ

“ข้าหิวมาก สั่งอาหารเพิ่มสักสองสามอย่างเถิด” ลู่จื่อชิงยกถ้วยขึ้นมา

ซ่งหานจือสั่นกระดิ่ง

คนงานได้ยินเสียงกระดิ่งจึงเข้ามา

เจ้าหน้าที่ทางการปลดประกาศจับเรียบร้อยแล้ว

ผู้คนมารวมตัวกันรอบ ๆ สอบถามว่าคนร้ายที่อยู่ในคำสั่งจับถูกจับแล้วหรือไม่

“แม้จะไม่ได้จับคนผู้นี้ ทว่าก็ตรวจสอบออกมาแน่ชัดแล้ว คนผู้นี้ไม่ใช่มือสังหารที่ต้องการตัว ทว่าเป็นญาติของสกุลซู ก่อนเกิดเรื่องกับสกุลซู คนผู้นี้บังเอิญไปเยี่ยมจึงถูกเข้าใจผิด”

“ข้าว่าแล้ว หนุ่มน้อยที่หล่อเหลาเช่นนี้ดูไม่ใช่คนเลวเลย ที่แท้กลายเป็นว่าถูกกล่าวหาผิด ๆ จริง ๆ”

ไม่ไกลออกไป ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งเอ่ยถาม “นายท่าน ประกาศจับถูกปลดออกไปแล้ว พวกเราไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ที่อาณาจักรเฟิ่งหลินนานนัก มิเช่นนั้น นำของกลับไปเถอะขอรับ?”

“ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีที่จะกลับอาณาจักรเรา” จี้ซ่งเฉิงเอ่ย “อยู่ต่ออีกสักพักเถอะ รอข่าวทางนั้นก่อน หากสถานการณ์ไม่ได้ตึงเครียดแล้ว เราค่อยกลับไป”

“นั่นก็ถูก พวกเขาสามารถค้นหาสกุลซูได้ พวกเขาอาจจะพบเราแล้วเช่นกัน ตอนนี้อาณาจักรเฟิ่งหลินกำลังหาตัวคนร้ายที่ฆ่าล้างสกุลซู พวกเราถือโอกาสนี้จัดการกับพวกเขากันเถอะ”

“อืม”

“กล่องนั้นเปิดแล้วหรือขอรับ?”

“เปิดแล้ว”

“ของข้างในใช่หรือไม่ขอรับ?”

“แน่นอน” จี้ซ่งเฉิงเอ่ย “เพียงแต่ลุงเฝิง ผ่านไปหลายปีเพียงนี้แล้ว ท่านคิดว่าป้ายนี้ยังมีประโยชน์อยู่หรือไม่?”

——————————————

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

Status: Ongoing
ใครกล้าทำร้ายวายร้ายตัวน้อยทั้งสอง ภรรยาตัวร้ายอย่างข้าไม่ปล่อยไว้แน่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท