บทที่ 643 ลืมความกังวล
ทาสอู่ซานได้กลิ่นหอมของอาหาร เมื่อมีบ่าวรับใช้เอาชามโจ๊ก รวมถึงซาลาเปาและผัดผักจานหนึ่งมาวางไว้ให้ หมอบอกว่าตอนนี้คนไข้ควรรับประทานอาหารเบาๆ ก่อน ซานเป่ามองเด็กหนุ่มที่ยังคงนอนนิ่งไม่เคลื่อนไหว
“ลุกมากินก่อน”
จมูกของเด็กชายขยับไปมาเมื่อได้กลิ่นของอาหาร เขาอยากกินมากแต่ก็ยังไม่กล้าแม้แต่จะขยับ ทำได้เพียงเหลือบมองซานเป่าอย่างลังเลเท่านั้น
“เจ้านายบอกให้เจ้ากิน เจ้าไม่เชื่อฟังคำสั่งของเจ้านายหรือ?” ซานเป่าพูดด้วยใบหน้าที่บูดบึ้ง ทาสอู๋ซานจึงรีบลุกจากเตียงเดินไปที่โต๊ะ
“กินสิ” ซานเป่าเร่ง เด็กหนุ่มหิวมากเขาหยิบชามโจ๊กขึ้นมากินไปทีเดียวครึ่งถ้วย
“ช้าหน่อย เจ้าเพิ่งจะฟื้นยังกินเร็วแบบนี้ไม่ได้นะ เจ้าจะปวดท้อง” ซานเป่ารีบพูดทันที มันทำให้เด็กหนุ่มชะงักมือ นี่นายท่าน…เป็นห่วงเขาหรือ?
ชีวิตที่ไร้ค่าของเขา หากท้องจะเป็นอะไรไปคงไม่มีใครเป็นห่วงหรอก แต่คำพูดของนายท่าน ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นอย่างอธิบายไม่ได้ หัวใจของเขาที่ด้านชาเต้นแรงขึ้นเล็กน้อย อู่ซานเชื่อฟังแต่โดยดี เขาจิบโจ๊กเข้าปากทีละนิด
“อย่าเอาแต่ดื่มโจ๊กสิ มีซาลาเปากับผัดผักด้วยนะ” ซานเป่าพูดชักชวน เด็กหนุ่มจึงกวาดอาหารทุกอย่างลงท้องไป นางไม่ได้เตรียมอาหารไว้มาก เพราะตอนที่เขาหมดสติไป เขาได้รับเพียงน้ำเท่านั้น หากกินอาหารไปมากๆ ในคราวเดียว จะทำให้ท้องเขาทำงานหนักจนเกินไป
“ไปนอนเถอะ” ซานเป่าว่า
เด็กหนุ่มเดินไปที่เตียงนอนและนอนลงด้วยอย่างว่าง่าย เขาเอาผ้าห่มคลุมตัวเองอีกครั้ง
“พักผ่อนเยอะๆ ล่ะ ถ้าข้าว่างข้าจะมาหาเจ้า” ซานเป่าพูด
สายตาของเด็กหนุ่มจับจ้องไปที่ซานเป่าจนกระทั่งนางออกจากห้องไป ประตูที่ปิดลงกั้นการมองเห็นของเขา
หลังจากที่ออกจากห้องของทาสอู๋ซาน ซานเป่าเดินไปที่ลานฝึก นางเห็นอาจารย์ยืนอยู่แต่ไกล คิ้วของตู้เย่ขมวดยุ่งทำให้ซานเป่ารับรู้ได้ว่าเขากำลังอารมณ์เสีย
“ท่านอาจารย์”
“ท่านอาจารย์…”
ซานเป่าพูดอย่างออดอ้อน แต่ตู้เย่ไม่แม้แต่จะตอบสนอง ตู้เย่เข้มงวดกับซานเป่าเสมอ การที่นางมาสาย ทำให้เขาโกร ธ ซานเป่าจึงก้มหน้ายอมรับความผิดของตัวเอง
“ท่านอาจารย์ ข้าไปหาทาสอู๋ซานมา ตอนนี้เขาฟื้นแล้วจึงมาสาย ข้าขอโทษที่มาสายเช่นนี้ ต่อจากนี้ข้าจะไม่ทำอีกแล้ว”
ซานเป่ารีบพูดอย่างกระตือรือร้น สีหน้าของนางดูน่าสงสารมากขึ้นเรื่อยๆ ทันใดนั้นเองตู้เย่ก็หันหลังเดินออกไป ทำให้ซานเป่าตื่นตระหนกมาก นี่อาจารย์กำลังเมินนางหรือ? หรือการทำท่าน่าสงสารจะไร้ประโยชน์เสียแล้ว ? ทำอย่างไรดี?
“มัวโอ้เอ้อะไรอยู่ มาฝึกซ้อมได้แล้ว” ตู้เย่พูดขึ้นอย่างเย็นชา
ซานเป่าได้สติ ที่จริงแล้วตู้เย่เดินเข้าไปในลานฝึกซ้อมต่างหาก ซานเป่าที่ดูห่อเหี่ยวเมื่อครู่นี้มีท่าทีกระฉับกระเฉงสดชื่นขึ้น นางรีบเดินตามตู้เย่ไปราวกับลูกหมาน้อย
“นังหนู เจ้าอืดอาดแบบนี้ได้อย่างไร” ตู้เย่ดุเบาๆ แต่มุมปากของเขายกขึ้น
…
สองวันต่อมา
ร่างกายของทาสอู๋ซานฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว บาดแผลบนร่างกายของเขาตกสะเก็ด ตอนนี้ทาสอู๋ซานสามารถเดินเหินได้อย่างอิสระแล้ว แต่ในเมื่อไม่มีคำสั่งใหม่จากเจ้านาย เขาจึงได้แต่นอนอยู่บนเตียงเท่านั้น สองวันที่ผ่านมานี้เขาได้นอนบนเตียงนุ่มๆ มีอาหารอร่อยกิน มีเสื้อผ้านุ่มๆ ให้ใส่ และไม่ถูกทุบตี… เขาอดไม่ได้ที่จะลองหยิกตัวเองอีกครั้ง ความเจ็บปวดทำให้เขารู้ว่าไม่ใช่ความฝัน
นี่คือเรื่องจริง….บราวนี่ออนไลน์
เด็กหนุ่มนอนพักผ่อนอย่างเชื่อฟัง เขาชอบที่จะหันไปมองที่ประตูอย่างกระตือรือร้นราวกับคาดหวังอะไรบางอย่าง ในอดีตสิ่งที่เขากลัวมากที่สุดคือเจ้านายของตัวเอง เขาคิดว่าเจ้านายเป็นปีศาจที่ดุร้ายมีปากใหญ่ๆ ไว้เขมือบเขา
แต่เจ้านายคนใหม่ของอู๋ซานแตกต่างออกไป นางเหมือนเทพธิดาดวงจันทร์ที่สว่างไสว ยามที่เขาได้อาบแสงจันทร์ทำให้หัวใจเขาอบอุ่น อู่ซานรอคอยการมาเยือนของเจ้านาย เมื่อประตูห้องเปิดออกเด็กหนุ่มจะหันไปมองตาไม่กระพริบ สาวน้อยที่เดินเข้ามาทำให้ดวงตาที่ไร้สีสันของอู๋ซานสว่างเป็นประกาย ซานเป่าเดินไปชะโงกดูเขาที่เตียง
“สีหน้าเจ้าดูดีขึ้นนะ เจ้ารู้สึกไม่สบายตรงไหนบ้างหรือไม่?” ซานเป่าถาม
“ไม่ขอรับ” เด็กหนุ่มส่ายศีรษะไปมา
“เจ้าชื่ออะไรหรือ?” ซานเป่าถามต่อ
คนเหล่านั้นมักจะเรียกเขาว่าไอ้ขยะ ไอ้สุนัข ไม่ก็ทาสอู๋ซาน เขาเป็นแค่ทาสจึงไม่สมควรที่จะมีชื่อ เด็กหนุ่มส่ายศีรษะไปมา
“ทาสไม่มีชื่อขอรับ”
“เป็นคนจะไม่มีชื่อได้อย่างไร” ซานเป่ารู้สึกว่าเด็กหนุ่มคนนี้ควรมีชื่อ
“ให้ข้าช่วยตั้งให้ดีหรือไม่?”
ซานเป่าเชิดหน้าขึ้นมองไปที่ดวงตาสีเข้มของเขา
“ดวงตาของเจ้าสีดำมืดราวกับหินหวังหยู..เช่นนั้นข้าเรียกเข้าว่าหวังหยูแล้วกัน ดีหรือไม่?”
ดวงตาที่ดำสนิทของเขาสว่างขึ้นทีละน้อย หวังหยู…หวังหยู…ชื่อของเขา
“ขอบคุณขอรับเจ้านาย” เขากล่าว น้ำเสียงของเขาสั่นเทาจนไม่อาจควบคุมได้
“จวนอู่โหว ไม่มีทาสแม้แต่คนเดียว เจ้าอย่าแทนตัวเองว่าทาสอีก ให้แทนตัวเองว่า ‘ข้า’ เข้าใจหรือไม่?” ซานเป่ากล่าว หวังหยูเปิดริมฝีปากของเขาแต่ทว่าไม่มีเสียงเล็ดรอดออกมา
“ข้า..” ซานเป่าพูด
“ข้า” หวังหยูพูดตามด้วยเสียงแหบแห้ง
“ขอบคุณขอรับเจ้านาย”
“อยู่ห้องทั้งวันแบบนี้น่าเบื่อออก ไปเดินเล่นกัน” ซานเป่าพูด “รีบลุกเร็ว ใส่รองเท้าด้วย”
หวังหยูยืนขึ้น เขาเห็นว่าที่ข้างเตียงมีรองเท้าคู่หนึ่งวางอยู่ ปกติแล้วเขาจะเดินเท้าเปล่า การสวมรองเท้าจึงไม่ใช่สิ่งที่เขาคุ้นเคย ยามที่เท้าของเขาได้อยู่ในรองเท้ามันช่างอบอุ่นมาก เหมือนกับว่าตัวของเขาถูกรายล้อมไปด้วยแสงสว่างที่ปล่อยออกมาจากตัวเจ้านายของเขา หวังหยูใส่รองเท้าเดินตามเจ้านายคนใหม่ออกไปนอกห้อง
เขาอดไม่ได้ที่จะระวังตัวและเกร็งราวกับสัตว์ตัวเล็กที่กำลังหวาดกลัวเมื่อมีคนเข้ามาใกล้ แต่อย่างไรก็ตามทุกคนเคารพเจ้านายของเขา พวกเขามองหวังหยูอย่างเป็นมิตรไร้ซึ่งความอาฆาตพยาบาทเหมือนที่เขาเคยได้รับ
“หวังหยู เจ้ามาจากไหน? อู๋ซานหรือ?” ซานเป่าถาม
คนเหล่านั้นมักจะเรียกหวังหยูว่า ทาสอู๋ซาน นางจึงครุ่นคิดถึงที่มาของชื่อนี้
อู๋ซานเป็นภูเขาลึกลับที่อยู่ห่างไกลของต้าโจว ว่ากันว่าที่นั่นมีชนเผ่าโบราณอาศัยอยู่ พวกเขามีพลังพิเศษ มีขนบธรรมเนียมและความเชื่อของตัวเอง คนในเผ่าไม่ข้องเกี่ยวกับทางโลก คนภายนอกไม่กล้าเข้าไปรุกรานทำให้พวกเขาได้อยู่อาศัยอย่างสงบสุข
อย่างไรก็ตาม ชนเผ่าโบราณก็มีคนที่อยากรู้อยากเห็นเรื่องราวของโลกภายนอก บ้างก็ถูกหลอกและโดนจับมาเป็นทาส พวกเขาจะถูกเรียกว่าคนทรยศ และจะไม่เป็นที่ต้องการของคนในเผ่าเดียวกันอีกต่อไป พวกเขาจึงถูกเรียกรวมว่า ‘ทาสอู๋ซาน’
“ข้า..จำไม่ได้ขอรับ” หวังหยูขมวดคิ้ว เขาคิดอยู่นานก่อนจะส่ายศีรษะ
ความทรงจำของเขาเต็มไปด้วยความมืดมิดและความรุนแรง เขาเคยพยายามที่จะหลบหนี แต่เพราะหวังหยูแข็งแกร่งเกินไป คนเหล่านั้นจึงใช้โซ่ล่ามเอ็นร้อยหวายของเขาจนเขาทนไม่ไหวแล้วทุบตีหวังหยู เด็กหนุ่มเปลี่ยนเจ้านายไปหลายคน แต่นายน้อยเป็นคนที่น่ากลัวมากที่สุด เขารู้สึกว่าตัวเองลืมสิ่งที่สำคัญมากๆ ไปเสียแล้ว แต่ไม่ว่าหวังหยูจะพยายามเพียงใด เขาก็จำไม่ได้