สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 924 พวกเราเคยพบกันใช่หรือไม่

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

บทที่ 924 พวกเราเคยพบกันใช่หรือไม่

บทที่ 924 พวกเราเคยพบกันใช่หรือไม่

“ย่อมได้” คุณชายอี้หรานกล่าว “เช่นนั้น ท่านอย่าได้เดินเรื่อยเปื่อย อีกทั้งอย่าไปสัมผัสของอะไร”

“ได้”

คุณชายอี้หรานยิ้มบาง ๆ

แม้ว่าจะสวมหน้ากาก ไม่อาจมองเห็นหน้าตาของเขาได้ ทว่าลู่จื่อชิงกลับรู้สึกว่าคุณชายอี้หรานผู้นี้อ่อนโยนต่อนางเป็นพิเศษ

บางที เขาอาจเป็นคนที่อ่อนโยนมากผู้หนึ่งกระมัง

ในหลาย ๆ ด่านต่อจากนี้ ลู่จื่อชิงติดตามคุณชายอี้หรานไป ถึงแม้ว่าจะพบกับความยากลำบากมากมาย ทว่าฝีมือของอีกฝ่ายยอดเยี่ยมเสียจนจัดการได้อย่างง่ายดาย

ทันใดนั้นเอง เงาร่างหลายร่างก็กระโดดออกมาจากทุกทิศทาง

“คนของสำนักชิงซาน” ลู่จื่อชิงเอ่ย “พวกเจ้าคิดจะทำอะไร?”

“มีประมุขพันธมิตรยุทธภพได้เพียงผู้เดียว แน่นอนว่าย่อมเป็นผู้มีความสามารถมากที่สุดเท่านั้น” หนึ่งในนั้นเอ่ยขึ้น “ด่านอันดับแรก ๆ กำจัดผู้ที่ใช้วิธีการไม่ชอบให้ได้มาซึ่งเกียรติยศ ด่านอันดับหลัง ๆ จะขจัดผู้อ่อนแอ”

“ข้าเข้าใจแล้ว นับแต่นี้ไปสิ่งที่เราต้องระวังไม่ใช่ค่ายกล หากแต่เป็นจิตใจคน” ลู่จื่อชิงเอ่ย “เช่นนั้นพวกเจ้าคิดว่าจะจัดการคุณชายผู้นี้ได้หรือ?”

วิชากระบี่ของคุณชายอี้หรานล้ำเลิศเป็นอย่างยิ่ง แม้กระทั่งนางที่ได้รับการฝึกฝนเป็นพิเศษจากฉีเซียวและอาจารย์ซ่งยังไม่อาจเห็นความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขา ไม่ต้องเอ่ยถึงพวกน้ำครึ่งถังเหล่านี้

“จัดการได้หรือไม่ นั่นต้องใช้ความแข็งแกร่งกล่าวแทนแล้ว”

คนของสำนักชิงซานล้อมคุณชายอี้หรานและลูกน้องของเขา

คนของสำนักชิงซานมีมากกว่าสิบคน คุณชายอี้หรานมีลูกน้องเพียงสามคน รวมนางและตัวเขาแล้วก็มีเพียงห้าคนเท่านั้น

ในด้านจำนวน พวกเขาไม่มีโอกาสชนะ อย่างไรก็ตาม การประมือกันระหว่างคนในยุทธภพ ผู้ชนะไม่เคยตัดสินด้วยจำนวน ทว่าตัดสินด้วยความแข็งแกร่ง

“แม่นางลู่ ท่านยืนอยู่ข้าง ๆ นี่เป็นการต่อสู้ระหว่างบุรุษเรา ท่านไม่ต้องเข้าร่วม” คุณชายอี้หรานกดไหล่ของลู่จื่อชิงไว้ ส่งสัญญาณให้นางออกจากวงต่อสู้

ลู่จื่อชิงผายมือ “เช่นนั้นก็ได้”

ทั้งสองฝ่ายเริ่มประมือกัน

ลู่จื่อชิงเฝ้ามองความเคลื่อนไหวของพวกเขา

จู่ ๆ นางก็เห็นร่างเล็กร่างหนึ่งกระโดดข้ามไป

คนแคระผู้นั้น

คนชั่วช้าน่ารังเกียจ!

ลู่จื่อชิงเหวี่ยงกระบี่ในมือนาง ทะยานพุ่งไปทางคนแคระผู้นั้น

คนแคระนึกไม่ถึงว่าลู่จื่อชิงจะตามมา เดิมคิดจะลอบโจมตีแต่กลับพลาดโอกาสที่ดีที่สุด เขากล่าวด้วยสีหน้าถมึงทึง “ข้าไม่ตีสตรี นังหนู อย่าได้เข้ามายุ่งเรื่องของผู้อื่น”

“ข้าไม่ตีเด็กน้อยเช่นกัน” ลู่จือชิงเอ่ยเสียงเรียบ “เพียงแต่ เด็กที่สมควรถูกตีก้นข้าย่อมตีเช่นกัน ดังนั้น ข้าจะให้โอกาสเจ้าได้ไสหัวไปสักครั้ง”

“รนหาที่ตาย!”

คนแคระเกลียดเวลาที่ผู้อื่นเอ่ยถึงส่วนสูงของตนเป็นอย่างยิ่ง

ทุกท่าที่เขาใช้กับลู่จื่อชิงนั้นหมายจะเอาชีวิต

ลู่จื่อชิงไม่ได้ออมมือให้ หลังจากปะทะกันหลายสิบกระบวนท่า คนแคระก็ได้รับบาดเจ็บ

คนแคระตระหนักว่าตนไม่อาจสู้ลู่จื่อชิงได้ ภายในใจไม่ยินยอม เขามุดลงไปบนพื้น หายตัวไปจากตรงนั้นทันที

“หายตัว?” ลู่จื่อชิงก้มมองพื้น “มุดดินหนีไปหรือ? นี่มันกลอุบายแบบใดกัน?”

ทว่าก่อนที่นางจะได้เข้าใจหลักการเคลื่อนไหวนี้ พื้นดินก็พุ่งขึ้นมา แผ่นดินสั่นสะเทือน จากนั้นพลังภายในก็พุ่งออกมาจากพื้นดิน จู่โจมเข้าที่หัวใจโดยตรง

คุณชายอี้หรานกอดนางไว้ แล้วเหาะขึ้นไปกลางอากาศ

“ทางท่านเห็นผลแพ้ชนะแล้วหรือ?”

นางมองศิษย์สำนักชิงซาน ไม่มีผู้ใดลุกขึ้นมาได้ดังคาด

คุณชายอี้หรานขมวดคิ้วและกล่าวว่า “แม่นางลู่ ไม่ใช่ว่าข้าห้ามท่านเคลื่อนไหวหรือ?”

“ข้าไม่ได้เคลื่อนไหว เป็นคนอื่นที่เคลื่อนไหวก่อน ท่านจำคนแคระผู้นั้นได้หรือไม่? นึกไม่ถึงว่าเขาจะลอบโจมตีท่าน” ลู่จื่อชิงเอ่ย “คนประเภทนี้ริอ่านจะเป็นประมุขพันธมิตรยุทธภพ ถึงแม้เขาจะชนะ เกรงว่าก็คงไม่มีผู้ใดนับถือกระมัง?”

“ผู้ที่มาที่นี่ ไม่ได้อยากเป็นประมุขพันธมิตรยุทธภพทุกคน” คุณชายอี้หรานเอ่ย “มีเพียงผู้ที่ได้เป็นประมุขพันธมิตรยุทธภพเท่านั้นจึงจะได้รับตำราเคล็ดวิชากระบี่ ตำราเคล็ดวิชากระบี่เล่มนั้นตกทอดมาจากปรมาจารย์กระบี่ ดังนั้นคนจำนวนมากจึงมาที่นี่มาเพื่อตำราเล่มดังกล่าว”

“ที่แท้เป็นอย่างนี้เอง เช่นนั้นท่านเล่า? ท่านก็เหมือนกันหรือ?” ลู่จื่อชิงถาม

“ข้ามายังเขาหนึ่งกระบี่เพื่อหาของบางอย่าง” คุณชายอี้หรานกล่าว “อย่างไรเสีย หากแม่นางอยากมาร่วมสนุกก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ต้องระมัดระวัง”

“ขอบคุณคุณชายอี้หราน” ลู่จื่อชิงประกบมือขึ้นขอบคุณ

“พวกเราไปต่อเถอะ!” คุณชายอี้หรานเอ่ย “ท่านเห็นหอคอยสูงทางนั้นหรือไม่? เพียงเราไปถึงตรงนั้นก็ถือว่าถึงด่านสุดท้ายแล้ว”

“คุณชายอี้หราน พวกเราเคยพบกันมาก่อนหรือไม่?” ลู่จื่อชิงเอ่ยถาม “ข้าไม่รู้ว่าเหตุใด ข้ามักจะรู้สึกว่าคุ้นเคยกับท่านนัก”

“เสี่ยวชิงเอ๋อร์ เจ้าพูดเช่นนี้กับบุรุษทุกคนหรือ?” จี้ซ่งเฉิงถอดหน้ากากหนังมนุษย์ออก เผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริง

อย่างไรเสียที่นี่ก็ไม่มีคนรู้จักเขา ก่อนหน้านี้เขาจงใจปลอมตัว เพียงเพราะอยากจะใช้ตัวตนอื่นหยอกล้อลู่จื่อชิง ผู้ใดจะรู้ว่านางจะมองออกในแวบเดียว

ลู่จื่อชิงจำเขาได้ในแวบเดียว ภายในใจเขามีความสุขยิ่ง นั่นหมายความว่าแม้นผ่านไปหลายปี ในใจแม่สาวน้อยผู้นี้ยังมีเขา มิเช่นนั้น นางคงไม่อาจมองตัวตนเขาออกอย่างง่ายดาย

เมื่อคุณชายอี้หรานเห็นจี้ซ่งเฉิง แววตาเขาฉายความโกรธขึ้นมาแวบหนึ่ง

เขาเอ่ยกับลู่จื่อชิง “แม่นางลู่ พวกเราไปกันเถอะ!”

สิ้นคำ ไม่รอให้ลู่จื่อชิงตอบอะไร เขาก็โอบเอวนางพาเหาะไปทันที

จี้ซ่งเฉิง “…”

กว่าเขาจะตามมาทันไม่ง่ายดายเลยนะ

คนผู้นั้นกลับพาว่าที่ภรรยาเขาไปที่ใดแล้ว?

จี้ซ่งเฉิงรีบตามไป “ปล่อยเสี่ยวชิงเอ๋อร์ซะ!”

ลู่จื่อชิงถูกคุณชายอี้หรานพาเหาะไป นั่นช่วยนางได้มาก นางจึงไม่ได้สะบัดตัวออกจากอ้อมแขนเขา

“เมื่อครู่นี้ท่านสู้กับพวกเขา กำลังภายในไม่ได้รับผลกระทบหรือ?”

“ไม่นับเป็นอะไร”

“เช่นนั้น ท่านช่างร้ายกาจยิ่งนัก กล่าวกันตามหลักแล้ว ท่านอายุไม่มาก ถึงแม้จะฝึกฝนมาตั้งแต่ยังเล็ก กำลังภายในคงไม่สู้จอมยุทธ์เฒ่า แต่ท่านกลับไม่แม้กระทั่งหอบหายใจแม้เพียงนิด”

เสียงขลุ่ยไม้ไผ่หยุดพวกเขาไว้

อี้หรานพาลู่จื่อชิงร่อนลงพื้น

“เสียงนี้…”

“เพลงสะกด” คุณชายอี้หรานเอ่ย “หลังจากได้ยินเพลงนี้ ผู้ใดก็ตามที่มีปมในใจจะถูกบทเพลงชักนำเข้าสู่ห้วงปีศาจได้ง่าย”

ร่างเพรียวบางร่างแล้วร่างเล่าปรากฏกายออกมา

เป็นสตรีชาวเหมียวเหล่านั้น

ลู่จื่อชิงจดจำพวกนางได้จึงเอ่ยว่า “พวกนางมาเร็วเกินไปหรือไม่? ก่อนหน้านี้เห็นได้ชัดว่าพวกนางอยู่หลังเรา ค่ายกลและกลไกลูกธนูเหล่านั้นไม่เป็นอุปสรรคของพวกนางเลยหรือ? ไม่ถูกสิ ดูเหมือนพวกนางคุ้นเคยกับที่แห่งนี้เป็นอย่างดี หรือว่าพวกนางมาตรวจสอบที่นี่ล่วงหน้าแล้ว?”

ลู่จื่อชิงไม่รอคำตอบของคุณชายอี้หราน นางหันกลับไปมอง เห็นเพียงขาของเขาไม่มั่นคง ร่างกายกำลังโอนเอน

ลู่จื่อชิงรีบเข้าไปพยุงเขา “ท่านได้รับผลกระทบจากบทเพลงของพวกนางแล้วหรือ?”

“ท่านรีบไปเถิด” ก่อนที่เขาจะไร้สติ คุณชายอี้หรานเอ่ยกับลู่จื่อชิง “ที่นี่อันตรายมาก พวกนางไม่เพียงแต่บรรเลงเพลงสะกดได้เท่านั้น แต่ยังใช้พิษได้ด้วย”

“ท่านไม่ทอดทิ้งข้า ข้าก็ไม่ทอดทิ้งท่าน นับตั้งแต่ที่ท่านช่วยข้าไว้ครั้งแรก อีกทั้งยังช่วยข้าอีกหลาย ๆ ครั้ง พวกเราก็เป็นสหายกันแล้ว” ลู่จื่อชิงเอ่ย “พวกเราคนสกุลลู่ไม่เคยทอดทิ้งสหาย”

“เหตุใดเจ้ายังโง่เขลาเช่นนี้” คุณชายอี้หรานยิ้มอย่างขมขื่น

“อะไรนะ?”

คุณชายอี้หรานกรีดแขนตนด้วยกระบี่ ปล่อยให้เลือดไหลออกมา เพื่อให้ตนเองคงสติไว้ได้

————————————-

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

Status: Ongoing
ใครกล้าทำร้ายวายร้ายตัวน้อยทั้งสอง ภรรยาตัวร้ายอย่างข้าไม่ปล่อยไว้แน่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท