ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 295 ระแวง

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 295 ระแวง

ตอนที่ 295 ระแวง

ครั้นนายท่านเหยาได้ยินว่าลูกสาวกับลูกเขยจะย้ายออกไปอยู่กันเอง แววตาก็ดูประหลาดใจ

“ทำไมล่ะจิ้งจือ หรือว่าสภาพแวดล้อมที่บ้านไม่ค่อยดี?”

เหยาจิ้งจือส่ายหัว แล้วเอ่ย “ไม่ใช่ค่ะ พ่อ สภาพแวดล้อมทุกอย่างที่บ้านดีหมด แต่มู่หลานใกล้จะเปิดเรียนแล้ว ฉันจะต้องไปช่วยหว่านอี๋เลี้ยงพวกเด็ก ๆ ก็เลยอยากจะไปอยู่ใกล้ๆ พวกเขามากขึ้น”

พูดจบ เหยาจิ้งจือก็บอกแผนการของหล่อนให้ฟังด้วย

“เรือนสี่ประสานที่มู่หลานซื้อปรับปรุงไปได้ครึ่งทางแล้ว เดี๋ยวรอจนเสร็จพวกเขาก็จะย้ายเข้าไปอยู่ตอนใกล้จะเปิดเรียน ฉันจึงคิดอยากจะเช่าบ้านแถวนั้นด้วยน่ะค่ะ”

เมื่อได้ยินแบบนี้ นายท่านเหยาก็พยักหน้าเข้าใจ สุดท้ายเขาก็ขอที่อยู่ของเรือนสี่ประสานที่ฉินมู่หลานซื้อเอาไว้ หลังจากทราบที่อยู่แล้ว เขาก็มองเหยาจิ้งจือแล้วพูดพร้อมรอยยิ้ม “จิ้งจือ พวกลูกไม่ต้องเช่าบ้านหรอก พ่อจำได้ว่าทรัพย์สินที่โอนให้ลูกไปมีบ้านหลังหนึ่งอยู่แถวนั้นด้วย พวกลูกไปอยู่กันได้เลย”

เหยาจิ้งจือไม่ทราบเรื่องนี้เลย

เดิมทีหลังจากรับมรดกจากนายท่านเหยามา หล่อนก็ไม่คิดจะใช้เลย จึงไม่ได้ทราบข้อมูลอย่างละเอียด ตอนนี้เมื่อทราบแล้วจึงรู้สึกว่าบ้านตรงนั้นเหมาะที่จะเข้าไปอาศัยอยู่ “ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลยค่ะ เดี๋ยวพวกฉันจะเข้าไปดูก่อน ถ้าเป็นไปได้ ก็จะไปอยู่ตรงนั้นค่ะ”

หลังจากคุณนายเหยาทราบว่าพวกลูกสาวจะย้ายออกไป ก็อดมองเหยาจิ้งจือแล้วพูดเสียไม่ได้ “หากพวกลูกสองคนย้ายออกไป ก็ให้เสวี่ยเยี่ยนกับคนอื่นอยู่ที่นี่เถอะ ไม่อย่างนั้นบ้านเราคงเงียบเหงามาก”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เหยาจิ้งจือก็อดหันมองลูกชายคนโตกับลูกสะใภ้เสียไม่ได้

เซี่ยเจ๋อเหว่ยไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อน เขาจึงอดหันไปมองภรรยาอย่างช่วยไม่ได้

หลี่เสวี่ยเยี่ยนหันมองคุณนายเหยา ก่อนจะหันไปหาเหยาจิ้งจืออีกครั้ง หลังจากนั้นจึงพูดขึ้น “หรือว่าพวกเราจะอยู่กับพวกคุณตาดีล่ะ ไม่อย่างนั้นทั้งสองท่านคงเหงามากแน่”

เมื่อเห็นลูกสะใภ้คนโตบอกแบบนั้น เหยาจิ้งจือก็ยอมรับการตัดสินใจของพวกเขา “ถ้าอย่างนั้นก็ได้ พวกเธออยู่ก็ดี จะได้ใช้เวลาอยู่กับคุณตาคุณยายเยอะ ๆ”

คุณนายเหยาเห็นว่าหลี่เสวี่ยเยี่ยนจะอยู่ต่อ ใบหน้าก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ดี ๆ พวกเธออยู่ต่อเป็นเรื่องที่ดีมาก” ตอนนี้นางกับหลี่เสวี่ยเยี่ยนเข้ากันได้ดีมาก หากพวกเขาต้องย้ายออกไปเหมือนกัน นางคงรู้สึกเหงามากแน่

แม้แต่นายท่านเหยาก็รู้สึกดีใจเช่นกัน เพราะสุดท้ายแล้วในบ้านก็ยังมีคนอยู่ด้วย

เหยาจิ้งจือพูดเรื่องนี้เสร็จแล้วก็โล่งใจ เมื่อกลับถึงห้องไปนอนอย่างสบายแล้วก็รีบเก็บข้าวของให้เรียบร้อย

เซี่ยเหวินปิงเห็นว่าภรรยาเริ่มเก็บข้าวของแล้ว ก็อดพูดไม่ได้ “จิ้งจือ เรายังไม่ได้ไปดูบ้านหลังนั้นกันเลยนะ คุณเก็บของตอนนี้ไม่เร็วไปหรอกหรือ”

“ไม่เป็นไรหรอก ฉันว่าจะเก็บของสักหน่อยอยู่แล้ว”

เมื่อเห็นภรรยาเป็นแบบนี้ เซี่ยเหวินปิงก็อดที่จะเสนอข้อแนะนำเสียไม่ได้ “หรือว่าวันนี้พวกเราจะเข้าไปดูบ้านหลังนั้นเลยดีไหม”

เหยาจิ้งจือพยักหน้าแล้วเอ่ยขึ้น “ได้สิ ได้ยินมาว่าอยู่ใกล้แถวนั้น คุณลองไปสำรวจเส้นทางก่อนก็ได้ แล้วไปขอที่อยู่กับพ่อบ้านเหยา”

“ได้ ผมเข้าใจแล้ว”

หลังจากเซี่ยเหวินปิงไป เหยาจิ้งจือก็จัดเก็บของต่ออีกสักพัก แล้ววางแผนจะออกไปที่บ้านตระกูลเจี่ยงหลังจากนั้น

ในตอนนั้นเองหลี่เสวี่ยเยี่ยนก็มาหา ก่อนจะเอ่ยพูดด้วยความประหม่า “แม่คะ ครอบครัวของเราจะอยู่กันต่อ แม่กับพ่อไม่โกรธใช่ไหมคะ”

เหยาจิ้งจือได้ยินเช่นนั้น ก็รีบโบกมือแล้วพูดทันที “เปล่าหรอก จริง ๆ แล้วพวกเธออยู่ได้ก็ดี ตอนแรกฉันเป็นห่วงคุณตา ตอนนี้มีพวกเธออยู่ ฉันก็ไม่ต้องห่วงแล้ว”

หลี่เสวี่ยเยี่ยนเห็นว่าแม่สามีพูดจากใจจริง ก็รู้สึกโล่งใจ

“แม่คะ ถ้าอย่างนั้นต่อไปพวกเราจะไปหาพวกแม่บ่อย ๆ นะคะ”

“ได้สิ”

หลังจากแม่สามีกับลูกสะใภ้สองคนพูดคุยกันเสร็จ เหยาจิ้งจือก็ออกไป และหลี่เสวี่ยเยี่ยนก็พาเสี่ยวอวี๋ไปทางเรือนของคุณนายเหยา

หลังจากเหยาจิ้งจือมาถึงบ้านตระกูลเจี่ยง ก็พูดคุยเรื่องนี้กับฉินมู่หลาน

“แม่คะ จริง ๆ แล้วพวกแม่มาอยู่กับพวกเราเลยก็ได้ ฉันนับห้องที่บ้านสี่ประสานเอาไว้ให้พวกพ่อกับแม่หมดแล้วค่ะ”

เมื่อได้ยินแบบนี้ เหยาจิ้งจือก็รู้สึกดีใจมาก “ที่แท้เธอก็คิดเผื่อพวกเราด้วย แต่เดี๋ยวรอให้พ่อไปดูบ้านหลังนั้นก่อนแล้วค่อยคุยเรื่องนี้กัน ถ้ามันเหมาะที่จะอยู่ พวกเราก็จะไปอยู่บ้านของตัวเอง”

เมื่อเห็นเหยาจิ้งจือบอกแบบนี้ ฉินมู่หลานก็ไม่ได้ขัดอะไร

เนื่องจากใกล้จะเปิดเรียน ฉินมู่หลานจึงรีบเร่งมือทำบางอย่าง หลังจากสองวันผ่านไป เธอก็ผลิตเครื่องสำอางออกมาได้ในที่สุด

“แม่คะ เดี๋ยวลองใช้ของพวกนี้ให้ฉันหน่อยนะคะ”

“มู่หลาน พวกเราอายุมากขนาดนี้แล้ว ของพวกนี้ไม่จำเป็นหรอก”

เหยาจิ้งจือกับซูหว่านอี๋ต่างก็คิดว่ามันไม่จำเป็น แต่ถึงอย่างไรฉินมู่หลานก็บอกกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “แม่คะ ถึงจะอายุมากแล้ว แต่ก็ยังแต่งหน้าให้ดูดีได้ มันจะทำให้ตัวเราเองเปล่งประกายขึ้นมาค่ะ นอกจากนี้ฉันก็ยังไม่รู้เลยว่าที่ฉันทำนี้ใช้ได้หรือเปล่า จึงอยากให้พวกแม่ช่วยลองสักหน่อย”

เมื่อเห็นฉินมู่หลานบอกแบบนั้น ทั้งสองจึงยอมตกลง

ครั้งนี้ฉินมู่หลานทำรองพื้นแบบน้ำและแป้งเซ็ตติ้ง รวมถึงพวกดินสอเขียนคิ้ว อายไลเนอร์ อายแชโดว์ บลัชออน และอื่น ๆ อีกมากมาย อีกทั้งยังทำแบบที่เหมาะกับสีผิวของคนส่วนใหญ่อีกด้วย หลังจากแต่งหน้าให้เหยาจิ้งจือกับซูหว่านอี๋เสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ดูเหมือนว่าพวกหล่อนสองคนจะดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคน

“จิ้งจือ เธอ…เธอดูดีมาก”

เหยาจิ้งจือก็มองซูหว่านอี๋แล้วพูดบอกเช่นกัน “หว่านอี๋ เธอก็ดูดีมากเลย”

ทั้งสองมองหน้ากันด้วยความเหลือเชื่อ ได้แต่รู้สึกว่าอีกฝ่ายช่างดูดีเหลือเกิน

และฉินมู่หลานก็ให้พวกหล่อนลองส่องกระจก หลังจากที่ได้เห็นตัวเองในกระจกอย่างชัดเจนแล้ว ก็ต่างรู้สึกไม่ค่อยอยากจะเชื่อสายตา “นี่…นี่คือฉันจริงเหรอ?”

“ใช่พวกแม่อยู่แล้วค่ะ พวกแม่หน้าตาดีอยู่แล้ว พอแต่งหน้าก็เลยดูดีมากขึ้นไปอีก”

ตอนแรกเหยาจิ้งจือกับซูหว่านอี๋ดูมีอายุนิดหน่อย แต่เมื่อฉินมู่หลานช่วยแต่งหน้าให้พวกหล่อน ก็ช่วยปกปิดจุดด้อยได้ เมื่อกลบจุดด้อยหมดแล้ว ก็เน้นจุดดีบนใบหน้าพวกหล่อนให้มากขึ้น ขณะเดียวกันก็จัดการกับสัดส่วนของใบหน้า ทำให้ดูดีและเด็กลง

ในตอนนี้ หลี่เสวี่ยเยี่ยนก็มาหา ตอนแรกหล่อนไม่รู้ว่าคนที่อยู่ข้างๆ ฉินมู่หลานคือเหยาจิ้งจือที่เป็นแม่สามี แต่เมื่อเหยาจิ้งจือเป็นฝ่ายเริ่มพูด หล่อนจึงเอ่ยด้วยความเหลือเชื่อ “แม่คะ ทำไมแม่ทั้งสวยทั้งเด็กได้ขนาดนี้ คุณป้าก็เหมือนกันค่ะ วันนี้ทั้งสองคนสวยมากเลย”

เมื่อได้ยินคำชมที่แสนตรงไปตรงมาของหลี่เสวี่ยเยี่ยน ทั้งสองก็รู้สึกเขินนิดหน่อย

เป็นฉินมู่หลานที่เอ่ยพูดขึ้นจากทางด้านข้าง “พี่สะใภ้ ฉันแต่งหน้าให้พวกท่านเอง ดูดีมากใช่ไหมคะ”

“นี่มันคือดูดีเหรอ นี่มันเรียกว่าดีมากเลยต่างหาก”

หลี่เสวี่ยเยี่ยนจ้องมองใบหน้าของพวกหล่อนทั้งสองคนประหนี่งกำลังมองดอกไม้ หลังจากนั้นก็รีบหันไปพูดบอกกับฉินมู่หลาน “มู่หลาน ฉันก็อยากลองแบบนี้บ้าง”

“ได้ค่ะ ไม่มีปัญหา”

หลังจากนั้นฉินมู่หลานก็แต่งหน้าให้หลี่เสวี่ยเยี่ยนด้วยอีกคน ทำให้หน้าตาของหลี่เสวี่ยเยี่ยนดูเปล่งประกายขึ้น

“เสวี่ยเยี่ยน เธอเป็นแบบนี้แล้วดูดีมากเลย”

เหยาจิ้งจือเอ่ยชมจากใจจริง

หลี่เสวี่ยเยี่ยนจ้องมองใบหน้าตัวเองในกระจก ก็ได้แต่รู้สึกมีความสุข หลังจากนั้นก็เอ่ยปากชมไม่หยุด ก่อนจะจำจุดประสงค์ที่มาที่นี่ได้ “จริงสิมู่หลาน เริ่นม่านลี่มาหาคุณนายเหยาด้วย ดูเหมือนทั้งสองจะพูดเรื่องอะไรกันก็ไม่รู้ ดูเหมือนจะระแวงฉันด้วย”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

มู่หลานแอบซุ่มออกไลน์เครื่องสำอางมาแล้ว ถ้าได้เปิดตัวเมื่อไหร่นี่น่าจะดังแน่

ระหว่างคุณนายเหยากับยัยม่านลี่มันมีความลับอะไรกันนะ?

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท