ตอนพิเศษ 226 ร้อนใจ
ตอนพิเศษ 226 ร้อนใจ
เหวินหย่ามีสายตาเฉียบคมและมือที่ฉับไว นางรีบปิดปากโม่เพียว แล้วลากตัวออกไปทันที
“อื้ออื้อ” โม่เพียวพยายามดิ้นรน ในที่สุดเหวินหย่าก็ยอมปล่อยนาง เมื่ออยู่ห่างจากห้องหลักมากกว่ายี่สิบหมี่
นางเช็ดมือที่เปื้อนน้ำลายลงบนร่างของโม่เพียวด้วยความรู้สึกขยะแขยง โม่เพียวไม่สนใจ แต่พูดด้วยความกังวลว่า “เหวินหย่า นั่น นั่น คุณหนูกำลังนอนกับว่าที่นายท่าน ไม่ได้ ข้าต้องรีบไปแยกพวกเขาออกจากกัน”
เหวินหย่าตบหน้าผากตัวเองอย่างแรง เมื่อเห็นว่าโม่เพียวกำลังจะเดินไปที่ประตูอีกครั้ง นางก็รีบดึงกลับมา “เจ้าบ้าไปแล้วหรือเปล่า?”
“ข้าบ้าตรงไหน? พวกเขาสองคนยังไม่ได้แต่งงานกันไม่ใช่หรือ? ชายหญิงคู่นี้จะหลับนอนด้วยกันเช่นนั้นไม่ได้ ไม่อาจปล่อยให้พวกเขาชิงสุกก่อนห่ามได้”
มุมปากของเหวินหย่ากระตุก “เจ้าเงียบไปเลย”
“โอ๊ะ” โม่เพียวรีบปิดปากตัวเอง แล้วกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ด้วยความระมัดระวัง
“โม่เพียว” เหวินหย่าถอนหายใจ “เนี่ยนเนี่ยนรู้ตัวเองดี ตอนนี้เนี่ยนเนี่ยนกับคุณชายใหญ่เพิ่งเลิกทะเลาะกัน และปรับความเข้าใจกันได้ หากเจ้าเข้าไปยุ่ง จะไม่เป็นการทำให้เสียเรื่องหรอกหรือ? หากกังวลว่าคนอื่นจะเห็น ก็มาคอยเฝ้าอยู่ข้างนอกเถอะ”
“แต่ว่า…” แม่ของโม่เพียวคือเยว่ซิน ผู้ให้ความสำคัญกับเรื่องเช่นนี้เสมอ
แม้ว่าหงเย่ แม่ของเหวินหย่าจะเคยรับใช้เคียงข้างฮองเฮามาก่อน แต่นางก็มีบุคลิกร่าเริงแจ่มใสและมีไหวพริบ ทั้งยังเปี่ยมไปด้วยประสบการณ์ในยุทธจักรมากมาย นางจึงมองว่าเรื่องเช่นนี้เป็นเรื่องเล็กน้อยมาก
ดังนั้นสำหรับเหวินหย่า การที่เนี่ยนเนี่ยนและไป๋หลิวอี้นอนกอดกัน ตราบใดที่ไม่มีผู้ใดมาเห็น มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่
โม่เพียวไม่อาจเอาชนะเหวินหย่าได้ วรยุทธ์ก็ไม่ดีเท่านาง พละกำลังก็ไม่แข็งแกร่งเท่านาง จึงไม่อาจโต้เถียงนางได้เลย
และครั้งล่าสุดที่นางทำผิดพลาด ก็ทำให้คุณหนูถูกจับไปขังหลายวัน นางจึงยังคงรู้สึกผิดอยู่ในใจมาก จึงไม่กล้าพูดอะไรอีก
ทำได้เพียงนั่งอยู่บนขั้นบันไดนอกห้องหลักด้วยความหงุดหงิด ไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้
นั่งเช่นนี้อยู่เกือบทั้งคืน
เนี่ยนเนี่ยนตื่นขึ้นอีกครั้งเพราะถูกปลุกด้วยเสียงฝีเท้าที่ดังมาจากด้านนอก และเสียงเคาะประตูด้วยความร้อนใจ
นางลืมตาขึ้นทันสบสายตาอ่อนโยนของไป๋หลิวอี้
ความทรงจำก่อนเข้านอนพลันท่วมท้นเข้ามาในใจนางทันที นางรีบหดคอแล้วพ่นลมหายใจเบา ๆ
ไป๋หลิวอี้หัวเราะเบา ๆ ก่อนแตะนิ้วของนาง แล้วถามว่า “หลับสบายหรือไม่?”
ควรจะตอบคำถามนี้อย่างไรดี? เนี่ยนเนี่ยนอดไม่ได้ที่จะจ้องมองเขา จากนั้นก็ขดตัวอยู่บนเตียง
“นายท่าน นายท่าน” เสียงเคาะประตูดังขึ้นทันที
เนี่ยนเนี่ยนกะพริบตา จำได้ว่าเป็นเสียงของอาเวิน
นางผลักไป๋หลิวอี้ทันที “เสียงของอาเวิน เขาน่าจะกำลังรีบร้อน เจ้าควรออกไปดู”
ไป๋หลิวอี้เลิกคิ้ว นัยน์ตาเป็นประกายยามสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของเนี่ยนเนี่ยน น้ำเสียงของนางขณะพูดกับเขา… อ่อนโยนขึ้นมาก
เขาพลิกตัวจากเตียง แล้วลุกขึ้นนั่งด้วยรอยยิ้ม “ข้าจะออกไปดู เจ้านอนต่อเถิด”
เนี่ยนเนี่ยนยังคงนอนอยู่บนเตียง ไม่ได้เอ่ยคำใด เพียงแค่กะพริบตาเป็นสัญญาณให้เขาออกไปโดยเร็ว
ไป๋หลิวอี้เดินออกจากห้องชั้นในด้วยรอยยิ้ม
เนี่ยนเนี่ยนลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก แม้ว่า… ไป๋หลิวอี้จะพูดหลายสิ่งหลายอย่างก่อนเข้านอน แต่เหตุใดนางถึงรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก? ช่างเป็นความรู้สึกที่น่าอึดอัดใจนัก นับว่าเขาเป็นคนปากหวานที่หาตัวจับยากคนหนึ่งเลย
เนี่ยนเนี่ยนถอนหายใจ ทันใดนั้น เสียงที่จงใจลดระดับลงก็ดังขึ้นข้างนอก “เจ้าว่าอย่างไรนะ?”
เนี่ยนเนี่ยนตกตะลึง นางรู้ว่านั่นคือเสียงของไป๋หลิวอี้ แม้ว่าจะพยายามลดเสียงให้เบาลงแล้ว แต่ก็ยังคงสัมผัสได้ถึงความตกใจในน้ำเสียง
นางอดตกตะลึงไม่ได้ ไป๋หลิวอี้มักสงบนิ่งและมีสติเสมอ อะไรทำให้เขาตกใจมากถึงเพียงนี้?
เนี่ยนเนี่ยนหันไปมอง เปลวเทียนที่อยู่ไม่ไกลยังคงสั่นระริก และด้านนอกก็ยังมืดสนิท
ยังไม่ย่ำรุ่ง…
อาเวินกระวนกระวาย…
ไป๋หลิวอี้ตื่นตระหนก…
ต้องมีเรื่องเกิดขึ้นเป็นแน่!!!
เนี่ยนเนี่ยนตลบผ้าห่มลุกออกจากเตียงทันที ก่อนจะคว้าเสื้อนอกที่อยู่ข้าง ๆ มาสวมใส่ แล้วรีบวิ่งออกไป
ทันทีที่เดินออกมาจากห้องชั้นใน นางก็เกือบจะชนเข้ากับไป๋หลิวอี้
ไป๋หลิวอี้มีสายตาเฉียบคมและมือที่ฉับไว จึงคว้าเอวนางไว้ได้อย่างรวดเร็ว แล้วช่วยพยุงนางให้ยืนตรง
เมื่อเนี่ยนเนี่ยนเงยหน้าขึ้น ก็เห็นสีหน้าเคร่งขรึมและเย็นชาของเขา
เขามองนางด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้ามีเรื่องต้องออกไปทำ เจ้าอยู่ในจวนอย่างเชื่อฟัง อย่าไปไหน รอข้ากลับมา”
หลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็หันหลังเดินจากไป เนี่ยนเนี่ยนไม่อาจรั้งเขาไว้ได้ แม้ว่าจะต้องการก็ตาม
“เฮ้…” เนี่ยนเนี่ยนรีบเดินไปอีกสองสามก้าว แต่ก็มองเห็นเพียงแผ่นหลังของเขากับอาเวินอยู่ไกล ๆ
คิ้วของนางแทบจะขมวดเป็นปม เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?
“เหวินหย่า” เนี่ยนเนี่ยนเรียกเหวินหย่าทันที “ตอนที่อาเวินมาที่นี่ เขาได้บอกอะไรหรือเปล่า?”
เหวินหย่าส่ายหน้า “ไม่ได้บอก ข้าแค่รู้สึกว่าสีหน้าอาเวินแปลกไป เส้นประสาททั่วกายเขาตึงเครียดไปหมด”
เนี่ยนเนี่ยนเม้มปาก “ต้องมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นแน่ เจ้าลองไปถามดูสิว่าเกิดอะไรขึ้น?”
“ได้” เหวินหย่าพยักหน้า แล้วหันไปสั่งโม่เพียวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ว่า “เจ้าคอยอยู่ข้างเนี่ยนเนี่ยนไว้ ไม่อนุญาตให้ไปไหนทั้งนั้น”
โม่เพียวพยักหน้าอย่างจริงจัง “ข้าเข้าใจแล้ว”
เหวินหย่าจากไปอย่างรวดเร็ว เนี่ยนเนี่ยนกลับไปที่ห้อง แต่ไม่อาจนั่งนิ่งได้ นางเดินไปรอบ ๆ ห้อง ยิ่งทำให้โม่เพียวรู้สึกร้อนใจขึ้นกว่าเดิม
“คุณหนู ดื่มน้ำก่อนเจ้าค่ะ” โม่เพียวรินน้ำให้นางหนึ่งแก้ว
เนี่ยนเนี่ยนกลืนน้ำลงคอ ความเย็นทำให้นางตื่นตัวขึ้นมากทันที ทั้งยังทำให้สงบลงด้วย
นางผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ ในที่สุดก็นั่งลงพักผ่อน
เหวินหย่ากลับมาหลังจากนั้นไม่นาน แต่ไม่ได้ข่าวคราวใด ๆ เลย “เนี่ยนเนี่ยน เรือนของซูกั๋วกงมีความเคลื่อนไหว ข้าเพิ่งเห็นซูกั๋วกงรีบสวมเสื้อคลุมออกจากจวนไป ข้าถามหัวหน้าไป๋แล้ว แต่หัวหน้าไป๋ก็ดูงุนงงเช่นเดียวกัน ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น”
“ท่านลุงก็ลุกออกจากจวนด้วยงั้นหรือ?” เนี่ยนเนี่ยนประหลาดใจ
เหวินหย่าพยักหน้า “หรือว่าจะให้ข้าออกไปดูนอกจวน?”
“เช่นนั้นก็ระวังตัวด้วย ตอนนี้อยู่ในภาวะวิกฤติ อย่าไปไกลเกินไป” เนี่ยนเนี่ยนอยากจะออกไปนอกจวนเพื่อสอบถามเรื่องนี้ แต่เมื่อคิดว่าเจ้านายสองคนของจวนออกไปแล้ว หางตาของนางก็กระตุก จึงไม่กล้าออกจากจวนง่าย ๆ
เหวินหย่าหันหลังกลับไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะกระโดดขึ้นไปบนหลังคา แล้วกระโจนออกจากกำแพงไป
เนี่ยนเนี่ยนขมวดคิ้วและกลับไปที่ห้องชั้นใน ไป๋หลิวอี้จากไปแล้ว แม้แต่ซูกั๋วกงก็จากไปด้วย แสดงว่าต้องมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น
เป็นไปได้หรือไม่ว่า… มีบางอย่างเกิดขึ้นในวังหลวง? เสด็จตาหรือ? หรือว่าเสด็จลุง?
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ใบหน้าของเนี่ยนเนี่ยนก็เคร่งเครียดขึ้น
แต่นางรู้สึกว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ หากมีอะไรเกิดขึ้นกับพวกเขาจริง ไป๋หลิวอี้ก็คงจะพานางไปกับเขาด้วย
สองในสี่ชั่วยามต่อมา เหวินหย่ากลับมาอีกครั้ง เหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ผุดขึ้นเต็มหน้าผากนาง สีหน้าของนางหดหู่และซีดเซียว
นางเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าเนี่ยนเนี่ยน “เนี่ยนเนี่ยน…”
………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันน่ะ ทำไมดูเป็นเรื่องร้ายแรงขนาดนี้
ไหหม่า(海馬)