หนึ่งเซียนยากเสาะหา – ตอนที่ 434 เมืองเล็กชายทะเล

หนึ่งเซียนยากเสาะหา

ตอนที่ 434 – เมืองเล็กชายทะเล

 

    การมาเยือนของหยางเฉิงจีโดยพื้นฐานแล้วเป็นการแสดงทัศนคติของประมุขมารกุ่ยฟาง วัตถุศักดิ์สิทธิ์สำนักพุทธไม่ได้อยู่บนมือโม่เทียนเกอแล้ว พวกนางสองคนไม่มีค่าเลยสำหรับประมุขมารกุ่ยฟาง ในเมื่อหยางเฉิงจีไม่พูดอะไร พวกนางน่าจะไม่มีความยุ่งยากอีก

    โม่เทียนเกอถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ไม่ได้วางใจโดยสิ้นเชิง บนตัวนางยังมีกระบี่ฝูเซิง จะต้องรีบซ่อนร่องรอยโดยเร็วที่สุดก่อนที่คนอื่นจะทราบ

    เนี่ยอู๋ชางก็เข้าใจจุดนี้ รีบสอนทักษะปลอมตัวให้นาง แล้วนอกจากนี้ยังถ่ายทอดทักษะแปลงลักษณ์ให้นาง ทักษะแปลงลักษณ์ที่เรียกกันนี้อันที่จริงแล้วเป็นทักษะมายาชนิดหนึ่ง วิชาเวทประเภทนี้ผู้ที่ชำนาญถึงขนาดสามารถซ่อนจากผู้ฝึกตนระดับสูง แต่เนี่ยอู๋ชางระบุว่า ในเมื่อเป็นวิชาเวท เช่นนั้นก็สามารถถูกทำลาย ตัวนางถึงจะเรียกว่าอยู่ระดับสูง แต่คาดว่าจะปิดบังผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ขั้นปลายไม่ได้

    ด้วยเหตุนี้ เนี่ยอู๋ชางอธิบายกับนางเป็นพิเศษว่า ศึกษาทักษะปลอมตัวให้เร็วที่สุดจะดีที่สุด วิธีที่หยาบที่สุดก็เป็นวิธีที่ทำลายยากที่สุด ถ้านางสามารถแต่งตัวเลียนแบบได้อย่างสมบูรณ์แบบ จิตหยั่งรู้ของคนอื่นจะแข็งแกร่งอีกแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์

    โม่เทียนเกอรับคำไปทีละอย่าง จากนั้นบอกลาเนี่ยอู๋ชาง ออกจากเมืองกุ่ยฟางเงียบ ๆ

    แน่นอนว่า เงียบ ๆ ที่ว่านี้ ทางประมุขมารกุ่ยฟางจะต้องรู้ เพียงแต่นางในปัจจุบันนี้ไม่มีประโยชน์ ไม่มีใครมาขัดขวาง

    ออกจากเมืองกุ่ยฟางอย่างเปิดเผย เหาะไปทิศตะวันออกหลายร้อยลี้ เข้าไปในเทือกเขาอันสลับซับซ้อนของอาณาจักรเป่ยหลิน ที่นี่ไม่มีเส้นเลือดวิญญาณอันโดดเด่น ยิ่งไม่มีปราณมารอันเข้มข้น นอกจากผู้ฝึกตนระดับต่ำจำนวนน้อยก็ไม่มีคนตั้งถิ่นฐานเลย

    โม่เทียนเกอเฝ้าดูด้านหลังตนเองอย่างละเอียด ไม่ได้ค้นพบร่องรอยของผู้อื่น จึงเข้าไปในโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือน ปลอมตัวดี ๆ ตามที่เนี่ยอู่ชางบอก

    รั้งอยู่ในโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือนหลายวัน ถึงแม้ว่าจะมีคนตามรอยอยู่จริง ๆ ก็น่าจะไปแล้ว โม่เทียนเกอจึงได้ออกจากโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือน

    เวลานี้ นางมีรูปลักษณ์เป็นบัณฑิตรุ่นเยาว์แล้ว

    ถึงแม้เนี่ยอู๋ชางจะบอกว่าทักษะมายาของนางปิดผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ขั้นปลายไม่ได้ แต่โม่เทียนเกอยังคงใช้ทักษะมายา ประการที่หนึ่ง รูปร่างนางเตี้ยกว่าเนี่ยอู๋ชางอยู่บ้าง นี่กำหนดให้นางปลอมเป็นบุรุษแล้วจะง่ายต่อการถูกผู้คนกังขา ส่วนการปลอมเป็นสตรีก็ไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ ประการที่สอง นางมีป้ายซ่อนวิญญาณกับตัว สิ่งของนี้เหมาะกับทักษะมายา ไม่จำเป็นว่าจะไม่สามารถปิดบังผู้ฝึกตนระดับสูง

    อีกอย่าง ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ขั้นปลายประดุจขนหงส์เขากิเลน เทียนจี๋มีแค่สี่ห้าคน ถึงอวิ๋นจงจะใหญ่กว่าเทียนจี๋มาก มากที่สุดก็ประมาณสิบคน จะบังเอิญไปพบเจอได้หรือ ขอเพียงนางไม่หลุดปากเรื่องของกระบี่ฝูเซิง ถึงจะอยากเจอคนอื่นก็จะไม่เจอนาง

    หลังใช้มายา โม่เทียนเกอเดินอาด ๆ ออกจากเทือกเขาอาณาจักรเป่ยหลิน เข้าไปในตลาด

    นางไม่ได้ซ่อนระดับการฝึกตน ถึงแม้ว่าผู้ฝึกตนก่อเกิดตานที่อวิ๋นจงก็เป็นผู้ฝึกตนระดับสูง แต่ไม่นับว่าหายาก เช่นนี้แล้วยังสามารถหลีกเลี่ยงการรบกวนของผู้ฝึกตนระดับต่ำ

    กลับไปยังอาณาจักรตงถัง โม่เทียนเกอสุ่มเลือกเมืองฝึกเซียนใกล้ชายทะเลสอบถามข่าวคราวของเกาะหนานจี๋

    ตามคาด เรื่องของเกาะหนานจี๋น้อยคนจะทราบ ถามคนมากมายจึงมีผู้ฝึกตนหนึ่งคนที่เพิ่งกลับมาจากเกาะเป่ยจี๋บอกกับนางว่าเกาะหนานจี๋จมหายไปแล้ว ข่าวนี้เหมือนกับของหลายปีก่อน ดูท่าปาฏิหาริย์ไม่ได้เกิดขึ้นเลย เกาะหนานจี๋หายไปแล้วจริง ๆ

    กับเรื่องนี้ โม่เทียนเกอมีการเตรียมใจแต่แรกแล้ว ไม่ได้เศร้าหมองจนเกินไปเลย ปลุกจิตใจขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว สอบถามข่าวคราวต่อไป

    อันที่จริง เรื่องการสอบถามข่าวคราว นางสามารถไปที่สำนักจิ่วเยี่ยน ตอนที่ทวงหนี้หลิงอวิ๋นเฮ่อ ก็ถือโอกาศถามคำสองคำ หรือไม่ก็ไปที่เขาไป๋ฝูอาณาจักรหนานโจว เรียนถามอู๋หมิงเจินเจ่อ แต่เรื่องกระบี่ฝูเซิงกลับทำให้นางไม่กล้าเปิดเผยศักดิ์ฐานะอย่างหุนหันพลันแล่น ได้แต่ระงับเรื่องนี้ไว้ชั่วคราว

