สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 896 เด็กน้อย เจ้าไม่เหมาะสม

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

บทที่ 896 เด็กน้อย เจ้าไม่เหมาะสม

บทที่ 896 เด็กน้อย เจ้าไม่เหมาะสม

“เจ้าพูดตามตรงเช่นนี้ ไม่กังวลหรือว่าข้าจะโกรธ แล้วความตั้งใจที่จะร่วมมือกันของเจ้าจะสูญเปล่า?”

“ข้าคิดว่าควรซื่อสัตย์กับฮูหยิน หากไม่มีความกล้าที่จะซื่อสัตย์ นั่นยิ่งไร้คุณสมบัติที่จะร่วมมือกับท่านแล้ว”

มู่ซืออวี่กำลังจะรินชาถ้วยหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม ขณะที่นางกำลังจะยกกาน้ำชาขึ้นมา จี้ซ่งเฉิงก็ลุกขึ้นยืน เทชาด้วยมือทั้งสองข้าง นำไปวางไว้ตรงหน้ามู่ซืออวี่

มู่ซืออวี่เลิกคิ้วขึ้น มองดูเด็กหนุ่มตรงหน้านาง

นางมองออก เด็กคนนี้มีภูมิหลังที่ดีทั้งยังมีบรรยากาศรอบกายสูงศักดิ์ ดังนั้นเขาจะต้องเติบโตมาอย่างสุขสบายแน่นอน

สายตาของเขาเปี่ยมไปด้วยความทะนงตน แสดงให้เห็นว่าปกติแล้วเป็นผู้ที่ไม่เห็นผู้อื่นอยู่ในสายตา บัดนี้เพื่อให้นางผ่อนคลาย บางทีอีกฝ่ายอาจกำลังแสดงละครจึงอ่อนน้อมถ่อมตน

มู่ซืออวี่จิบชาแล้วกล่าวว่า “ภาพแบบเหล่านั้นเราเก็บไว้ในที่ลับมาก เจ้าค้นหาพวกมันเจอ มิหนำซ้ำยังถอดรหัสได้ นั่นแสดงให้เห็นว่าเจ้ามีความสามารถอยู่บ้างจริง ๆ ในเมื่อเจ้าเห็นภาพแบบแล้ว หากเจ้านำมันออกไปและหาช่างฝีมือมาสร้าง แม้จะใช้เวลานานสักหน่อย ทว่าเทียบกับมาขอร่วมมือจากข้าแล้วยิ่งง่ายกว่า ทั้งยังเทพไม่รู้ผีไม่เห็น เจ้าไม่ทำเช่นนั้นก็นับได้ว่าเป็นความ ‘ซื่อสัตย์’ อย่างหนึ่งเช่นกัน”

“ฮูหยินตกลงแล้วหรือ?”

“ข้าให้ความร่วมมือกับเจ้าได้” มู่ซืออวี่เอ่ย “เพียงแต่อย่างที่เจ้ากล่าวมา อาณาจักรของเจ้าอยู่ห่างไกลจากเรา ข้าไม่ต้องการให้กองทัพของเจ้ารุกล้ำเข้าสู่อาณาเขตของเรา”

“นั่นแน่นอนอยู่แล้ว”

“รายละเอียดเรื่องกฎต่าง ๆ ยังต้องหารือ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย ข้าไม่อาจตัดสินใจคนเดียวได้ หากเจ้าตั้งใจจริง เช่นนั้นก็ไปหาสามีข้าที่อาณาจักรฮุ่ยแล้วคุยกับเขาเถิด!”

เมื่อกล่าวถึงเรื่องในราชสำนัก นั่นไม่ใช่ความรับผิดชอบของนาง จะหารือกันในรายละเอียดเรื่องนี้อย่างไร ล้วนขึ้นอยู่กับลู่อี้ ส่วนเด็กน้อยผู้นี้จะได้ประโยชน์จากมือลู่อี้มากน้อยเพียงใด หรือต้องจ่ายราคามากน้อยแค่ไหน นั่นขึ้นอยู่กับความสามารถของเขาแล้ว

“ฮูหยินได้โปรดเขียนจดหมายให้ข้าหนึ่งฉบับ ต้องมีจดหมายฉบับนั้น ข้าถึงจะไปเคาะประตูจวนผู้สำเร็จราชการแทนได้” จี้ซ่งเฉิงกล่าว

“ย่อมได้”

“ยังมี…” จี้ซ่งเฉิงกระแอมไอเล็กน้อย กล่าวอย่างเชื่องช้า “ผู้น้อยตกหลุมรักคุณหนูรองลู่ตั้งแต่แรกพบ จึงต้องการสู่ขอนางแต่งงาน”

มู่ซืออวี่ “…”

เมื่อครู่นี้ไม่ได้พูดคุยกันเรื่องการเมืองหรือ?

คุยไปคุยมา เหตุใดจึงกลายเป็นเรื่อง ‘แต่งงาน’ แล้วเล่า?

“เจ้าคิดว่าหากสกุลลู่เรายกลูกสาวเราแต่งให้ เจ้าก็จะยิ่งได้รับประโยชน์มหาศาลยิ่งกว่าเดิมใช่หรือไม่?” มู่ซืออวี่เอ่ยถาม

“ข้ายอมรับว่าสกุลลู่ต้องการคนมีคน ต้องการอำนาจมีอำนาจ ต้องการเงินมีเงิน หากได้รับการสนับสนุนจากสกุลลู่ แผนเดิมที่จะยึดอำนาจในห้าปีจะต้องสำเร็จภายในสองปีอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม นั่นเป็นสงครามกลางเมืองของอาณาจักรกู่ ข้าไม่ต้องการให้คนจากอาณาจักรอื่นเข้าร่วม ดังนั้นข้าจึงไม่เคยคิดจะขอการสนับสนุนทางด้านกองกำลังจากสกุลลู่ นอกจากนี้ หากกล่าวอย่างไม่เกรงใจ ข้ามาครั้งนี้ก็เพื่อหาตราระดมทหารของสกุลจี้เรา หากมีตราระดมทหารนี้ ข้าจึงจะสามารถระดมผู้ใต้บังคับบัญชาที่จงรักภักดีต่อสกุลจี้ของเราได้ ไม่ได้ขาดแคลนกำลังคน”

“เช่นนั้นเหตุใด?”

“ข้าคิดว่าคุณหนูรองลู่ต้องตาข้ามากจริง ๆ”

“เจ้าไม่เหมาะสม” มู่ซืออวี่ส่ายศีรษะ “ชิงเอ๋อร์ของเราไม่ชอบคนอย่างเจ้า”

“เพราะเหตุใด?” จี้ซ่งเฉิงเอย “ตอนที่ฮูหยินเห็นข้า จะต้องพอใจกับรูปร่างหน้าตาของข้าเป็นแน่ ข้าสัมผัสได้ ฮูหยินคงประทับใจข้าไม่น้อยทีเดียว”

“แล้วความรู้สึกของชิงเอ๋อร์เราที่มีต่อเจ้าเป็นอย่างไร?”

จี้ซ่งเฉิงเงียบลงในบัดดล

ท่าทีของลู่จื่อชิงที่มีต่อเขา…

แน่นอนว่านาง ‘เหลืออด’

อย่างไรก็ตาม เดิมทีลู่จื่อชิงก็เป็นคนเช่นนี้ นิสัยของนางไม่เหมือนสตรีธรรมดาทั่วไป กลับดูเหมือนบุรุษที่ห้าวหาญเสียมากกว่า

“เจ้าทำเรื่องของเจ้าให้ลุล่วงก่อนเถิด หากเจ้าทำสำเร็จแล้ว ต้องการแม่นางเช่นใดล้วนได้ทั้งนั้น” มู่ซืออวี่ยกถ้วยชาขึ้นมา

นี่หมายถึงต้องการส่งแขก

“เมื่อข้าเขียนจดหมายเสร็จแล้ว ข้าจะให้ชิงเอ๋อร์มอบให้เจ้า แน่นอนว่า เจ้าต้องเตรียมตัวเตรียมใจที่จะถูกปฏิเสธให้พร้อม อย่างไรเสีย ยามนี้ชีวิตเราก็ดีทีเดียว ไม่จำเป็นต้องสอดมือไปยุ่งกับเรื่องของแคว้นอื่นให้เกิดความไม่สงบกับราษฎร ข้าสามารถช่วยเจ้าได้ แต่หากไม่ช่วยเจ้าก็เป็นเรื่องธรรมดาเช่นกัน”

“ข้าเข้าใจ”

หลังจากจี้ซ่งเฉิงจากไปแล้ว ฉานอีก็เดินเข้ามากล่าวว่า “เหตุใดฮูหยินจึงต้องการช่วยเขาเล่าเจ้าคะ? เขาถึงกับบุกเข้าไปในห้องลับโรงเรือของเรา ช่างไม่เข้าใจกฎเกณฑ์เสียจริง ๆ”

“การที่ข้ารับปากนั้นไม่นับเป็นอะไร ปล่อยให้พวกบุรุษเจรจากันไปเถิด” มู่ซืออวี่กล่าว “อย่างไรก็ตาม โรงเรือของเราควรได้รับการปรับปรุงจริง ๆ ข้าจะเขียนจดหมายให้กู่หยวนรุดไปดูที่เมืองซานหลินประเดี๋ยวนี้”

จี้ซ่งเฉิงกล่าวว่าไม่ได้ซื้อตัวคนในโรงต่อเรือ นางย่อมไม่เชื่อคำพูดนั้น เรื่องห้องลับมีผู้ที่รู้ไม่กี่คน ไม่ว่าวิชาตัวเบาของจี้ซ่งเฉิงจะล้ำเลิศเพียงใด เขาก็ไม่ควรหาห้องลับนั้นพบอย่างง่ายดาย ห้องลับมีกลไกจำนวนมาก ทันทีที่แตะต้องพวกมันจะส่งเสียงทันที จี้ซ่งเฉิงไม่เหมือนผู้ที่เชี่ยวชาญด้านกลไก จะมีความสามารถเพียงนั้นได้อย่างไร?

โรงต่อเรือจะต้องมีหนอนบ่อนไส้เป็นแน่

“เจ้าลองทายดูสิว่าจี้ซ่งเฉิงเอ่ยอะไรกับข้า?”

ระหว่างมื้ออาหารกลางวัน มู่ซืออวี่เรียกลู่จื่อชิงไปทานข้าวกับนาง

ลู่ฉาวจิ่งกำลังเรียนสี่ตำราห้าคัมภีร์กับอาจารย์ซ่ง จึงรับประทานอาหารกลางวันกับอาจารย์ซ่งในยามอู่

ลู่จื่อชิงไม่จำเป็นต้องเรียนรู้สิ่งเหล่านั้น นางเรียนรู้แค่เพียงความรู้ที่ตนสนใจ ดังนั้นขณะที่อาจารย์ซ่งง่วนอยู่กับการสอนลู่ฉาวจิ่ง ลู่จื่อชิงจึงเป็นอิสระแล้ว

“เขากล่าวว่าต้องการร่วมมือกับท่านแม่ พูดคุยเรื่องการค้าหรือไม่เจ้าคะ?” ลู่จื่อชิงเอ่ยถาม

“อันที่จริงแล้วนับว่าการเป็นค้า ทั้งยังเป็นการค้าที่ใหญ่เรื่องหนึ่ง” มู่ซืออวี่เอ่ย “เขาบอกว่าเขาตกหลุมรักเจ้าตั้งแต่แรกพบ ต้องการแต่งงานกับเจ้า”

ลู่จื่อชิงเกือบจะสำลักน้ำลายตนเอง

“ท่านแม่ เขาพูดจาเหลวไหลเช่นนี้ ท่านก็ไม่ได้ไล่เขาออกไปหรือ?!”

“หญิงงามแสนดีย่อมเป็นที่หมายปองของชายหนุ่ม ลูกสาวข้าดีเพียงนี้ เขามีความคิดเช่นนั้นก็เป็นเรื่องปกติ อย่างไรก็ตาม ครอบครัวมีหญิงงามย่อมมีหลายสกุลอยากสู่ขอแต่งงาน ในฐานะลูกสาวของท่านพ่อเจ้าและแม่ พวกเราจะต้องรอบคอบเรื่องการแต่งงานของเจ้า”

“ข้าไม่แต่ง” ลู่จื่อชิงพึมพำ

“ดื่มน้ำแกงปลาให้มากหน่อย” มู่ซืออวี่ส่งสัญญาณให้ข้ารับใช้ที่อยู่ข้าง ๆ นางยกน้ำแกงปลาให้ลู่จื่อชิง

“หมู่นี้ข้ากินแต่น้ำแกงปลาหรือไม่ก็น้ำแกงขาหมู ข้าเบื่อน้ำแกงทั้งสองแล้ว” ลู่จื่อชิงลุกขึ้นยืน “ท่านแม่ ข้าอิ่มแล้ว ข้าขอตัวก่อน”

มู่ซืออวี่มองนางนั่งลงบนรถเข็น ข้ารับใช้เข็นนางออกไป จากนั้นจึงส่ายหัวเบา ๆ “ลูกคนนี้ยังคงมีจิตใจเหมือนเด็ก เกรงว่าข้าคงไม่ได้เห็นนางมีความรักในสองสามปีนี้ ช่างเถิด ปล่อยให้ดำเนินไปตามธรรมชาติ!”

“หลังจากคุณหนูใหญ่ออกเรือนไป นายหญิงมักจะเป็นกังวลเสมอ บัดนี้เพื่อคุณหนูใหญ่แล้ว ท่านยังรั้งอยู่ต่างแดนนานถึงเพียงนี้ เกรงว่าท่านจะไม่อาจตัดใจปล่อยให้คุณหนูรองออกเรือนไปในเร็ววัน”

“ลูกสาวเติบใหญ่แล้ว อย่างไรก็ต้องแต่งงาน เสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์นับว่าแต่งงานช้าเมื่อเทียบกับสหายรุ่นราวคราวเดียวกันกับนาง อีกทั้งยังมีลูกช้าด้วย ประการแรกข้าทนไม่ไหวที่ต้องห่างจากนาง ประการที่สองข้าไม่ต้องการให้นางเผชิญความเจ็บปวดจากการคลอดบุตรเร็วเกินไปนัก” มู่ซืออวี่กล่าว “ส่วนเสี่ยวชิงเอ๋อร์ ข้าอยากให้นางแต่งออกไปใกล้หน่อย เช่นนี้ข้ากับบิดานางจะได้พบลูกสาวได้ตลอดเวลา ไม่เหมือนอย่างตอนนี้…”

——————————————

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

Status: Ongoing
ใครกล้าทำร้ายวายร้ายตัวน้อยทั้งสอง ภรรยาตัวร้ายอย่างข้าไม่ปล่อยไว้แน่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท