บทที่ 894 บะหมี่ถ้วยหนึ่ง
บทที่ 894 บะหมี่ถ้วยหนึ่ง
“ไม่” ลู่จื่อชิงปฏิเสธทันควัน
“แม่เจ้าเป็นผู้ทำการค้า ทั้งยังเป็นผู้ทำการค้าที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในใต้หล้า ข้าเชื่อว่าหากนางฟังข้อเสนอของข้าแล้ว นางจะสนใจ” จี้ซ่งเฉิงกล่าว “เจ้าเพียงแค่ช่วยเป็นสะพานให้ข้าได้พบกับแม่เจ้า เรื่องอื่นให้แม่ของเจ้าเป็นผู้ตัดสินใจ ได้หรือไม่?”
ลู่จื่อชิงจ้องมองจี้ซ่งเฉิงแล้วเงียบไปครู่ใหญ่
นางหยิบกาน้ำชาข้าง ๆ ขึ้นมา
จี้ซ่งเฉิงรินน้ำผลไม้ให้นางหนึ่งจอกด้วยตนเอง
นั่นเป็นสิ่งที่มู่ซืออวี่สั่งให้คนในวังเตรียมให้ ทุกวันลู่จื่อชิงต้องดื่มน้ำผลไม้เป็นจำนวนมากเพื่อเสริมสร้างวิตามิน
“ข้าช่วยไปถามท่านแม่ก่อนได้ หากนางเต็มใจพบเจ้า พรุ่งนี้เจ้ามาพบนางได้โดยตรง หากนางไม่เต็มใจ เช่นนั้นข้าก็ทำอะไรไม่ได้”
“ได้”
กล่าวเช่นนั้นแล้ว จี้ซ่งเฉิงก็เทน้ำผลไม้หนึ่งจอกให้ตนเองแล้วดื่มลงไปรวดเดียว
ลู่จื่อชิงจับจ้องการกระทำของเขา “เหตุใดเจ้ายังไม่ออกไปอีก?”
“ข้ามาหาเจ้า เจ้ากลับผลักไสข้าเช่นนี้หรือ?”
“ท่านมาหาข้าหรือมาขอความช่วยเหลือจากข้า เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่นี้อธิบายทุกอย่างแล้ว นอกจากนี้ ข้าไม่ชอบให้เจ้าว่าร้ายหานจือ” ลู่จื่อชิงแค่นเสียงอย่างเย็นชา
“เจ้าอยู่ที่นี่ไปที่ใดไม่ได้ ซ่งหานจือหมู่นี้กลับสบายเสียจริงนะ! เขาไปผูกมิตรกับหญิงงามคนใหม่ผู้หนึ่ง รูปโฉมโนมพรรณกล่าวได้ว่าเป็นสีสันแห่งหมู่มณฑาขาว น้ำเสียงของนางนุ่มนวลไหลรื่นเช่นคนในหมู่บ้านกลางแม่น้ำเจียงหนาน รูปร่างของนาง…”
ซ่า! น้ำผลไม้หนึ่งจอกสาดลงบนใบหน้าของจี้ซ่งเฉิง
สีหน้าของจี้ซ่งเฉิงชะงักค้าง
ครู่หนึ่ง เขาก็หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากแขนเสื้อ เช็ดคราบน้ำบนใบหน้าตนออก มองลู่จื่อชิงด้วยท่าทีสบาย ๆ “สาวน้อยผู้นี้ช่างหยาบคายเสียจริง ช่างเถิด ข้าไม่ทะเลาะกับสาวน้อยเพียงผู้หนึ่งแล้ว”
“เจ้าออกไปได้แล้ว” ลู่จื่อชิงเอ่ยด้วยสีหน้าถมึงทึง
หลังจากจี้ซ่งเฉิงจากไปแล้ว ลู่จื่อชิงก็นอนลงบนเตียงด้วยสีหน้าบูดบึ้ง
ถึงแม้นางจะไล่จี้ซ่งเฉิงออกไป แถมยังสร้างปัญหาให้เขาเล็กน้อย ทว่านางยอมรับว่าการยุยงของจี้ซ่งเฉิงสำเร็จ นางโกรธขึ้นมาแล้วจริง ๆ
ณ ห้องเครื่อง พ่อครัวมองไปยังอาหารที่ถูกนำกลับมาแล้วขมวดคิ้วเป็นปม
นางกำนัลและขันทีที่อยู่ข้าง ๆ ก็ปวดหัวเช่นกัน
“ปกติคุณหนูรองมักจะเป็นเหมือนดวงอาทิตย์ดวงเล็ก ๆ หมู่นี้ความอยากอาหารของนางกลับย่ำแย่ รอยยิ้มแม้เพียงนิดก็ไม่มี บ่าวเห็นเช่นนี้แล้วปวดใจยิ่งนัก หากคุณหนูรองเป็นเช่นนี้ต่อไปจะหายจากอาการบาดเจ็บเมื่อใดกัน?”
“มิเช่นนั้น ทำของหวานเป็นอย่างไร?”
“ของหวานไม่ช่วยให้แผลสมาน”
“กินบ้างเป็นครั้งคราวไม่เป็นอะไรหรอก”
“หากเกิดเรื่องท่านรับผิดชอบได้หรือ?”
ทุกคนถอนหายใจอีกครั้ง
เมื่อซ่งหานจือเข้ามา เขาก็เห็นว่าทั้งห้องเครื่องล้วนปกคลุมด้วยความมืดหม่นอึมครึม
“มีอะไรหรือ?”
“คุณชายซ่ง”
“พวกท่าน นี่คือ…”
“คุณชายซ่ง ท่านมาพอดี ท่านรู้จักคุณหนูรองมาหลายปี ปกติพูดคุยกับนางมากที่สุด ท่านรู้รสปากของคุณหนูรองหรือไม่?”
“นางไม่เลือกทาน เพียงแต่ชอบรสชาติจัดจ้าน นี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้ว ความอดทนของนางคงจวนจะหมดลงเต็มที ท่านนำกะหล่ำปลีดองไปให้นางเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยได้”
“ลองแล้ว แต่ไม่ได้ผลขอรับ” พ่อครัวรู้สึกละอายใจยิ่ง
“พวกท่านทำบะหมี่เถิด ข้าจะช่วยทำเอง” ซ่งหานจือกล่าว
“คุณชายซ่ง สถานะท่านสูงศักดิ์ จะรบกวนท่านได้อย่างไร?” พ่อครัวได้ยินเช่นนั้นก็เริ่มลังเล
“รีบลงมือเถอะ” ซ่งหานจือเอ่ย “ข้ายังมีเรื่องต้องทำภายหลัง”
การเคลื่อนไหวของซ่งหานจือคล่องแคล่วเป็นอย่างยิ่ง ราวกับว่าเขาเคยทำเช่นเดียวกันนี้มาก่อน ตามหลักแล้วเขาเป็นบุตรชายของสกุลขุนนาง พ่อของเขาเป็นผู้ตรวจการในราชสำนักผู้คร่ำครึ ไม่ควรมีบุตรชายที่รู้วิธีทำอาหาร อันที่จริง ซ่งหานจือไม่คิดว่าการที่ตนทำอาหารมีอะไรผิดแม้แต่น้อย เขาค่อนข้างผ่อนคลายและมีความสุขไปกับมัน
เดิมทีเหล่าพ่อครัวล้วนชอบคุณชายคุณหนูหลายคนที่มาจากอาณาจักรฮุ่ยเหล่านี้ พวกเขากำลังเจริญเติบโตทั้งยังเจริญอาหาร ดังนั้นจึงมักมาที่ห้องเครื่อง เบื้องบนตามใจพวกเขา เหล่าพ่อครัวจึงได้พูดคุยกับพวกเขาบ่อย ๆ เห็นพวกเขาก็เหมือนเห็นลูกหลานตนเอง
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือพวกเขาไม่วางท่าแม้แต่น้อย โดยเฉพาะลู่จื่อชิงที่คุยสนุกหัวเราะตลอดทั้งวัน ไม่เคยรู้จักเศร้าโศก อีกทั้งนางยังให้เกียรติข้ารับใช้ทั่วไปเป็นอย่างมาก
“คุณชายน้อย ท่านทำอาหารบ่อยหรือ?”
“ไม่ถึงขนาดนั้น” ซ่งหานจือเอ่ย “ตอนที่ศึกษาอยู่ที่สำนักบัณฑิตหลวง บางครั้งชิงเอ๋อร์มักทำผิด เมื่อนางทำผิดก็จะถูกลงโทษด้วยการกักบริเวณอยู่เพียงคนเดียว ยามนั้นไม่มีผู้ใดช่วยส่งอาหารให้นาง ข้าทำอย่างอื่นไม่เป็น รู้เพียงวิธีทำบะหมี่ อย่างไรเสียก็ทำง่าย ทั้งยังทำได้ไว”
“คุณหนูรองลู่เป็นบุตรสาวผู้สำเร็จราชการแทนและพระชายา สำนักบัณฑิตหลวงยังกล้าทำโทษนางหรือ?”
“ชิงเอ๋อร์เป็นคนซุกซน ทว่ามีความภาคภูมิใจในตนเอง อีกทั้งยังเคารพบิดามารดามาก หากนางทำผิดจริง ๆ นางจะไม่ปริปากบ่น นอกจากนี้ หากเป็นความผิดของนางจริง ๆ ผู้สำเร็จราชการแทนและพระชายาย่อมไม่ปกป้องนาง สกุลลู่ปกป้องคนในครอบครัว ทว่าพวกเขาไม่ได้ไร้เหตุผล โดยเฉพาะเมื่อการทำโทษเป็นประโยชน์ต่อนาง ไม่ได้จงใจพุ่งเป้าไปที่นาง”
“โลกนี้ไม่ขาดคนที่ชอบใช้อำนาจข่มเหงผู้อื่น คุณหนูรองลู่ไร้เดียงสาทั้งยังมีชีวิตชีวามาก เห็นได้ชัดว่าการอบรมของสกุลลู่นั้นยอดเยี่ยมจริง ๆ”
ขณะสนทนา บะหมี่หอมกรุ่นถ้วยหนึ่งก็ทำเสร็จแล้ว ด้านบนมีไข่ดาวสองฟองอยู่บนเส้นบะหมี่ ไข่ถูกทอดจนเป็นสีเหลืองทอง ทว่ายังคงมองเห็นไข่แดงด้านในราง ๆ
ลู่จื่อชิงชอบกินไข่ดาวเช่นนี้ที่สุด หากสุกมากเกินไป นางก็ไม่ชอบนัก
“ชิงเอ๋อร์ไม่ชอบกินต้นหอม” ซ่งหานจือเห็นว่าพวกเขากำลังจะโรยต้นหอมสับลงไปจึงห้ามไว้ก่อน “นางชอบผักชี เติมผักชีให้นางมากหน่อย”
“คุณชายซ่ง ท่านรู้จักคุณหนูรองลู่ดีจริง ๆ นะขอรับ”
ซ่งหานจือยิ้มบาง ๆ “พวกท่านเอาไปส่งเถอะ ข้ามีเรื่องอื่นต้องทำ ต้องไปก่อนแล้ว”
“คุณชายซ่งไม่ได้เจอคุณหนูรองลู่มานานแล้วกระมัง?”
ซ่งหานจือลังเล
เขายังคงตามหาผู้ที่วางแผนจะฆ่าลู่จื่อชิง วันนี้ลูกน้องของเขารายงานว่าพบเบาะแสแล้ว เดิมทีซ่งหานจือเตรียมตัวจะออกจากวัง บังเอิญผ่านห้องเครื่องจึงเข้ามาดูทำให้ล่าช้าไป
“ตอนนี้ข้ายุ่งมาก ไม่ไปพบนางแล้ว”
ลู่จื่อชิงมองไข่มุกบนโต๊ะด้วยความไม่พอใจ
นั่นเป็นไข่มุกที่สวยมาก แต่ละเม็ดล้วนมีขนาดเดียวกัน ทั้งยังมีทรงกลมมนสวยงาม
ไข่มุกชนิดนี้ล้ำค่ายิ่ง เพียงหนึ่งเม็ดก็ทำให้ครอบครัวหนึ่งใช้ชีวิตอย่างสุขสบายไปตลอดทั้งชาติ อย่างไรก็ตาม เมื่ออยู่ที่นี่พวกมันกลายมาเป็นลูกแก้วของลู่จื่อชิง
ไม่ใช่ลู่จื่อชิงฟุ่มเฟือยสิ้นเปลือง ทว่านางไม่อาจรวบรวมกำลังได้ในตอนนี้ จึงทำได้เพียงเล่นกับสิ่งของที่นางมี เดิมทีก็ไม่อยากใช้สมองแม้แต่น้อย
“คุณหนูรองเจ้าคะ” ข้ารับใช้จากห้องเครื่องถือตะกร้าเดินเข้ามา “วันนี้ท่านยังไม่ได้ทานอะไรเลย พ่อครัวเป็นห่วงสุขภาพของท่านจึงขอให้บ่าวนำบะหมี่ถ้วยหนึ่งมาให้”
“ข้าไม่อยาก…” ลู่จื่อชิงเพิ่งกล่าวจบ ก็เห็นไข่สองฟองอยู่บนบะหมี่
“อร่อยมากเลยนะเจ้าคะ มีผักชีที่ท่านชอบด้วย” ข้ารับใช้ยกมันออกมา “คุณหนูรองลองชิมดูเถิด!”
“พวกท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้าชอบกินผักชี? ซ่งหานจือบอกพวกท่านหรือ?” ลู่จื่อชิงขมวดคิ้ว “แล้วเขาเล่า?”
“คุณชายซ่งดูเหมือนจะยุ่งมากจึงออกจากวังไปแล้วเจ้าค่ะ” ข้ารับใช้กล่าว “แต่บะหมี่ถ้วยนี้เขาทำเองนะเจ้าคะ”
“ผู้ใดจะสนใจกัน?” ลู่จื่อชิงแค่นเสียงเย็น “เพียงแต่ข้าเริ่มหิวขึ้นมาแล้ว เจ้าก็ส่งมาเถอะ!”
“ได้เลยเจ้าค่ะ!” ข้ารับใช้เอ่ยด้วยรอยยิ้ม
นางกำนัลที่อยู่ใกล้ ๆ จึงโล่งใจ
ในที่สุดคุณหนูรองก็เต็มใจทานอะไรบ้างแล้ว!
——————————————