    เมืองเซินสุ่ยเป็นเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ที่ชายทะเลเหนือ ในแง่ขนาด มันเพียงใหญ่กว่าเมืองทั่วไปเล็กน้อย ในแง่อิทธิพล รอบ ๆ มีเพียงสำนักขนาดเล็กปานกลางที่มีผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่อยู่หนึ่งคนอยู่สำนักเดียว แต่ว่าเมืองเล็กแห่งนี้กลับรุ่งเรืองถึงสิบส่วน เพราะว่ามันตั้งอยู่ข้างทะเลเหนือพอดี อยู่ตรงกันข้ามกับเกาะเป่ยจี๋

    ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ที่มั่งคั่งเพียงใด สำหรับผู้ฝึกตนระดับต่ำ ม่านพลังเคลื่อนย้ายมีราคาแพงเกินไปเสมอ ดังนั้น การเดินทางข้ามทะเลจึงกลายเป็นตัวเลือกของพวกเขา

    และท้องทะเลใกล้ ๆ เมืองเซินสุ่ยก็มีอสูรทะเลขั้นต่ำจำนวนไม่น้อย ดังนั้น ผู้ฝึกตนระดับต่ำจำนวนหนึ่งก็ได้จับอสูรบริเวณใกล้เคียงดำรงชีพ

    เมืองเซินสุ่ยอาศัยผู้ฝึกตนระดับต่ำเหล่านี้ค่อย ๆ รุ่งเรืองขึ้นมา กลายเป็นตลาดเล็ก ๆ ที่มีไว้แลกเปลี่ยนแกนปีศาจที่ชายทะเลเหนือ

    นานวันเข้า แม้แต่ผู้ฝึกตนระดับสูงบางคนที่ขี้เกียจจะไปเกาะเป่ยจี๋ก็จะมาที่เมืองเซินสุ่ยเพื่อหาซื้อแกนปีศาจพิเศษ ๆ

    ในโรงน้ำชาของเมืองเซินสุ่ย วันนี้คึกคักเป็นพิเศษ

    เมืองมีมาตรฐานอย่างไร ผู้ฝึกตนที่ไป ๆ มา ๆ กว่าครึ่งก็มีมาตรฐานอย่างนั้น เมืองเล็กอย่างเมืองเซินสุ่ยไม่เหมือนกับเมืองใหญ่ที่มีผู้ฝึกตนก่อเกิดตานขึ้นไปเดินทางไปมา โรงน้ำชาของเมืองเซินสุ่ย ในยามปกติมีเพียงผู้ฝึกตนสร้างฐานพลังนั่งประจำการ บางครามีผู้ฝึกตนก่อเกิดตานสักคนมาเก็บรวบรวมแกนปีศาจก็จะคึกคักไปช่วงหนึ่ง

    ทว่าเหตุการณ์ใหญ่ในวันนี้กลับไม่เป็นอย่างในอดีตที่เกิดจากผู้ฝึกตนก่อเกิดตานเก็บรวบรวมแกนปีศาจ

    “พี่น้อง ถอย ๆ ถอย ๆ” เด็กหนุ่มหลอมรวมพลังวิญญาณห้าชั้นคนหนึ่งเบียดเข้ามาจากด้านนอกโรงน้ำชา ตะโกนบอกผู้ฝึกตนที่อยู่ด้านหน้าว่า “ขอทางหน่อย ๆ”

    ผู้ฝึกตนที่ขวางอยู่ข้างหน้าเขากลับไม่ยอมหลีกทาง เพียงเอ่ยว่า “พี่น้อง มาก่อนได้ก่อนสิ!”

    เด็กหนุ่มกะพริบตา ไม่เข้าใจ “ข้าว่านะ พี่ชายท่านนี้ แยกแยะแกนปีศาจเพียงครู่เดียวก็พอแล้วกระมัง พวกท่านล้อมอยู่นานมากแล้ว ไม่ได้อยู่ชมความครึกครื้นหรือ”

    “แกนปีศาจ?” ผู้ฝึกตนคนนี้กระหลาดใจ “ข้าว่าท่านไม่ได้ไต่ถามมาให้ชัดเจนกระมัง ครั้งนี้ไม่ใช่การมารวบรวมแกนปีศาจนะ!”

    “อ๊ะ?” เด็กหนุ่มจับต้นชนปลายไม่ถูก “เมื่อครู่มิใช่มีข่าวว่าผู้อาวุโสก่อเกิดตานท่านหนึ่งมายังเมืองเซินสุ่ยเราหรือ ไม่ได้รวบรวมแกนปีศาจแล้วยังจะเพื่ออะไร”

    เมืองเล็กอย่างเมืองเซินสุ่ยกำหนดแน่ว่าจะไม่มีผู้ฝึกตนระดับสูงมาพำนักที่นี่ พวกผู้ฝึกตนระดับสูงเหล่านั้นไม่แค่ผ่านทางก็มาเพียงรวบรวมแกนปีศาจพิเศษ ไม่เคยมีข้อยกเว้น ผู้ที่ต้องการแกนปีศาจขั้นสูงหรือล่าอสูรทะเลขั้นสูงจริง ๆ ล้วนจะเคลื่อนย้ายตรงไปที่เกาะเป่ยจี๋ ยังจะมีใครวิ่งมาถึงเมืองเซินสุ่ย?

    ผู้ฝึกตนนี้ยังไม่ได้ตอบ ด้านข้างมีคนพูดขัดขึ้นว่า “ข้าว่านะ สหายเต๋าท่านนี้ ก่อนจะมาท่านไม่ได้ไต่ถามมาดี ๆ เลยหรือ ผู้อาวุโสท่านนี้มาที่นี่ไม่ได้มาเพื่อรวบรวมแกนปีศาจ ทว่ามารวบรวมเรื่องเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย”

    “เอ๊ะ?” เด็กหนุ่มประหลาดใจ “นี่มันเรื่องอะไรกัน เรื่องเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย?” ไม่แปลกที่เขาประหลาดใจเช่นนี้ ตอนที่ได้ยินเรื่องนี้ครั้งแรก ทุก ๆ คนล้วนมีปฏิกิริยาเยี่ยงนี้ ผู้ฝึกตนระดับสูงคนไหนบ้างที่ไม่ยุ่งอยู่กับการฝึกตน? เรื่องเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยอะไรนี่ฟังแล้วมีประโยชน์อะไร?

    “ผู้อาวุโสท่านนี้บอกว่า เขารวบรวมเรื่องเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยพวกนี้เพื่อที่จะสำรวจสถานที่ลับบางแห่ง เรื่องบางอย่าง แรกเห็นไม่แปลกประหลาดเลย หากรวบรวมเข้าด้วยกันทั้งหมดอาจจะสามารถเสาะหาสถานที่มหัศจรรย์ออกมาก็ได้ เขาฝึกตนจนเข้าสู่คอขวดแล้ว จึงได้ท่องไปทั้งสี่ทิศ รวบรวมเรื่องเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย หวังจะหาเงื่อนงำเจอในนั้น ไม่แน่ว่าจะสามารถช่วยให้ตนเองหลุดพ้นจากคอขวด”

    “ที่แท้เป็นเช่นนี้” เด็กหนุ่มบรรลุ ลูบศีรษะพูดว่า “ผู้อาวุโสที่ระดับการฝึกตนสูงส่งลึกล้ำท่านนี้ คิดได้ทะลุปรุโปร่งกว่าพวกเราจริง ๆ”

    “มิใช่หรอกหรือ หากไม่ใช่ผู้อาวุโสท่านนี้พูด ข้าไม่เคยได้คิดมาก่อนเลย!” ผู้ฝึกตนที่มาก่อนเห็นด้วย ทั้งสองคนคุยกันอีกสองสามคำ เมื่อสนิทสนมกันขึ้นมาอีกหน่อยแล้ว ผู้ฝึกตนคนนี้ก็ดึงเด็กหนุ่มมาข้างหน้าเล็กน้อย พูดว่า “มามุงฟังตรงนี้เถอะ ผู้อาวุโสท่านนี้ใจกว้างมาก ขอเพียงบอกข่าวลือให้เขาฟังสักหน่อย ขอโอสถขอศิลาวิญญาณล้วนได้ หากมีคนขอคำชี้แนะก็ไม่ปฏิเสธ พวกเราฟังอยู่ด้านข้าง ไม่แน่ว่าจะมีผลรับอะไร”

    เขาเพิ่งจะพูดจบ ด้านข้างก็มีคนคนหนึ่งทำไม้ทำมือห้ามพูด กระซิบว่า “ผู้อาวุโสท่านนี้อยากจะพูดแล้ว อย่าส่งเสียง”

    ผู้ฝึกตนคนนี้รีบหุบปาก ทุ่มเทสมาธิเงี่ยหูฟัง

    ผ่านไปครู่หนึ่ง เสียงบุรุษอันอ่อนโยนดังขึ้นว่า “ระดับการฝึกตนของเจ้าไม่ได้มีปัญหาเลย สิ่งที่เป็นปัญหาคือสภาวะจิตใจของเจ้า ทุก ๆ ครั้งที่เลื่อนขั้น นอกพัฒนาระดับการฝึกตน ด้านการทำความเข้าใจหลักคำสอนคัมภีร์เต๋าก็ต้องรุดหน้าไปอีกขั้น พักการฝึกตนไว้ชั่วคราวแล้วเดินทางไปรอบ ๆ เถอะ รอจนเจ้ามีความเข้าใจคัมภีร์คืบหน้าอีกขั้นค่อยกลับไปฝึกตน”

    ผู้ฝึกตนสร้างฐานพลังที่นั่งอยู่ด้านนอกโต๊ะยาวอึ้งไป ละเลียดอย่างพิถีพิถันหนึ่งรอบ บรรลุอย่างฉับพลัน กุมมือซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ขอบคุณผู้อาวุโสมากที่ชี้แนะขอรับ ผู้เยาว์ในที่สุดก็เข้าใจแล้ว”

    ด้านในของโต๊ะยาว บัณฑิตหนุ่มรูปลักษณ์อ่อนโยนโบกมือ เอ่ยว่า “นี่เป็นรางวัลที่ให้เจ้า ไม่ต้องขอบคุณ” เขามองไปที่ด้านหลังของผู้ฝึกตนสร้างฐานพลังอีกครั้ง “ยังมีคนไหม”

    “ข้า! ข้า!” ด้านหลังมีคนเบียดเข้ามาทันที เป็นบุรุษฉกรรจ์ชุดต๋วนต่า* วัยสามสิบกว่าปี ระดับหลอมรวมพลังวิญญาณ แค่เห็นก็รู้ว่าเป็นผู้ฝึกตนอิสระระดับต่ำที่ประทังชีพด้วยการล่าอสูรทะเลที่เมืองเซินสุ่ย หากเป็นสถานการณ์อื่น เขาไม่กล้าอวดดีต่อหน้าผู้ฝึกตนสร้างฐานพลังเช่นนี้เป็นอันขาด แต่ผู้อาวุโสก่อเกิดตานท่านนี้เคยพูดก่อนหน้านี้ว่า ไม่ว่าจะระดับการฝึกตนอะไร ขอเพียงข่าวที่พูดมีคุณค่าก็สามารถแลกเปลี่ยนกับเขาเพื่อรับรางวัลได้

    ผู้ฝึกตนสร้างฐานพลังคนก่อนหน้านี้เห็นบุรุษฉกรรจ์นี้เบียดมาถึงร่างตนเองก็ขมวดคิ้ว แต่มีผู้อาวุโสก่อเกิดตานอยู่เบื้องหน้า อีกทั้งผู้อาวุโสท่านนี้ใบหน้าเปื้อนยิ้มเล็ก ๆ มาโดยตลอด ไม่มีการหมดความอดทนสักครึ่งส่วน เขาได้แต่ระงับความขุ่นเคือง คารวะไปทางผู้อาวุโสท่านนี้ ผลักฝูงชนออกไปแล้วออกจากโรงน้ำชา

    “นั่งเถอะ” บัณฑิตหนุ่มชี้ไปยังที่นั่งที่อยู่ข้างหน้าตนเอง “เจ้ามีข่าวสารอะไร”

    บุรุษฉกรรจ์นี้นั่งอย่างสำรวม เพ่งมองบัณฑิตหนุ่ม บนใบหน้าปรากฏแวววิตกกังวล ยื่นมือออกไปอย่างขลาดเขลา “ผู้อาวุโส ผู้เยาว์ไม่มีข่าว แต่ว่า ในมือผู้เยาว์มีสมบัติประหลาดอยู่หนึ่งชิ้น อยากให้ผู้อาวุโสดูหน่อยว่ามีความสนใจหรือไม่……”

    ยิ่งพูดเสียงเขายิ่งเบา ถึงตอนท้ายก็เสียงขาดหายไปอย่างรู้ตัว มองชายหนุ่มเบื้องหน้าอย่างไม่สบายใจ ผู้อาวุโสท่านนี้เคยพูดอย่างชัดเจนว่ามารวบรวมเรื่องเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย ไม่ได้มาแลกเปลี่ยนสินค้าเลย เขากระทำเยี่ยงนี้ อันที่จริงนับว่าละเมิดกฎแล้ว หากผู้อาวุโสท่านนี้เกิดโทสะ เช่นนั้นเขา……

    ตามคาด เมื่อได้ฟังวาจานี้ของเขา หัวคิ้วของบัณฑิตหนุ่มขมวดขึ้นมานิด ๆ แต่ถัดจากนั้น สายตาของเขายังวางลงบนมือของบุรุษฉกรรจ์ผู้นี้

    นี่เป็นก้อนหินใสที่มีสีแดงเรื่อทั้งก้อน เปล่งพลังวิญญาณจาง ๆ สำหรับผู้ฝึกตนหลอมรวมพลังวิญญาณเป็นสมบัติชิ้นหนึ่งจริง ๆ แต่ว่าสำหรับผู้ฝึกตนก่อเกิดตาน พลังวิญญาณนี้เลี่ยงไม่ได้ที่จะอ่อนจางเกินไปสักหน่อย

    ชายหนุ่มกำลังจะอ้าปาก จู่ ๆ สังเกตอะไรได้ เอื้อมมือไปหยิบก้อนหินบนฝ่ามือของบุรุษฉกรรจ์ ตรวจดูโดยละเอียดหนึ่งรอบ เอ่ยว่า “นี่คือศิลาอัคนีกระจ่าง ไม่นับว่ามีค่าจนเกินไป แล้วก็เล็กสักหน่อย แต่คุณภาพไม่เลว มีค่าอยู่บ้าง” 

    บุรุษฉกรรจ์ได้ยินแล้วปีตินัก รีบพยักหน้า “ผู้อาวุโสมีสายตา! ศิลาก้อนนี้ ข้าเอาไปขายที่ร้านค้า เพียงยอมให้ศิลาวิญญาณสิบก้อน เจ้าของร้านไม่รู้ความเกินไป ข้าเลยไม่ได้ขายมาตลอด ผู้อาวุโสขอรับ อันนี้……ท่านต้องการไหม”

    บัณฑิตหนุ่มคิดแล้วเอ่ยว่า “สิ่งของนี้สำหรับข้ามีประโยชน์อยู่บ้าง รับไว้ก็มิใช่ไม่ได้ ศิลาวิญญาณสิบก้อนต่ำไปหน่อยจริง ๆ คุณภาพอย่างนี้ มีค่าประมาณศิลาวิญญาณหนึ่งร้อยก้อน เจ้าดูแล้วกัน เจ้าอยากได้ศิลาวิญญาณหรือว่าอยากได้โอสถ”

