หนึ่งเซียนยากเสาะหา – ตอนที่ 422 วัตถุศักดิ์สิทธิ์ปรากฏบนโลก

หนึ่งเซียนยากเสาะหา

ตอนที่ 422 – วัตถุศักดิ์สิทธิ์ปรากฏบนโลก

 

    ร้านสุราของเมืองกุ่ยฟางกับร้านสุราของเมืองของผู้ฝึกเซียนสายธรรมะไม่ได้มีอันใดแตกต่างกันเลย ฝูงชนพลุกพล่านเหมือนกัน ผู้ฝึกตนระดับต่ำไป ๆ มา ๆ เหมือนกัน พวกเขาหัวเราะพูดคุยแลกเปลี่ยนข่าวสารเสียงดังกันที่นี่

    สำหรับผู้ฝึกตนระดับต่ำส่วนใหญ่ พวกเขาเข้าประตูสำนักไม่ได้ ไม่มีทางติดต่อกับผู้ฝึกตนระดับสูงพวกนั้น ไม่อาจได้รับคำชี้แนะ ดังนั้น พวกเขายิ่งเห็นความสำคัญของการสนทนาระหว่างผู้ฝึกตน รับข้อมูลการฝึกตนอื่น ๆ จากผู้ฝึกตนร่วมระดับ ต่างฝ่ายต่างแลกเปลี่ยนสิ่งที่ตนเองไม่มี

    เมืองฝึกเซียนแห่งหนึ่งจะต้องได้รับการสนับสนุนกำลังของผู้ฝึกตนระดับสูง แต่ก็ต้องให้ผู้ฝึกตนระดับต่ำเหล่านี้นิยม เช่นนี้จึงสามารถเจริญรุ่งเรือง

    “เซียนท่านนี้ ยินดีต้อนรับขอรับ โปรดนั่งด้านนี้” บนร้านสุรา เสี่ยวเอ้อผู้ต้อนรับผู้ฝึกตนโดยเฉพาะทักทายผู้ฝึกตนสตรีนางหนึ่งที่เพิ่งจะย่างเข้าร้านสุราอย่างกระตือรือร้นถึงสิบส่วน ชักนำไปนั่งบนที่นั่ง 

    เสี่ยวเอ้อนี้ถึงจะเป็นปุถุชน แต่อยู่ในสถานที่พ้นโลกีย์มานานแล้ว ฝึกสายตามาเป็นอย่างดี มองปราดแรกเห็นลักษณะของผู้ฝึกตนสตรีนางนี้ก็รู้ว่าเป็นผู้ฝึกตนสายธรรมะ ถามด้วยสีหน้าตั้งอกตั้งใจว่า “ท่านเซียนต้องการอะไรขอรับ พวกเรามีชาวิญญาณชั้นเลิศ สุราวิญญาณที่ผลิตจากผลไม้วิญญาณ ยังมีอาหารที่ปรุงจากอสูรวิญญาณ……”

    “ชาหนึ่งป้าน เอาผลไม้แห้งอีกไม่กี่จานก็พอ” ผู้ฝึกตนสตรีตอบเรียบ ๆ

    “ขอรับ ๆ ท่านโปรดรอสักครู่” เสี่ยวเอ้อโค้งคำนับซ้ำ ๆ ไม่ทันไรก็นำชาวิญญาณและผลไม้แห้งมาวางบนโต๊ะ “ท่านเซียนโปรดชิม หากมีธุระแค่เรียกก็พอ”

    ผู้ฝึกตนสตรีพยักหน้า หยิบชาวิญญาณขึ้นมาจิบหนึ่งคำ หัวคิ้วกลับขมวดเล็กน้อย คล้ายกับว่าไม่พอใจชาวิญญาณนี้เลย ก็ใช่ ร้านสุราที่รับรองผู้ฝึกตนระดับต่ำทั่วไปในแดนมาร จะมีชาวิญญาณที่ดีอะไรมาจากที่ไหน?

    ร้านสุราแห่งนี้อันที่จริงแล้วมีชื่อเสียงยิ่งในเมืองกุ่ยฟาง แค่เช้าตรู่ ที่นั่งชั้นสองซึ่งรับรอบผู้ฝึกตนโดยเฉพาะก็เต็มไปเจ็ดแปดส่วนแล้ว  เมื่อเห็นผู้ฝึกตนสตรีนี้เข้ามา ผู้ฝึกตนคนอื่นหันเหสายตามาบนร่างของนางครู่หนึ่งไม่มากก็น้อย

    พวกเขาประพฤติเช่นนี้ หนึ่งเป็นเพราะผู้ฝึกตนสตรีในหมู่ผู้ฝึกตนอิสระมีไม่มาก อย่าว่าแต่ที่นี่เป็นแดนมาร สตรีนางนี้กลับเป็นผู้ฝึกเต๋า สองเป็นเพราะว่าสตรีนางนี้เห็นชัด ๆ ว่าพลังสภาวะรอบกายไม่แข็งแกร่ง พวกเขากลับสัมผัสระดับการฝึกตนที่แท้จริงของนางไม่ได้ ช่างประหลาดจริง ๆ

    แต่ทว่า ไม่ว่าพวกเขาจะดูอย่างไร ผู้ฝึกตนสตรีนางนี้ยังคงจิบชาอยู่คนเดียวเงียบ ๆ ก้มศีรษะมองดูบนโต๊ะ ราวกับว่าไม่สนใจสิ่งรอบตัวเลยสักนิด

    เห็นดังนี้แล้ว เหล่าผู้ฝึกตนโดยรอบกลับมาพูดคุยหัวเราะกันต่ออย่างรวดเร็ว

    ในแดนมาร ถึงผู้ฝึกเต๋าระดับต่ำจะไม่มาก แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มี อย่างในร้านสุรานี้ก็มีสามคนห้าคน ไม่ได้นับว่าแปลกประหลาด อีกอย่าง พวกเขาผู้ฝึกตนระดับต่ำเหล่านี้ วัน ๆ ยุ่งกับการฝึกตน ไหนเลยจะมีเวลาว่างมายุ่งเรื่องของคนอื่นมากมาย?

    ผู้ฝึกตนสตรีนี้ย่อมเป็นโม่เทียนเกอ

    หลังจากบอกลาเนี่ยอู๋ชางอย่างเรียบง่าย นางก็เก็บข้าวของแล้วออกจากถ้ำพำนักชั่วคราวแห่งนั้น

    ไม่ได้ปรากฏตัวบนโลกมนุษย์มาหลายปี มองดูเมืองกุ่ยฟางอันมีผู้คนคึกคัก นางอดอยากนั่งท่ามกลางฝูงชนสักหน่อยไม่ได้ สัมผัสถึงลมปราณอันแปรปรวนของถิ่นธุลี

    การฝึกเซียนเป็นเรื่องอันโดดเดี่ยว ระดับการฝึกตนยิ่งสูงยิ่งเป็นเช่นนี้ คนคนหนึ่งกักตนในถ้ำพำนัก ฝึกฝนปรับลมหายใจทั้งวันทั้งคืน หยั่งรู้ถึงหลักการเร้นลับอย่างขมขื่น พริบตาเดียว สามปีห้าปี สิบปียี่สิบปี ก็ผ่านพ้นไปอย่างนี้แล้ว หากมิใช่คนที่มีจิตเต๋ามั่นคง จะสามารถบากบั่นต่อไปได้อย่างไร แม้แต่โม่เทียนเกอที่พอใจกับความโดดเดี่ยว กักตนนาน ๆ แล้ว ก็ยังเลี่ยงไม่ได้ที่จะเบื่อหน่ายเหงาหงอย

    นั่งเล่นผ่อนคลายอยู่พักหนึ่ง ในระหว่างนั้นมีผู้ฝึกตนสายธรรมะจำนวนหนึ่งมาหาเรื่องสนทนากับนาง แต่ว่า โม่เทียนเกอในวันนี้ไม่ได้มีอารมณ์จะโอภาปราศรัยกับผู้อื่น เพียงพูดสั้น ๆ ไม่กี่คำ คนอื่นเห็นนางไม่อยากคุยอย่างยิ่งก็ไม่ได้มารบกวนอีก

    เสียงในร้านสุราค่อนข้างเอะอะ สำหรับผู้ฝึกตนระดับต่ำที่ไม่มีสำนักอาจารย์ การสนทนาแลกเปลี่ยนระหว่างผู้ฝึกตนร่วมระดับชั้นเป็นแหล่งข้อมูลของพวกเขา ถึงสิ่งที่พวกเขาพูดไม่จำเป็นว่าจะตั้งใจ แต่โม่เทียนเกอกลับฟังอย่างมีความสุขมาก

    ขณะกำลังฟังข่าวเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างมีรสชาติ ทันใดนั้นได้ยินผู้ฝึกมารคนหนึ่งที่โต๊ะข้าง ๆ กล่าวว่า “สหายเต๋าทั้งสอง จ้ายเซี่ยก่อนที่จะมาเมืองกุ่ยฟาง ได้ยินว่าเมืองกุ่ยฟางมีผู้ฝึกตนที่ระดับการฝึกตนสูงส่งลึกล้ำมากมาย เหตุใดข้ามาได้หนึ่งเดือนแล้วก็ไม่เห็นผู้อาวุโสระดับก่อเกิดตานเลยสักคนเล่า” 

    ผู้ฝึกตนคนนี้ถามอย่างนี้ ในสถานที่อื่น ๆ อาจจะทำให้คนรู้สึกประหลาดใจมาก ผู้ฝึกตนก่อเกิดตานจะสามารถพบเจอง่ายดายปานนั้นได้อย่างไรกัน แต่ที่เมืองกุ่ยฟางกลับไม่ประหลาดสักนิด เมืองกุ่ยฟางเดิมเป็นหนึ่งในแดนมารที่ใหญ่ที่สุด ไม่เพียงประมุขมารกุ่ยฟางมีลูกน้องผู้ฝึกตนก่อเกิดตานมากยิ่ง ยังมีผู้ฝึกตนมากมายพำนักที่เมืองกุ่ยฟาง พวกเขาผู้ฝึกตนระดับต่ำเหล่านี้ถึงจะไม่อาจเข้าไปพูดคุย แต่หากเพียงแค่เห็น ๆ กัน โอกาสกลับเยอะมาก

    ผู้ที่ร่วมโต๊ะกับผู้ฝึกมารนี้มีสองคน คนหนึ่งเป็นชายหนุ่มที่ใบหน้ามีรอยแผลเป็นจากคมมีด อีกคนหนึ่งกลับเป็นชายชราแห้งเหี่ยว

    เมื่อได้ยินคำถามนี้ ชายชรานั้นยังคงจิบชาอย่างออกรสออกชาติ ชายหนุ่มอีกคนกลับยิ้มเอ่ยขึ้นมาทันทีว่า “พี่เหยียนไม่รู้เสียแล้ว หากท่านมาเมืองกุ่ยฟางยามปกติ อยากเห็นผู้ฝึกตนก่อเกิดตานมันง่ายเสียยิ่งว่าง่าย แต่ตอนนี้จังหวะไม่ดี อย่าว่าแต่เมืองกุ่ยฟางเรา ผู้อาวุโสก่อเกิดตานของแดนมารอื่นก็เกรงว่าไม่อยู่ในเมืองเช่นกัน”

    “อ้อ?” ผู้ฝึกมารที่ถูกเรียกว่าพี่เหยียนตะลึง “จังหวะอะไร เกิดเรื่องใหญ่อะไรหรือ”

    “เรื่องใหญ่ เรื่องใหญ่มาก” ชายหนุ่มที่มีแผลเป็นส่ายจอกสุราในมือ กินอาหารที่ปรุงจากเนื้ออสูรมารอีกหนึ่งคำแล้วจึงกล่าวต่อว่า “พี่เหยียนระยะใกล้ ๆ นี้คิดว่าจะต้องไม่ได้มายังสถานที่ประเภทนี้สักเท่าใดกระมัง เรื่องนี้นั้น อย่าว่าแต่เมืองกุ่ยฟางเรา ทั่วทั้งพิภพผู้ฝึกมารแทบจะไม่มีคนที่ไม่รู้เลย!”

    ได้ยินโดยบังเอิญมาถึงตรงนี้ โม่เทียนเกออดเงี่ยหูขึ้นมาไม่ได้ พิภพผู้ฝึกมารเกิดเรื่องใหญ่แล้วหรือ เกี่ยวพันกับผู้ฝึกตนก่อเกิดตานมากขนาดนี้ จะเป็นเรื่องแบบใดกัน

    “สหายเต๋าต้วน ท่านอย่าอมพะนำเลย สรุปว่าเป็นเรื่องอะไร ข้าคนนี้ใจร้อนนะ!”

    “ฮี่ฮี่!” ชายหนุ่มที่มีแผลเป็นหัวเราะสองคำ กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของผู้ฝึกมารแซ่เหยียนพอแล้วจึงพูดว่า “พี่เหยียนเคยได้ยินถึงอาวุธเวทชิ้นหนึ่งที่เรียกว่าเจดีย์มารสวรรค์ไหม”

    เจดีย์มารสวรรค์? นี่เป็นวัตถุใด ฟังจากน้ำเสียงนี้ คล้ายจะเป็นอาวุธเวทที่ยอดเยี่ยมเลย! โม่เทียนเกอที่ไม่ได้รู้จักอวิ๋นจงนักในใจเต็มไปด้วยความสงสัย

    “เจดีย์มารสวรรค์?” ผู้ฝึกมารแซ่เหยียนทวนหนึ่งคำ สีหน้าตอนแรกสับสน จากนั้นแดงก่ำ มีแววตื่นเต้น “เจดีย์มารสวรรค์ อาวุธเวทที่แกร่งกล้าที่สุดของจอมมารเทียนเย่าเมื่อหลายหมื่นปีก่อน วัตถุศักดิ์สิทธิ์สายมารเจดีย์มารสวรรค์?!”

    “มิผิด!” เห็นอีกฝ่ายเดาออกทันที ชายหนุ่มที่มีแผลเป็นพึงพอใจยิ่ง “นอกจากเจดีย์มารสวรรค์ชิ้นนี้ยังมีสิ่งของอะไรที่สามารถทำให้เหล่าผู้อาวุโสที่นัยน์ตางอกอยู่บนศีรษะพวกนั้นใส่ใจเช่นนี้เล่า”

    ชายหนุ่มคนนี้พูดได้เพียงครึ่งเดียว ผู้ฝึกมารแซ่เหยียนก็ถามอีกอย่างเร่งรีบว่า “สรุปว่าเกิดอะไรขึ้น สหายเต๋าต้วน ท่านก็บอกข้าเถอะ!”

    “เรื่องนี้ ยังคงให้เหล่าฟูพูดเถอะ” ชายชราที่ไม่ได้พูดจามาโดยตลอดเปิดปาก ระดับการฝึกตนของเขาเทียบกับอีกสองคนแล้วสูงกว่าหน่อย หลอมรวมพลังวิญญาณขั้นสิบแล้ว แล้วดูอายุของเขา คิดว่าจะความรู้ก็จะต้องสูงยิ่ง ดวงตาทั้งคู่ทอประกายวาววับ เห็นแวบแรกเป็นชนชั้นเฉลียวฉลาด

    “เรื่องราวต้องพูดถึงเมื่อสองปีก่อน” ชายชรานี้เอ่ยปากอย่างเชื่องช้า “ประมาณสองปีก่อน ไม่ใช่แค่เมืองกุ่ยฟางเรา ทั่วทั้งพิภพผู้ฝึกมารล้วนมีข่าวลือแพร่สะพัดว่าเจดีย์มารสวรรค์ปรากฏบนโลกมนุษย์อีกครั้ง เจดีย์มารสวรรค์เป็นสมบัติเช่นไร สหายเต๋าเหยียนก็รู้ พวกเราผู้ฝึกมารบูชาผู้ฝึกตนที่พลังกล้าแข็งที่สุดเป็นที่สุด จอมมารเทียนเย่าเป็นผู้ฝึกมารที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ของอวิ๋นจงอย่างไร้ซึ่งข้อกังขาสักนิด เจดีย์มารสวรรค์ในมือเขา เป็นสิ่งที่ปีนั้นรวบรวมพลังของสิบประมุขมารใหญ่ที่แข็งแกร่งที่สุดของสายมารมาหลอมสร้างด้วยสมบัติสายมารต่าง ๆ นานาจนแล้วเสร็จ พูดได้ว่าเป็นอาวุธเวทอันดับหนึ่งของพวกเราผู้ฝึกมาร ด้วยเหตุนี้ก็เลยได้รับการเรียกขานเป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์สายมาร……”

    ชายชรานี้เล่าที่มาของเจดีย์มารสวรรค์คร่าว ๆ หนึ่งรอบ คลายข้อสงสัยของโม่เทียนเกอพอดี

    จอมมารเทียนเย่าผู้นี้ นางเคยได้ยินมาก่อน แต่นางไม่ได้รู้สึกสนใจเรื่องของผู้ฝึกมารมากนัก เพียงทราบว่าคนผู้นี้เป็นผู้ฝึกตนสายมารที่ผู้ฝึกตนอวิ๋นจงยอมรับว่าแกร่งที่สุด แม้ว่าจะหายสาบสูญไปหลายหมื่นปีแล้ว พลังสายมารที่หลงเหลือในอวิ๋นจงยังคงอยู่ อีกทั้ง ยังเป็นผู้ฝึกตนสายมารหนึ่งเดียวที่ได้รับฉายานามว่าจอมมาร

    ฟังจากความหมายในวาจาของชายชราผู้นี้ เจดีย์มารสวรรค์ชิ้นนี้เป็นอาวุธเวทที่แข็งแกร่งที่สุดในมือจอมมารเทียนเย่า แล้วยังได้รับการเรียกขานว่าวัตถุศักดิ์สิทธิ์สายมาร น่าจะยอดเยี่ยมถึงสิบส่วน เพียงแต่ จอมมารเทียนเย่าผู้นี้หายสาบสูญไปจากโลกมาหลายหมื่นปีแล้ว อาวุธเวทนี้ยังสมบูรณ์ดีอยู่หรือ

    ความคิดหันเหมาถึงตรงนี้ โม่เทียนเกอคิดถึงกระบี่ฝูเซิงที่ตนเองได้มาโดยบังเอิญเมื่อหลายปีก่อนขึ้นมาอีก ฝูเหยาจื่อนั่นก็เป็นผู้ฝึกตนหลายหมื่นปีก่อน อาวุธเวทชิ้นนี้ของเขายังถูกกัดกร่อนที่แดนมารมาหลายหมื่นปี กลับยังคงมีพลังเหลืออยู่เยี่ยงนั้น หากเจดีย์มารสวรรค์นี้เก็บรักษาเป็นอย่างดีในสถานที่เฉพาะมาโดยตลอด อาจจะยังสมบูรณ์ดุจเดิมจริง ๆ

    “……เรื่องนี้ เราผู้ฝึกตนหลอมรวมพลังวิญญาณล้วนได้ยินมา ดังนั้นพวกเราล้วนเชื่อว่าเป็นเพียงข่าวโคมลอยเท่านั้น ไม่อย่างนั้น ข่าวอย่างนี้ ไหนเลยพวกเราจะสามารถรู้ได้? ใครจะรู้ว่า เมื่อหลายเดือนก่อน เล่าผู้อาวุโสระดับสูงของเมืองกุ่ยฟางเราทยอยออกมาเคลื่อนไหว พวกเราจึงได้รู้ว่า เรื่องนี้ไม่ได้เป็นแค่ข่าวลือ ตอนนี้เหล่าผู้อาวุโสระดับก่อเกิดตานขึ้นมาทั่วทั้งพิภพผู้ฝึกมารแทบจะไปเสาะหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นี้กันหมด”

    “อ้อ ที่แท้เป็นเช่นนี้……” ผู้ฝึกมารแซ่เหยียนฟังจบ เดาะลิ้นอย่างอัศจรรย์ใจ “ตำนานบอกว่า หลังจากจอมมารสำเร็จกลายเป็นเทพก็หายสาบสูญไปจากโลกหล้า เจดีย์มารสวรรค์ก็ไร้ร่องรอยไปพร้อมกัน นี่มันกี่หมื่นปีแล้ว วัตถุศักดิ์สิทธิ์สายมารชิ้นนี้ถึงกับปรากฏบนโลกขึ้นมาใหม่หรือ นี่ก็มหัศจรรย์เกินไปแล้ว!”

    “ใครว่าไม่ใช่ล่ะ!” ชายหนุ่มที่มีแผลเป็นกินผลไม้แห้งพลาง กล่าวพลางว่า “น่าเสียดาย พวกเราระดับการฝึกตนต่ำเกินไป วัตถุศักดิ์สิทธิ์ปรากฏบนโลกก็ไม่ใช่เรื่องของพวกเรา เฮ้อ ถ้าช้าไปสักไม่กี่ร้อยปี……”

    “ช้าไปไม่กี่ร้อยปี ท่านก็ไม่แน่ว่าจะก่อเกิดตานทองคำสำเร็จ ถึงท่านจะก่อเกิดตานทองคำ วัตถุศักดิ์สิทธิ์นี้ก็เกรงว่าจะแย่งมาไว้ในมือไม่ได้” ชายชราแทะถั่วช้า ๆ พูดว่า “ครั้งนี้ถึงแม้ว่าเหล่าผู้อาวุโสก่อเกิดตานพวกนั้นล้วนเคลื่อนไหว แต่จากที่ข้าเห็น ผู้ที่สามารถเข้าร่วมการแย่งชิงได้ในท้ายที่สุดก็มีเพียงประมุขมารใหญ่ทั้งสามเท่านั้น”

    ชายหนุ่มที่มีแผลเป็นพยักหน้าเห็นด้วย “ใช่แล้ว ไม่ต้องพูดถึงผู้อาวุโสก่อเกิดตาน ในผู้อาวุโสจิตวิญญาณใหม่เหล่านั้น ความแข็งแกร่งด้อยกว่าสักเล็กน้อยก็เกรงว่าจะไม่มีโอกาสแล้ว เหอ ๆ วัตถุศักดิ์สิทธิ์ของสายมารเรา แน่นอนว่าจะตกอยู่ในมือผู้ฝึกมารที่แข็งแกร่งที่สุด คนอื่นได้แค่ชมดูความครึกครื้น”

    “มิผิด หวังว่าเจ้าเมืองพวกเราจะสามารถชิงวัตถุศักดิ์สิทธิ์มาได้ อย่างนี้ ภายภาคหน้าเมืองกุ่ยฟางของพวกเราก็จะกลายเป็นแดนมารอันดับหนึ่ง ถึงเวลาผู้ฝึกตนเล็ก ๆ อย่างพวกเราก็ได้รับผลประโยชน์มากมายเลย!”

    ผู้ฝึกมารไม่กี่คนนี้พูดอีกไม่กี่คำ หัวข้อสนทนาก็หันเหไปยังเรื่องอื่น วัตถุศักดิ์สิทธิ์สายมารปรากฏบนโลก สำหรับพิภพผู้ฝึกมารทั้งหมดย่อมเป็นเรื่องใหญ่ แต่สำหรับพวกเขาเหล่าผู้ฝึกตนเล็ก ๆ ก็เป็นเพียงหัวข้อพูดคุยในยามซุบซิบเท่านั้น

    โม่เทียนเกอครุ่นคิดครู่หนึ่ง เรียกเสี่ยวเอ้อมาคิดเงิน ออกจากร้านสุรา

    เรื่องนี้ ดูโดยผิวเผินแล้วไม่เกี่ยวข้องกับนาง แต่ว่า คิดอย่างละเอียดแล้วกลับไม่แน่ว่าจะเป็นเช่นนี้

    วัตถุศักดิ์สิทธิ์สายมารปรากฏบนโลก ชักนำให้ทั้งพิภพผู้ฝึกมารเคลื่อนไหว และที่อวิ๋นจง ผู้ฝึกฝนในประเภทต่าง ๆ ถึงจะมีแว่นแคว้นแบ่งแยก แต่ล้วนคลุกคลีอยู่ร่วมกัน สายมารพอขยับ เต๋า, ขงจื้อ, พุทธสามพิภพก็จะต้องขยับตาม ดูท่า นางต้องจัดการธุระให้เสร็จเร็วหน่อยแล้วไปจากอวิ๋นจงแล้ว 

……………….. 

 

ตอนที่ 423 – ความวุ่นวายที่ส่งผลต่ออวิ๋นจง

 

หนึ่งเซียนยากเสาะหา

หนึ่งเซียนยากเสาะหา

Status: Ongoing
ในฐานะผู้ฝึกตนหญิง ถนนสู่อมตะต้องฟันฝ่าอุปสรรคมากมายนัก คุณสมบัติ, วิชา, ยา, อาวุธเวท ล้วนไม่อาจขาดสักสิ่ง อารมณ์, ความอ่อนแอ, ความเมตตา, ความโลภ ล้วนไม่อาจมากสักสิ่ง ไม่มีของสิ่งแรก การฝึกจะช้าเกินไป ของสิ่งหลังมาก จะตายเร็วเกินไป ยิ่งไปกว่านั้น หน้าตาต้องไม่มากไม่น้อย สติปัญญาต้องไม่มากไม่น้อย งดงามเกินไปย่อมจะถูกผู้ฝึกตนระดับสูงบังคับไปเป็นอนุ อัปลักษณ์เกินไปพบปะผู้คนจะถูกรังเกียจชนกำแพงไปทุกที่ ฉลาดเกินไปจะกลายเป็นนกโผล่หัวที่ถูกตี โง่เกินไปถูกขายแล้วยังช่วยคนนับเงิน ม่อเทียนเกอนึกว่าอย่างไหน ๆ ล้วนสามารถทำได้ แต่ดันมีเรื่องน่าตายเพิ่มขึ้นมาหนึ่งอย่าง ถนนเซียนสายนี้ จะเดินทางอย่างสงบสุขได้อย่างไร

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท