บทที่ 218 ไป๋ลี่แห่งเทียนประทีป
“นี่คือเผ่าอะไร” สวี่ชิงไม่ลังเลใดๆ ทั้งสิ้น ในขณะที่หายใจหอบถี่ก็ถอยหลังอีกครั้ง เอ่ยปากส่งเสียงถาม
“โลกแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์กว้างใหญ่ไพศาล หมื่นเผ่าผุดขึ้นมากมาย เผ่าพันธุ์มหาศาล เหมือนว่านี่จะเป็นเผ่าพันธุ์หนึ่งของเผ่าหนอนไหม ข้าจำได้เลาๆ ว่าเคยอ่านเอกสารลับฉบับหนึ่งของกรมข่าวกรอง เจ้าให้ข้าคิดก่อน”
นายกองสีหน้าข้องใจนิดๆ แต่ก็เผ่นแนบไปทันทีเช่นกัน
เห็นสวี่ชิงและนายกองหลบหนี ต่างเผ่าที่อยู่ในร่างของหัวหน้าเผ่าดาราสมุทรก็แสยะยิ้ม ร่างไหววูบ
สวี่ชิงสีหน้าเคร่งเครียด นายกองรูม่านตาหดเล็ก แต่ความเร็วของพวกเขาเมื่ออยู่ต่อหน้าระดับแก่นลมปราณก็ยากจะหลบหนี สวี่ชิงรู้สึกเพียงเบื้องหน้าพร่าเลือน เพียงพริบตาเสียงดังสนั่นหวั่นไหวก็ดังมา พลังเทพปะทะหน้า พลังที่ไม่อาจต้านทานได้ซัดโหมมา ร่างของเขาสะเทือนอย่างบ้าคลั่ง กระอักเลือดออกมา นายกองก็เช่นกัน
แต่อาศัยจี้ห้อยคอของสวี่ชิงคุ้มกาย พวกเขาแม้จะถูกพลังเทพทำลายร่างกายเหวี่ยงออกไปร้อยจั้ง แต่ไม่ถึงกับชีวิต เพียงแต่อวัยวะภายในสะเทือนปานฉีกขาด หากอีกฝ่ายลงมือต่อ การคุ้มครองจากจี้ห้อยคอก็ยากจะคุ้มกันได้นาน
เห็นเงาต่างเผ่าร่างนั้นก้าวมาอีกครั้ง ตอนนี้เอง ท้องฟ้าดังเลื่อนลั่น เปลวเพลิงสีฟ้าผืนหนึ่งพลันพุ่งลงมา ขวางข้างหน้าต่างเผ่าตนนั้น
ตอนนี้ท้องฟ้าส่งเสียงคำรามลั่น ฟ้าดินพลิกตลบ ทะเลเพลิงพุ่งลงมาจากท้องฟ้าเป็นผืนๆ กำลังเผาเผ่าดาราสมุทรทั้งเผ่า ส่วนสมาชิกเผ่าที่อยู่บนเกาะตอนนี้ยิ่งล้มตายมหาศาล
แต่ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่แห่งความตายที่ใด ศพเผ่าดาราสมุทรล้วนมีหนอนเส้นไหมคลานออกมา ภาพแปลกประหลาดนี้ดึงความสนใจของนายท่านหกตั้งนานแล้ว และสร้างความเคร่งเครียดให้กับเขา
และภาพการเปลี่ยนแปลงของหัวหน้าเผ่าดาราสมุทรฉากนี้ นายท่านหกย่อมได้เห็น ดังนั้นหลังจากที่ซัดฝ่ามือสะกดบรรพจารย์เผ่าดาราสมุทรไปฝ่ามือหนึ่ง เขาก็ประสานปางมือให้ทะเลเพลิงสีฟ้าพุ่งลงมา ขัดขวางต่างเผ่าตนนั้น
“มันคือเผ่าไหมเหล็ก!” ในขณะเดียวกับที่ขัดขวาง นายท่านหกที่อยู่กลางท้องฟ้ามาอย่างรวดเร็ว เสียงของเขามาก่อนตัว ดังสะท้อนไปทั่วสี่ทิศ
นายกองเมื่อได้ยินสามคำนี้ก็หน้าเปลี่ยนสี รีบเอ่ยเสียงต่ำทุ้มอย่างรวดเร็ว
“สวี่ชิง ข้านึกออกแล้ว…”
ต่างเผ่าที่คิดจะทารุณสังหารพวกสวี่ชิงทั้งสองคน เมื่อได้ยินก็เงยหน้ามองท้องฟ้า แล้วพลันหัวเราะออกมา
“ดูถูกสำนักที่นี่ไปนิดแล้วจริงๆ แต่ว่ามีเจ้าที่เป็นระดับปราณก่อนกำเนิดคนเดียว ก็คู่ควรมารบกวนการฝึกบำเพ็ญของข้าแล้วอย่างนั้นหรือ” ต่างเผ่าตนนี้ยกมือขวาขึ้น ชี้ไปบนท้องฟ้า
ทันใดนั้น ฟ้าดินพลันเปลี่ยนสี เสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่น ท้องฟ้ามีเสียงกลองศึก อัสนีบาต เสียงครืนครันเปรี้ยงปร้างเหมือนเสียงคำรามของเทพไท้ ในเสี้ยวพริบตาที่ดังไปทั่วทุกสารทิศ วงแสงค่ายกลขนาดมหึมาสามวงก็พลันปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า
วงแสงค่ายกลนี้ล้วนมีขนาดถึงพันจั้ง ในขณะเดียวกับที่แผ่พลานุภาพยิ่งใหญ่มหาศาล ก็ยิ่งมีพลังส่งข้ามน่าครั่นคร้ามปะทุมา
เงาแต่ละร่างพลันปรากฏออกมาจากในค่ายกลส่งข้ามทั้งสามค่ายกลนี้
เงาร่างที่ปรากฏในค่ายกลแรกคือผู้บำเพ็ญต่างเผ่าที่ข้างหลังมีปีก ทั้งตัวดำสนิท ดูแล้วเหมือนอีกาตนหนึ่ง
การปรากฏตัวของพวกมัน รัศมีอำนาจมหาศาล จิตสังหารลุกโชน โดยเฉพาะตนที่อยู่ข้างหน้าสุด แววตายิ่งเหมือนสายฟ้า ทั้งตัวแผ่ระลอกน่าครั่นคร้ามของพลังบำเพ็ญระดับปราณก่อนกำเนิด
ยังไม่จบเท่านั้น ท่ามกลางเสียงดังกึกก้องของค่ายกลส่งข้ามที่สอง ก็มีเงาร่างจำนวนมหาศาลปรากฏขึ้นเช่นกัน พวกมันล้วนมีตัวเป็นมนุษย์ มีงวงช้าง ทุกตนรูปร่างสูงใหญ่นัก แผ่พลังเลือดลมเข้มข้นออกมา
ชายกำยำที่เป็นหัวหน้าข้างหน้าสุดตนนั้นแผ่ระลอกพลังบำเพ็ญระดับปราณก่อกำเนิดเช่นกัน สีหน้าเหี้ยมเกรียม โหดเหี้ยมเป็นอย่างยิ่ง ชวนให้คนสั่นสะท้าน
และค่ายกลส่งข้ามที่สามก็เช่นกัน ตอนนี้ในขณะที่ส่งเสียงครืนครันก็มีเงาร่างมากมายบินออกมาจากในนั้น รูปร่างของพวกมันยิ่งแปลกประหลาดขึ้นไปอีก เหมือนหญ้าทะเล มีดวงตาเรียว ตอนนี้หลังจากที่ปรากฏตัวออกมา จากการพัดโบกก็เกิดลมพายุ เหมือนจะพัดภูเขาเป่าผืนป่า พลังน่าตื่นตะลึง
มีระลอกคลื่นระดับปราณกำเนิดปะทุมาจากในนั้นเช่นกัน
สามเผ่าพันธุ์นี้เพียงปรากฏตัวออกมา นายกองที่อยู่ข้างๆ สวี่ชิง รูม่านตาของเขาก็หดเล็กลงเล็กน้อย
“เผ่าอีกาทมิฬหกปีก เผ่าเมฆาพลังคชสาร และเผ่าปีศาจต้นไม้หญ้าอสรพิษ!
“สามเผ่านี้ล้วนไม่ใช่เผ่าใหญ่ ขนาดพอๆ กับเผ่าดาราสมุทร ในนี้เผ่าอีกาทมิฬหกปีกเป็นพันธมิตรกับสำนักเจ็ดเนตรโลหิต ส่วนอีกสองเผ่าล้วนวางตัวเป็นกลาง”
จากการพูดของนายกอง เผ่าพันธุ์ทั้งสามที่มาถึงก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง ในเสี้ยวพริบตาที่ปรากฏตัวขึ้นก็พุ่งตัวไปหานายท่านหก กลุ่มของพวกมันยิ่งตรงไปที่ขุนเขายอดเขาลำดับหก แล้วพุ่งชนในทันใด!
ไม่กลัวตายเลย ใช้ชีวิตไปสั่นคลอนขุนเขา และหากมองไปอย่างละเอียดก็จะเห็นหนอนเส้นไหมพาดผ่านในดวงตาของพวกมัน
สามเผ่านี้รวมกับเผ่าดาราสมุทร ทั้งหมดล้วนถูกควบคุม!
เห็นนายท่านหกถูกขัดขวาง ท้องฟ้าเปลี่ยนสี สวี่ชิงห้อตะบึงอีกครั้ง นายกองก็หนีไปไกลอย่างรวดเร็วเช่นกัน หากเป็นระดับแก่นลมปราณช่วงต้น พวกเขาลองสู้สุดกำลังได้ อีกฝ่ายเป็นระดับปราณก่อนกำเนิด นี่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่พวกเขาจะต่อกรได้แล้ว
ต่อให้เป็นตัวอักษรของบรรพจารย์ นอกเสียจากจะเป็นช่วงเวลาสำคัญ ไม่เช่นนั้นแล้วพลานุภาพมากเกินความจำเป็น
“ข้าจะดูสิว่า การปกป้องของพวกเจ้าจะทนการลงมือของข้าได้สักกี่น้ำ”
หัวหน้าเผ่าดาราสมุทรที่แปลงมาจากต่างเผ่าตอนนี้หัวเราะเสียงราบเรียบ ร่างกำลังจะไล่ตามไป ทางนายกองทางนั้นก็พลันหันหน้ามาจ้องมองผู้บำเพ็ญระดับปราณก่อกำเนิดข้างหลัง จู่ๆ ก็พูดขึ้น
“เจ้าคือไป๋ลี่!”
“เจ้าคือไป๋ลี่เผ่าไหมเหล็ก!”
สวี่ชิงดวงตาจ้องเพ่ง ผู้บำเพ็ญระดับปราณก่อกำเนิดต่างเผ่าตนนั้นสีหน้าที่เผยออกมามีความตกใจเพิ่มมากขึ้น
เจ้ายอดเขาของสำนักเจ็ดเนตรโลหิตระบุตัวตนของมันออกมา มันรู้สึกว่าน่าสนใจ คิดว่าอีกฝ่ายมีความรอบรู้ในระดับหนึ่ง แต่ตอนนี้กลับถูกผู้บำเพ็ญระดับต่ำคนหนึ่งเรียกชื่อออกมา นี่ทำให้เขารู้สึกคาดไม่ถึงนิดๆ
“ครั้งนี้คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าในที่เล็กๆ แบบนี้จะมีคนรู้จักข้าด้วยอย่างนั้นหรือ เจ้าหนุ่มคนนี้น่าสนใจนิดๆ
“ไป๋ลี่เผ่าไหมเหล็ก เมื่อหกสิบปีก่อนเคยเป็นอัจฉริยะฟ้าประทานของเผ่าไหมเหล็ก ในเผ่าต่างขนานนามว่าเป็นเมล็ดพันธุ์ที่จะต้องเดินบนเส้นทางแห่งเจ้าเหนือหัวจักรพรรดิโบราณ”
“ภายหลังว่าไม่รู้ทำไม จู่ๆ ก็หักหลังเผ่า สร้างความวุ่นวายให้กับเผ่า ทำให้วัตถุของเผ่าไหมเหล็กแปดเปื้อน เหนี่ยวนำเคราะห์วิบากกรรม ทำให้คนในเผ่าพบเจอกับความน่าเวทนาจนตาย จากนั้นก็หักหลังเผ่าหนีไปเข้าร่วมกับกลุ่มอำนาจลึกลับที่ชื่อว่าเทียนประทีป!”
นายกองหรี่ตา เอ่ยขึ้นอย่างช้าเนิบ
“น่าสนใจ ข้อมูลที่รู้ไม่น้อยเลย ให้ข้าค้นวิญญาณเจ้าเสียหน่อย ดูซิว่าเจ้ายังรู้อะไรอีกบ้าง”
ไป๋ลี่สีหน้าแฝงด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย ก้าวลงมาก้าวหนึ่งจะประชิดเข้ามา ในตานายกองประกายแสงสีฟ้ากะพริบวูบ สวี่ชิงก็เผยความบ้าคลั่งออกมาเช่นกัน เอาตัวอักษรของบรรพจารย์ออกมา
ใกล้จะปะทะกันเต็มที แต่ในตอนนี้เอง
เสียงแค่นจมูกดังมาจากท้องฟ้า
เสียงแค่นจมูกเหนือกว่าอัสนีสวรรค์ ในเสี้ยวพริบตาที่ดังกองไปทั่วทุกทิศ เหนือศีรษะนายท่านหกก็พลันมีน้ำเต้าใบหนึ่งลอยขึ้นมา
น้ำเต้าใบนี้หลังจากที่ภรรยาและลูกของนายท่านหกตาย ก็ไม่เคยอยู่ห่างจากมือเขาเลย
ตอนนี้เมื่อปรากฏขึ้น บนนั้นก็มีรังสีอำมหิตอาวุธคมกล้าพวยพุ่งขึ้นฟ้า ภายนอกของน้ำเต้ายิ่งมีเงาอาวุธเป็นกลุ่มๆ ปรากฏขึ้น แปลงออกมอย่างรวดเร็ว แผ่กระจายไปรอบๆ ประดุจหงส์ร่อนมังกรรำ
มองให้ละเอียดก็จะเห็นอาวุธเหล่านี้มีครบครันทุกอย่าง ดาบ ทวน หอก กระบี่ ขวานศึก ตะขอเหล็ก สามง่าม มีอยู่ทั่วทุกที่ จำนวนน่ากลัวว่าไม่ร้อยกว่าล้าน ก่อตัวเป็นคลื่นวนทะเลอาวุธ ทุกที่ที่พาดผ่าน แหลกราญพินาศสิ้น
สะกดไปยังสามเผ่า
เพียงพริบตา บรรพจารย์ระดับปราณก่อนกำเนิดของสามเผ่าที่ไป๋ลี่เรียกออกมาก็ถูกทะเลอาวุธโจมตี ไม่มีที่ให้หลบหลีก ทั่วทั้งร่างเลือดสาดกระจาย ส่งเสียงครวญครางโหยหวนออกมา ร่างได้รับบาดเจ็บสาหัสม้วนกระเด็น
ที่บาดเจ็บสาหัสไปด้วยยังมีสมาชิกของทั้งสามเเผ่า ล้วนแต่จิตใจสั่นสะท้าน สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมหาศาลจากการโจมตีของทะเลอาวุธภายใต้การปะทุของพลังอำมหิต
ส่วนมากร่างแหลกเป็นชิ้นๆ ขาดกระจาย ที่เหลือแม้ร่างจะไม่ระเบิด แต่ก็เห็นได้ชัดว่าทนได้อีกไม่นานเท่าไร ร่างเริ่มเกิดรอยปริ
กระทั่งว่าในน้ำเต้ามีสายตาทางหนึ่งปรากฏขึ้นรางๆ มาพร้อมด้วยความดุดันเป็นอย่างยิ่ง แฝงด้วยแววดูแคลนต่างเผ่า กวาดมองไปทั่วสารทิศ
ครืน!
เมฆกลางท้องฟ้าลอยขึ้น ทะเลอาวุธเทลงมา เหมือนจะทำลายฟ้าขยี้ปฐพี ต่างเผ่าที่อยู่กลางท้องฟ้าทั้งหมดต่างสภาพอเนจอนาถน่าสังเวชทุกตน
เหมือนรู้สึกว่ายังไม่พอ นายท่านหกประสานปางมือชี้ไปที่ยอดเขาหก
ทันใดนั้นเปลวไฟยอดเขาหกก็กวาดโหมไปทั่วทุกทิศ ปกคลุมแผ่นดินเผ่าดาราสมุทรและสมาชิกของเผ่าทั้งสามที่ร่วงลงไปโดยสมบูรณ์
เผาไหม้ทุกสิ่ง เร่งความเร็วในการหลอม เผาผืนฟ้าหลอมแผ่นดิน
“นี่คืออาวุธเวทอะไรกัน รังสีอำมหิตอาวุธคมกล้ามากมายขนาดนี้!!” ไป๋ลี่สีหน้าเปลี่ยนเป็นครั้งแรก
ตอนนี้เขาไม่สนใจไปไล่ฆ่าสวี่ชิงกับนายกองแล้ว ร่างเพียงไหววูบก็หายไป แต่เห็นได้ชัดว่าของที่นี่ถูกควบคุม ตอนที่เขาปรากฏตัวขึ้นก็ไม่ได้ไปปรากฏในที่ไกล แต่เป็นกลางท้องฟ้า ในขณะที่สีหน้าเปลี่ยนแปลง เขาก็จะหนีอีกครั้ง
“ก่อนหน้านี้ข้าก็ขบคิด ด้วยความอ่อนแอของเผ่าดาราสมุทร จะมีความกล้าทำเรื่องใหญ่เช่นนี้ได้อย่างไร ที่แท้เบื้องหลังก็คือพรรคพวกหลงเหลือจากกลุ่มเทียนประทีปที่คนรังเกียจเดียดฉันท์ราวเกลียดหมาไน ถูกหมื่นเผ่าทั้งแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ประกาศจับนี่เอง!”
เสียงของนายท่านหกแฝงด้วยความโกรธแค้นเดือดดาลและจิตสังหาร ในขณะที่สะบัดมือ น้ำเต้าที่เหนือศีรษะก็ปะทุขึ้นอีกครั้ง ก่อตัวเป็นลมพายุรังสีอำมหิต มาพร้อมด้วยทะเลอาวุธมหาศาล กวาดโหมมาจากสารทิศ พุ่งตรงไปยังไป๋ลี่
ไป๋ลี่จิตใจสั่นสะท้าน กำลังจะหนี แต่นายท่านหกเหยียบคลื่นอาวุธประชิดมาแล้ว ซัดฝ่ามือหนึ่งลงมาทันที
ท่ามกลางเสียงสนั่นหวั่นไหว ไป๋ลี่ไม่อาจหลบหนีได้ ดวงตาฉายประกายแปลกประหลาด หมุนตัวลงมือ ปะทะกับนายท่านหกกลางฟ้าทันที
การต่อสู้ของทั้งสองคนรัศมีอำนาจมหาศาล เสียงกึกก้องเลื่อนลั่นดังไปทั่วสารทิศ ทำให้ผู้บำเพ็ญที่มองอยู่รอบๆ ต้องถอยออกไป ไม่กล้าเข้าไปใกล้
สวี่ชิงสีหน้าเคร่งเครียด อาศัยการคุ้มครองจากจี้ห้อยคอ เงยหน้าจ้องเพ่ง
นายกองที่อยู่ข้างๆ ตอนนี้จู่ๆ ก็หัวเราะออกมา หัวเราะๆ ไป ในตาก็มีความบ้าคลั่งและละโมบฉายออกมา
“คิดไม่ถึงว่าจะได้เจอกลุ่มอำนาจเทียนประทีปในตำนานที่นี่…ได้ยินมาว่าสมาชิกของกลุ่มอำนาจเทียนประทีปล้วนแต่ไม่ธรรมดา”
สวี่ชิงมองนายกองแวบหนึ่ง
“เทียนประทีปเป็นกลุ่มอำนาจที่ชื่อเสียงฉาวโฉ่ในแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ ก่อตั้งขึ้นไม่ถึงพันปี ว่ากันว่าสมาชิกทั้งหมดในนั้นล้วนเป็นผู้บำเพ็ญที่หักหลังเผ่าพันธุ์ต่างๆ ทั้งสิ้น ในม้วนเอกสารลับของกรมข่าวกรองมีบันทึกเอาไว้ว่ากลุ่มอำนาจนี้ประกาศว่าเข้าร่วมกับพวกมันจะได้รับ…วาสนาสำเร็จเทพ และเงื่อนไขของการเข้าร่วมคือทำการแสดงสีเลือดและน่ากลัวฉากหนึ่ง ยิ่งแสดงได้ดีเท่าไรก็ยิ่งได้รับการยอมรับจากกลุ่มเทียนประทีป
“ได้ยินว่าเมื่อหลายปีก่อน ทวีปปักษาสวรรค์ทักษิณก็มีคนไม่รู้ว่าทำได้อย่างไร ใช้การลืมตาของเทพเจ้าเป็นการแสดง เข้าร่วมกับกลุ่มเทียนประทีป” นายกองหัวเราะ มองมาทางสวี่ชิง
“น่าเสียดายที่พวกเขาไม่เคยมาหาข้า ไม่เช่นนั้นข้าอยากจะเข้าไปดูจริงๆ ว่าวาสนาสำเร็จเทพคืออะไร หรือจะเป็นเส้นทางสู่เจ้าเหนือหัวจักรพรรดิโบราณ หรือจะสำเร็จเป็นเทพจริงๆ อย่างนั้นหรือ
“ข้าไม่ค่อยเชื่อ…”
“ข้าก็ไม่เชื่อเหมือนกัน” สวี่ชิงหรี่ตา ลูบตัวอักษรของบรรพจารย์ที่อยู่ในตัว มองไป๋ลี่ที่สู้กับนายท่านหกบนท้องฟ้า