บทที่ 899 พินิจดูอย่างจริงจังครั้งแรก
บทที่ 899 พินิจดูอย่างจริงจังครั้งแรก
ซ่งหานจือไม่กล้าหันกลับไป
อย่างไรก็ตาม ลู่จื่อชิงอยู่ด้านหลัง หากไม่หันกลับไปหา นางย่อมโกรธเป็นแน่
ลู่จื่อชิงโกรธมากจริง ๆ
นางเพียงแค่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น แต่ซ่งหานจือกลับแตกต่างออกไปราวกับเป็นคนละคน ก่อนหน้านี้ไม่เคยมาหานาง บัดนี้นางมาหาแล้ว เขายังหลบหน้ากันอีก
“ช่างเถอะ ข้าจะไปแล้ว” ลู่จื่อชิงเดินโมโหจากไป
ซ่งหานจือไม่สนใจว่าบาดแผลบนใบหน้าจะถูกเห็น เมื่อเห็นว่าลู่จื่อชิงโกรธแล้วจริง ๆ เขาก็รีบก้าวเข้าไปขวาง “ข้าไม่ได้ตั้งใจไม่พบเจ้า เพียงแต่ตอนนี้ใบหน้าฟกช้ำ ไม่น่ามองนัก”
“หน้าของเจ้าเป็นอะไร?” ลู่จื่อชิงเห็นรอยแผลบนใบหน้าเขา ลมหายใจพลันขาดห้วงขึ้นมา “ผู้ใดตีเจ้า?!”
“ไม่ได้ถูกตี เพียงแค่ฟกช้ำ”
“ข้าฝึกวรยุทธ์มานานเพียงนี้ หากแยกระหว่างบาดแผลจากการถูกตีกับกับรอยฟกช้ำไม่ออก ข้าจะไม่โง่เกินไปหรือ?” ลู่จื่อชิงจ้องเขาเขม็ง “ผู้ใดเป็นคนตีเจ้า? บอกข้ามา แล้วข้าจะไปคิดบัญชีกับเขาให้”
“ข้าเพียงไม่ระวังตอนฝึกวรยุทธ์” ซ่งหานจือยังคงไม่เปิดเผยเรื่องจี้ซ่งเฉิง
“เป็นคุณชายจี้ที่ตีเขาขอรับ” ผู้ติดตามที่อยู่ด้านหลังเอ่ย “คุณชายจี้ตีเขาแรงมาก คุณชายของเราเห็นเขาเป็นแขกจึงสุภาพกับเขาเป็นอย่างยิ่ง นึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายไม่ยอมปล่อยเขาไป ลงมือกับคุณชายของเราโหดร้ายยิ่งนัก”
ซ่งหานจือหันไปมองผู้ติดตาม
ผู้ติดตามผู้นี้เป็นมู่ซืออวี่ที่เตรียมให้เขา อีกฝ่ายสมองดี ฝีมือไม่เลว การสืบสวนระยะนี้นับว่าเป็นผู้ช่วยคนสำคัญ
ผู้ติดตามไม่มั่นใจ เดิมทีคิดว่าซ่งหานจือกำลังจะตำหนิที่พูดจาเหลวไหล อย่างไรเสียในฐานะบุรุษผู้หนึ่ง การได้รับบาดเจ็บเพราะบุรุษอีกผู้หนึ่งก็ฟังดูน่าอับอายยิ่งนัก ผลได้ที่ได้คือซ่งหานจือแอบยกนิ้วโป้งให้
“จี้ซ่งเฉิงป่วยหรือไร?” ลู่จื่อชิงได้ยินเรื่องนี้ก็โมโหขึ้นมา “เขามีสิทธิ์อะไรมาตีเจ้า? เขาคิดจะขอความช่วยเหลือจากท่านแม่ ข้าว่าคนอย่างนี้ไม่ควรช่วยเหลือ ข้าจะไปบอกท่านแม่ เรื่องที่เคยรับปากไม่ต้องช่วยแล้ว”
“ชิงเอ๋อร์ ไม่อาจทำเช่นนั้น” ซ่งหานจือขยิบตาให้ผู้ติดตามของตน
ผู้ติดตามเข้าใจทันที เขารีบพาคนอื่น ๆ ถอยออกไป ห้องโถงจึงเหลือเพียงสองคนเท่านั้น
“นี่เป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างข้ากับเขา เพียงเพราะเรื่องส่วนตัวของเรา ไม่อาจทำให้พระชายาลำบากใจกระมัง?” ซ่งหานจือเอ่ย “นอกจากนี้ เป็นเพราะวรยุทธ์ของข้าด้อยกว่าผู้อื่น เรื่องนี้ไม่โทษเขา”
“เจ้าเป็นบัณฑิต ไม่ได้เชี่ยวชาญวรยุทธ์ เขาไม่เหมือนกัน เขาอยู่ข้างนอกฆ่ารันฟันแทงตลอดทั้งวัน ไม่เคยพบเจอสถานการณ์เช่นไรบ้าง? เขาถึงกับรังแกเจ้า! เหตุใดเขาไม่มาแลกเปลี่ยนความรู้กับข้าเล่า?” ยิ่งลู่จื่อชิงคิดมากเพียงใดก็ยิ่งโกรธมากเพียงนั้น ยิ่งคิดมากเพียงใดก็ยิ่งรู้สึกว่าซ่งหานจือเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ถูกจี้ซ่งเฉิงรังแก “เขาตีเจ้าหรือ? เห็นได้ชัดว่ารังแกเจ้าเพื่อตบหน้าข้า”
“เอาละ ไม่ต้องโกรธแล้ว อันที่จริงเป็นเพียงบาดแผลภายนอกเท่านั้น” ซ่งหานจือกล่าวขณะแตะบริเวณที่เป็นแผลด้วยสีหน้าเจ็บปวด
“ยังจะบอกว่าเป็นเพียงบาดแผลภายนอกอีกหรือ? ดูสิ ใบหน้านี้บาดเจ็บจนกลายเป็นเช่นนี้แล้ว” ลู่จื่อชิงเอ่ย “ข้าจะไปหาพี่หญิงหมิงขอยามาให้เจ้า”
“ไม่ต้องแล้ว” ซ่งหานจือเอ่ย “วันนี้ท่านหมอเทวดาหมิงออกไปตรวจคนไข้นอกวัง นางไม่อยู่”
“เช่นนั้น บาดแผลเจ้า… ข้าจะไปตามหมอหลวงมา”
“หากผู้อื่นเห็นข้าเช่นนี้…” ซ่งหานจือดูขัดเขิน “ข้าไม่ต้องการให้ผู้อื่นคิดว่าบุรุษอาณาจักรฮุ่ยล้วนไร้ประโยชน์เช่นนี้ ช่างเถิด ทิ้งไว้ไม่กี่วันก็หายแล้ว”
“เสียดายที่พวกเราไม่มียา ไม่เช่นนั้นข้าทายาให้เจ้าได้” ลู่จื่อชิงหน้านิ่วคิ้วขมวด “บาดเจ็บอย่างนี้ จะไม่ทายาได้อย่างไรเล่า? แบบนี้จะมีรอยแผลเป็นเอาน่ะซี”
“ข้ามียา!” ซ่งหานจือมองลู่จื่อชิงอย่างกระตือรือร้น
ลู่จื่อชิงกะพริบตาปริบ ๆ “มียาหรือ?”
“อืม”
“แต่ข้า…”
“เช่นนั้น รบกวนชิงเอ๋อร์ทายาให้ข้าเถอะ!”
ลู่จื่อชิง “…”
ในตำหนัก ลู่จื่อชิงเป่าลงบนบาดแผลของซ่งหานจือ
ซ่งหานจือนั่งอยู่ตรงนั้น ว่าง่ายเป็นอย่างยิ่ง นี่ทำให้ลู่จื่อชิงโกรธยิ่งกว่าเดิม แน่นอนว่าความโกรธนี้ไม่ได้มีต่อซ่งหานจือ หากแต่พุ่งไปที่จี้ซ่งเฉิง
“เจ้าคนแซ่จี้ เขาตีเจ้าจนกลายเป็นแบบนี้ คราหน้าหากพบเขา ข้าจะล้างแค้นให้เจ้า และทุบตีเขาให้กลายเป็นหัวหมูเลย!” ลู่จื่อชิงพึมพำ
“เป็นความผิดข้าที่แข็งแกร่งไม่เท่าเขา ไม่โทษเขา” ขณะที่ซ่งหานจือเอ่ย ‘ไม่โทษเขา’ แววตาก็ดูห่อเหี่ยวเป็นอย่างยิ่ง ราวกับไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างถึงที่สุด
ลู่จื่อชิงเห็นเขาเป็นเช่นนี้ ยิ่งไม่สบายใจมากกว่าเดิม
ฮัดชิ้ว! จี้ซ่งเฉิงจามสามครั้งติดต่อกัน มือหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นเช็ดจมูก กล่าวพึมพำกับตนเอง “เหตุใดจู่ ๆ ข้าถึงสังหรณ์ไม่ดีเล่า?”
ลูกน้องที่อยู่ข้าง ๆ กล่าว “นายท่าน ในเมื่อพระชายาลู่เขียนจดหมายให้นายท่านแล้ว เช่นนั้นพวกเราไปหาท่านอ๋องลู่ที่อาณาจักรฮุ่ยเถอะขอรับ! ขอเพียงท่านอ๋องลู่พยักหน้า แผนของเราย่อมประสบความสำเร็จไปเกินกว่าครึ่ง”
“กล่าวกันตามเหตุผลควรไปที่นั่น เพียงแต่…” จี้ซ่งเฉิงรู้สึกว่าหากลักพาตัวคุณหนูรองสกุลลู่ไปได้ โอกาสที่พวกเขาจะทำสำเร็จก็จะเพิ่มขึ้นเป็นเก้าส่วน
“นายท่านมีอะไรกังวลหรือขอรับ?”
“ไม่มี เตรียมตัวออกเดินทางเถอะ!” จี้ซ่งเฉิงหันไปทางวังหลวง
เขาจะต้องกลับมาหานาง
อย่างไรเสียหลายปีมานี้ก็มีเพียงแม่นางน้อยนั่นเพียงผู้เดียวที่ดึงดูดความสนใจของเขาได้
ครึ่งเดือนต่อมา ลู่จื่อชิงและซ่งหานจือกลับมาตัวติดกันอีกครั้ง แน่นอนว่านั่นหมายถึงเวลากลางวัน ในยามค่ำคืน ทุกคนควรกลับไปยังตำหนักตนเอง ข้อห้ามระหว่างบุรุษสตรียังคงต้องระมัดระวัง
“ซ่งหานจือ เจ้าจงใจแพ้ข้าอีกแล้ว” ลู่จื่อชิงโยนตัวหมากในมือทิ้ง จ้องมองเขาด้วยความขัดเคือง “เจ้าอย่ายอมแพ้ข้าได้หรือไม่?”
ซ่งหานจือเท้าคางแล้วกล่าวพึมพำ “แต่หากข้าชนะเจ้า เจ้าก็ไม่ดีใจ”
“ซ่งหานจือ…” ลู่จื่อชิงกางกรงเล็บของนางออก เข้าไปบีบหมับเข้าที่แก้มเขา “ข้าไม่สน อย่างไรเจ้าก็ไม่อาจจงใจแพ้ข้าอย่างชัดเจน ถึงแม้จะจงใจแพ้ก็ต้องทำให้ข้าดูไม่ออก”
ซ่งหานจืออับจนปัญญา “ชิงเอ๋อร์ พวกเรามาเล่นอย่างอื่นกันเถอะ!”
“น่าเบื่อเกินไปแล้ว อยากออกไปเล่นข้างนอกจริง ๆ!” ลู่จื่อชิงนอนลงบนโต๊ะแล้วทำหน้ามุ่ย “ขาของข้าหายดีแล้ว เหตุใดยังไม่ให้ข้าออกไปข้างนอกเล่า?”
ซ่งหานจือลูบผมของลู่จื่อชิงแล้วกล่าวอย่างอ่อนโยน “ให้ข้าเล่านิทานให้เจ้าฟังเถอะ!”
“ทุกครั้งที่เจ้าเล่านิทาน ข้าล้วนหลับไปก่อน” ลู่จื่อชิงยู่หน้า
“เช่นนั้น ข้าเล่นฉินให้เจ้าฟังดีกว่า”
ข้ารับใช้นำกู่ฉินมาวางไว้ด้านหน้าซ่งหานจือ
ลู่จื่อชิงนั่งอยู่ข้าง ๆ มองซ่งหานจือบรรเลงท่วงทำนองอันไพเราะออกมา
ซ่งหานจือใช้ปิ่นหยกรวบผมขึ้นครึ่งหนึ่ง ผมที่ตกลงมาระแก้มเขาเป็นครั้งคราว เขาผอมลงไปมาก ภายในเวลาเพียงครึ่งเดือน เขากลายเป็นชายหนุ่มที่ผอมบางส่งผลให้เครื่องหน้าคมชัดยิ่งกว่าเดิม
ลู่จื่อชิงมองใบหน้าด้านข้างของซ่งหานจือ
จมูกโด่ง ริมฝีปากแดงก่ำ ดวงตากระจ่างใสอ่อนโยน ดั่งดวงดาวบนฟากฟ้า มองแล้วงดงามยิ่งนัก
ที่แท้ซ่งหานจือก็มีหน้าตาเช่นนี้
ดูเหมือนว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่นางพินิจดูเขาอย่างจริงจัง
ในความทรงจำของนาง ซ่งหานจือควรเป็นเด็กอ้วน ถูกคนรังแกก็ร้องไห้โยเย สุดท้ายถูกนางเห็นเข้าจึงไปช่วยเขาตีผู้อื่นคืน
“ซ่งหานจือ เจ้าหน้าตาดีมาก” ลู่จื่อชิงราวกับกำลังเคลิบเคลิ้มจึงเอ่ยบางอย่างที่คลุมเครือออกมา
ตึ๊ง! สายฉินขาดสะบั้น
ซ่งหานจือหันกลับมามองนาง
ดวงตาคู่นั้นฉายแววประหลาดใจ ระคน…
ทำอะไรไม่ถูก
“ข้าทำให้เจ้าตกใจหรือ?” ลู่จื่อชิงเห็นสายฉินที่ขาดจึงกล่าวด้วยความรู้สึกผิด “ขอโทษนะ เจ้าตั้งใจบรรเลงเพียงนี้ ข้ากลับเอ่ยทำลายสมาธิเจ้า”
หูของซ่งหานจือค่อย ๆ แดงเรื่อขึ้นมา เขาเม้มปากแน่นก่อนจะเอ่ยว่า “เสี่ยวชิงเอ๋อร์ เจ้าคิดว่าจี้ซ่งเฉิงเป็นอย่างไร?”
——————————————