สวบๆ
หลี่โม่ใช้นิ้วคีบมีดปาดไปที่แขนทั้งสองข้างของเหล่าหู เหล่าหูรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่แล่นเข้ามา จากนั้นเขาก็ไม่สามารถยกแขนทั้งสองข้างขึ้นมาได้อีก
เส้นเอ็นขนาดใหญ่ถูกหลี่โม่ตัดจนขาด ไม่นานเหล่าหูก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง
หลังจากที่เขารู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง ก็ถึงกับตกใจ ถึงจะเป็นคนที่เชี่ยวชาญด้านกายวิภาคศาสตร์ ก็ไม่สามารถตัดเส้นเอ็นใหญ่ที่แขนได้ง่ายๆ เพราะมันซ่อนอยู่ลึกลงไปในชั้นไขมันและกล้ามเนื้อ
หลี่โม่มองเหล่าหูด้วยสายตาเย็นชา มีดที่คีบอยู่ในมือขวาขยับขึ้นมาอีกครั้ง ไม่รอให้เหล่าหูได้หนี เขาก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่หัวเข่า
มีดที่หักครึ่งแทงไปบนหัวเข่าของเหล่าหู ขาทั้งสองข้างของเหล่าหูไม่สามารถยืนได้อีก เขาทรุดลงตรงหน้าหลี่โม่
“คิดจะทำร้ายคนในครอบครัวฉัน แกไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่ไหม”
หลี่โม่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา มีดที่อยู่ในมือสว่างวิบวับ ไม่นานบนตัวของเหล่าหูก็เต็มไปด้วยรอยแผลขนาดเล็ก
ความเจ็บปวดทำให้เหล่าหูเหงื่อไหลออกมาเต็มตัว เหงื่อรสเค็มซึมเข้าไปในแผล ทำให้เหล่าหูรู้สึกเจ็บปวดไปทั้งตัว
“โอ๊ย เจ็บมาก พี่หลี่โม่ ขอร้องล่ะ หยุดเถอะ ผมผิดไปแล้ว ไว้ชีวิตผมไปเถอะ ผมจะบอกวิธีหยุดระเบิดนั่น”
“แกไม่จำเป็นต้องบอกฉันหรอก ระเบิดเวลาที่ทำขึ้นด้วยตัวเองแบบนั้น มันไม่เห็นจะแก้ยากตรงไหน”
หลี่โม่พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
เหล่าหูอึ้งไป เขาตัวสั่นและมองไปที่หลี่โม่ เขาเกลียดตัวเองที่หน้ามืดตามัวเพราะเงิน
“อยากอยู่หรืออยากตาย” หลี่โม่ถามขึ้น
เหล่าหูตัวสั่นงันงก เขาเอาหัวโขกพื้นไม่หยุด เสียงหัวที่กระทบกับพื้นดังขึ้นมา
“อยากมีชีวิตอยู่ครับ ผมอยากมีชีวิตอยู่จริงๆ ขอแค่คุณเอ่ยออกมา ผมจะทำทุกอย่าง คุณไว้ชีวิตผมด้วยเถอะ”
“บอกมาว่าใครเป็นคนสั่งให้แกทำ แล้วเขาสั่งให้แกทำอะไร”
หลี่โม่หรี่ตาลงแล้วถามขึ้น
“ฉิงจี้เย่คุณชายใหญ่ของตระกูลฉิงที่เมืองเอกครับ เขาส่งข้อมูลมาให้ผม เขาบอกว่ามีคนจ้างนักฆ่าให้มาฆ่าคุณด้วยจำนวนเงินยี่สิบล้าน ผมโลภเลยรับงานนี้ คิดไม่ถึงว่าคุณจะเป็นผู้มีฝีมือ ผมพลาดที่ล่วงเกินคุณ”
เหล่าหูไม่กล้าปิดบังแม้แต่น้อย เขาพูดสิ่งที่ตัวเองรู้ออกมาทั้งหมด
“ฉิงจี้เย่อย่างนั้นเหรอ”
หลี่โม่เอ่ยชื่อของฉิงจี้เย่ออกมาอีกครั้ง คิดไปคิดมาเขาไม่รู้จักคนคนนี้
แต่ฉิงจี้เย่เป็นคุณชายผู้ร่ำรวยแห่งเมืองเอก หลี่โม่เดาว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับตระกูลหม่า
“ตระกูลหม่าเป็นคนให้เงินแกเหรอ”
“เรื่องนี้ผมไม่รู้ คุณชายใหญ่ฉิงเท่านั้นที่รู้ว่าใครเป็นผู้ว่าจ้าง คุณชายใหญ่ฉิงมีเส้นสายกว้างขวาง เขารู้จักคนไปทั่ว เหล่านักฆ่ากับพวกทหารรับจ้างต่างยอมรับอำนาจของเขา เขาเป็นคนที่บารมีในแวดวงของพวกเรา”
หลี่โม่พยักหน้า เขาก้าวเข้าไปหาสองสามีภรรยา แล้วมองเวลาบนระเบิดที่กำลังนับถอยหลัง เขาเห็นว่ามันเหลือเวลาเพียงหนึ่งนาทีกว่า
แกรก
ประตูห้องถูกเปิดออก กู้หยุนหลันทำตัวลีบและมองเขามาข้างในห้องอย่างหวาดระแวง
การที่รออยู่ข้างนอกทำให้เธอรู้สึกเหมือนเวลาเดินช้าเป็นปี เธอรอไม่ไหวและแอบเปิดประตูเข้ามาดูเหตุการณ์
เมื่อเห็นหลี่โม่ยืนอยู่ข้างหน้าพ่อแม่ของเธอ อีกทั้งยังมีคนแปลกหน้าเนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือดคุกเข่าอยู่บนพื้น เธอรู้ทันทีว่าสามารถควบคุมเหตุการณ์ได้แล้ว
เธอรีบเปิดประตูอย่างแรงและเดินเข้ามาข้างใน
เมื่อเดินเข้ามาใกล้พ่อกับแม่ กู้หยุนหลันถึงกับอึ้งไป
“นี่ นี่คือระเบิดเหรอ มีระเบิดได้ยังไง”
เมื่อเห็นระเบิดเวลาที่กำลังทำงานอยู่ กู้หยุนหลันถึงกับตื่นตระหนก
หลี่โม่ใช้มือซ้ายประคองกู้หยุนหลันเอาไว้ จากนั้นจึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “อย่าตกใจไป แค่ดึงสายสีแดงออกก็จบแล้ว”
“จริงเหรอ มันจะไม่ระเบิดใช่ไหม ฮือๆ”
กู้หยุนหลันปาดน้ำตาอย่างสับสน เธอมองหลี่โม่ที่กำลังทำลายสายสีแดง
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด
หลังจากเสียงสัญญาณสามครั้ง เวลาที่กำลังนับถอยหลังก็หยุดลง
เหล่าหูแค่นยิ้มออกมาแล้วมองหลี่โม่ เขาคิดในใจว่าตัวเองไม่ได้แพ้อย่างเสียศักดิ์ศรี เขาหันไปมองหลี่โม่ที่กำลังตัดสายของระเบิดอย่างใจเย็น เขามองออกว่าหลี่โม่ไม่ใช่คนธรรมดา
อย่าว่าแต่คนธรรมดาเลย ถึงผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการอบรบด้านการกู้ระเบิด ก็ยังต้องใช้ความคิดสักพัก
แต่ทว่าหลี่โม่กลับมองผ่านๆ ก็สามารถกู้ระเบิดได้อย่างแน่วแน่
“คุณดูสิ มันหยุดแล้ว ตอนนี้เรื่องมันจบแล้ว ผมจะเอาระเบิดไปทำลาย คุณพาพ่อแม่ไปที่ห้องก่อน แล้วอยู่เป็นเพื่อนพวกเขา ตอนนี้พวกเขาสลบอยู่ อย่าพูดเรื่องโดนจับให้พวกเขาฟัง เดี๋ยวพอเขาฟื้นขึ้นมาคุณก็สร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อเป็นการปลอบพวกเขา”
“อื้ม ฉันจะทำตามที่นายบอก”
กู้หยุนหลันไม่มีกะจิตกะใจทำอะไร หลี่โม่พูดอะไรเธอจึงทำตามที่เขาบอก
หลี่โม่พาสองสามีกลับไปในห้อง หลังจากที่เขาพูดปลอบใจกู้หยุนหลัน เขาก็เดินออกมาจากห้องและปิดประตูลง
ทั้งแขนและขาของเหล่าหูไร้เรี่ยวแรง เขาทำได้เพียงตะเกียกตะกายอยู่บนพื้นด้วยท่าทางแปลกประหลาด
เมื่อเห็นหลี่โม่ออกมา เหล่าหูจึงยิ้มประจบประแจง
“คุณหลี่โม่ ผม ผมไปได้หรือยังครับ”
“นายแน่ใจเหรอว่าสภาพแบบนี้จะเดินเองได้”
หลี่โม่หัวเราะแล้วพูดออกมา
เหล่าหูเงียบไปครู่หนึ่ง และคิดถึงอาการบาดเจ็บของตัวเอง ตอนนี้เขาสูญเสียการเคลื่อนไหว จะคลานออกไปก็ยังทำไม่ได้
“ฉันบอกว่าจะปล่อยนายก็ต้องปล่อยสิ นายให้ใครมารับดีไหม ฉันว่าให้คุณชายใหญ่ฉิงมารับนายน่าจะเหมานะ”
เหล่าหูรู้ว่าหลี่โม่ต้องการจะสื่ออะไร เขาต้องการให้ตัวเองติดต่อคุณชายใหญ่ฉิงมาที่นี่ ดูเหมือนว่าหลี่โม่ต้องการจะรู้อะไรจากคุณชายใหญ่ฉิง
“ผม ผมจะลองโทรหาคุณชายใหญ่ฉิง แต่ผมเป็นแค่คนที่ทำตามคำสั่ง เขาเป็นบุคคลที่สูงส่ง ไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องของผม”
“ถ้าเขาไม่มา นายก็ให้เพื่อนคนอื่นมารับสิ ฉันเป็นคนมีเมตตามากเลยนะ”
หลี่โม่ยิ้มบางๆ แล้วยิ้มออกมา
นี่เรียกว่าเมตตาอย่างนั้นเหรอ
ทำลายแขนขาของเขาอย่างน่าเวทนา นี่มันโหดเหี้ยมมากไม่ใช่หรือไง
เหล่าหูสบถในใจ จากนั้นจึงแค่นยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “มือถือของผมอยู่บนโต๊ะ รบกวนคุณช่วยหยิบให้หน่อย”
หลี่โม่หยิบมือถือและปัดมันเพื่อเปิดหน้าจอ เขาช่วยกดโทรไปหาฉิงจี้เย่ จากนั้นก็กดเปิดลำโพง
เสียงสัญญาณดังขึ้นมาหลายครั้ง เสียงสบายใจของฉิงจี้เย่ดังออกมา “ทำสำเร็จแล้วเหรอเหล่าหู”
“ไม่สำเร็จ ผมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลี่โม่ ตอนนี้ผมบาดเจ็บสาหัส คุณหลี่โม่บอกว่าจะไว้ชีวิตผม แต่คุณต้องมารับผม คุณชายใหญ่ฉิง ผมไม่เคยขออะไรคุณเลย ครั้งนี้คุณช่วยมารับผมกลับไปหน่อยเถอะครับ ผมจะซาบซึ้งในบุญคุณของคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้”
เหล่าหูพูดอ้อนวอนด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น
ฉิงจี้เย่กำมือถือแน่นจนเส้นเลือดบนหลังมือปูดขึ้นมา
“แกนี่นะกระจอกจริงๆ ทำงานไม่สำเร็จ ยังกล้ามีหน้ามาอ้อนวอนฉันอีกเหรอ แกไม่รู้ข้อปฏิบัติในแวดวงของแกเหรอ”
“ผม ผมรู้ แต่นี่เป็นเงื่อนไขที่คุณหลี่โม่จะปล่อยผมไป ขอร้องนะครับ คุณมารับผมหน่อย ไม่งั้นผมไม่รอดแน่ๆ”
ฉิงจี้เย่หลับตาและสูดหายใจลึก เขาคิดถึงเจตนาที่หลี่โม่ให้เขาไปด้วยตัวเอง
“หลี่โม่ ฉันรู้ว่านายกำลังฟังอยู่ ฉันให้ลูกน้องไปรับเหล่าหูได้ไหม ถ้านายจะไว้ชีวิตเขาก็ทำให้ถึงที่สุด”
หลี่โม่หัวเราะ “ตระกูลหม่า ออกเงินจ้างเขามาอย่างนั้นเหรอ”
“ฉลาดนิ หม่าเต๋อฝูโกรธจนบ้าไปแล้ว เขาทุ่มเงินทั้งหมดเพื่อที่จะฆ่านาย