    “หนึ่งร้อยก้อน……” บุรุษฉกรรจ์ดีใจจนระงับไม่อยู่ สำหรับผู้ฝึกตนระดับต่ำอย่างเขา ศิลาวิญญาณหนึ่งร้อยก้อนไม่ใช่เล็กน้อยเลยนะ! แต่ว่า เขามองดูขวดหยกและกองศิลาวิญญาณทั้งหลายที่เรียงบนโต๊ะ กลืนน้ำลาย เอ่ยอย่างระมัดระวังว่า “ผู้อาวุโส ข้า……ข้าแลกโอสถได้หรือไม่ขอรับ”

    ชายหนุ่มพยักหน้า “ย่อมได้” ว่าแล้ว หยิบขวดหนึ่งจากในกองขวดหยกให้เขา “โอสถขวดนี้เป็นของที่ระดับหลอมรวมพลังวิญญาณใช้ ขวดนี้มูลค่าประมาณศิลาวิญญาณหนึ่งร้อยแปดสิบก้อน มีค่าพอ ๆ กัน เจ้ารับไปเถอะ”

    “ขอบคุณผู้อาวุโสขอรับ ๆ” บุรุษฉกรรจ์คว้าขวดหยก เก็บเข้าไปในกระเป๋าเอกภพ ขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่า

    ชายหนุ่มโบกมือ “ไปเถอะ” แล้วก็เพิ่มเสียงว่า “ยังมีคนไหม”

    “ข้า! ข้า!” สิ่งที่เกิดขึ้นกับบุรุษฉกรรจ์นี้ทำให้ผู้ฝึกตนระดับต่ำที่เพียงชมความครึกครื้นอยู่ด้านหลังเข้ามามุงข้างหน้าไปด้วย ผู้อาวุโสท่านนี้นิสัยเป็นมิตร ใจกว้าง หากสามารถแลกศิลาวิญญาณและโอสถกับเขาก็เป็นกำไรแล้ว!

……………….

*ชุดต๋วนต่า มีชื่อที่คนไทยเรียกกันไหมนะ ชุดสั้นเหรอ?

 

ตอนที่ 435 – รวบรวมข่าวสาร

 

หนึ่งเซียนยากเสาะหา

หนึ่งเซียนยากเสาะหา

Status: Ongoing
ในฐานะผู้ฝึกตนหญิง ถนนสู่อมตะต้องฟันฝ่าอุปสรรคมากมายนัก คุณสมบัติ, วิชา, ยา, อาวุธเวท ล้วนไม่อาจขาดสักสิ่ง อารมณ์, ความอ่อนแอ, ความเมตตา, ความโลภ ล้วนไม่อาจมากสักสิ่ง ไม่มีของสิ่งแรก การฝึกจะช้าเกินไป ของสิ่งหลังมาก จะตายเร็วเกินไป ยิ่งไปกว่านั้น หน้าตาต้องไม่มากไม่น้อย สติปัญญาต้องไม่มากไม่น้อย งดงามเกินไปย่อมจะถูกผู้ฝึกตนระดับสูงบังคับไปเป็นอนุ อัปลักษณ์เกินไปพบปะผู้คนจะถูกรังเกียจชนกำแพงไปทุกที่ ฉลาดเกินไปจะกลายเป็นนกโผล่หัวที่ถูกตี โง่เกินไปถูกขายแล้วยังช่วยคนนับเงิน ม่อเทียนเกอนึกว่าอย่างไหน ๆ ล้วนสามารถทำได้ แต่ดันมีเรื่องน่าตายเพิ่มขึ้นมาหนึ่งอย่าง ถนนเซียนสายนี้ จะเดินทางอย่างสงบสุขได้อย่างไร

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท