เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ – บทที่ 653 หลูเสวี่ยน

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

บทที่ 653 หลูเสวี่ยน

เมื่อหวังหยูตื่นขึ้นมาเขายังจดจำดวงตาที่เห็นในความฝันได้เป็นอย่างดี แต่เหตุใดเขาถึงฝันเช่นนี้? ยิ่งไปกว่านั้นทุกอย่างในความฝัน ช่างดูคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด หวังหยูรู้สึกว่าตัวเขาลืมสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตไป ความฝันเมื่อคืนเกี่ยวข้องกับความทรงจำที่หายไปของเขาหรือเปล่า? แม้หวังหยูจะพยายามอย่างหนักเพียงใด แต่เขากลับจำอะไรไม่ได้เลยสักนิด

ย้อนกลับไปก่อนหน้า

หลังจากที่ซานเป่าออกมาจากห้องของหวังหยู นางไปหามารดาและกอดเอวของถังหลี่ไว้แน่น

“ท่านแม่ ขอบคุณท่านมาก”

เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความผิดของนางทั้งหมด โชคดีที่ท่านแม่ช่วยหวังหยูได้ทัน ถังหลี่ลูบศีรษะของซานเป่า

“ไม่ต้องกังวลนะ แม่อยู่นี่” ซานเป่าพยักหน้า

คำพูดของมารดา ไม่ใช่แค่เพียงคำปลอบใจเท่านั้น แต่ท่านแม่จัดการทุกอย่างได้จริงๆ ทำให้ซานเป่ารู้สึกสบายใจ

“ท่านแม่ แล้วหลูเสวี่ยน..” ซานเป่าขมวดคิ้ว

หลูเสวี่ยนเป็นคนที่โหดร้ายมาก หวังหยูถูกทำร้ายเกือบตายเช่นนี้เป็นเรื่องที่ปล่อยไปไม่ได้

“ไม่ต้องกังวล แม่จะจัดการกับเรื่องนี้เอง” ถังหลี่กล่าว

หลูเสวี่ยนเป็นคนมีไหวพริบ แม้ว่าเขาจะดุร้าย ทว่ากลับหลุดพ้นจากช่องโหว่ของกฎหมายต้าโจวไปได้ แต่คราวนี้นางจับเขาได้คาหนังคาเขา นางจะยื่นคำร้องต่อทางการและหลักฐานทุกอย่างกับศาลต้าหลี่ เอาผิดเรื่องที่หลูเสวี่ยนทำร้ายผู้บริสุทธิ์ตามอำเภอใจ เมื่อถึงเวลานั้นผิงหยางโหวและองค์หญิงอันเยว่จะยังปกป้องเด็กเหลือขอคนนี้ได้หรือไม่

….

จวนผิงหยางโหว

องค์หญิงอันเยว่ดูแลหลู่เสวี่ยนที่บาดเจ็บสาหัสทั้งคืนจนไม่ได้นอน จนกระทั่งบุตรชายของนางฟื้นคืนสติขึ้นมาในตอนเช้า ทำให้นางถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อนึกถึงภาพบุตรชายที่ถูกอุ้มกลับมาในสภาพที่เต็มไปด้วยเลือด หัวใจของนางแทบหยุดเต้นเต็มไปด้วยความโกรธ

เป็นแม่ลูกสกุลอู่อีกแล้ว!

พวกนางกล้าดีอย่างไร! ถึงได้ทำร้ายบุตรชายของนางเช่นนี้ ระหว่างดูแลบุตรชายในใจของนางก่นด่าสองแม่ลูกนับร้อยครั้ง นางจะต้องทวงความยุติธรรมให้กับบุตรชายให้ได้!

“ข้าต้องไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ให้ตัดสินแทนข้า ข้าทนไม่ไหวแล้ว!” องค์หญิงอันเยว่กล่าว

ผิงหยางโหวเองก็ไม่ได้ห้ามภรรยาเช่นกัน สองแม่ลูกคู่นั้นทำเกินเลยไปมาก ครั้งที่แล้วบุตรชายของเขามีความผิดที่ต้องการทำร้ายบุตรสาวของนาง เขาจึงยอมให้ลูกชายถูกทุบตี แต่ครั้งนี้เขาไม่ได้ทำอะไรคนในสกุลอู่เลยเพียงแค่จะสั่งสอนทาสเท่านั้น

เป็นเพียงแค่ทาสแท้ๆ เหตุใดพวกนางจึงต้องใส่ใจกับมันถึงเพียงนี้?

หลูอันรู้สึกว่าสองแม่ลูกสกุลอู่จงใจหาโอกาสที่จะกระทำเช่นนี้ พวกนางไม่ให้เกียรติสกุลหลู่เลย

“ข้าจะให้คนเตรียมรถม้า ข้าจะเข้าวังหลวงพร้อมองค์หญิง” หลอันกล่าวบราวนี่ออนไลน์

ขณะที่ผิงหยางโหวและฮูหยินกำลังจะออกไป พวกเขาได้เผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่จากศาลต้าหลี่ที่หน้าประตูจวน เจ้าหน้าที่เหล่านั้นเอาป้ายและหมายจับออกมาแสดงให้เห็นจุดประสงค์ที่มาเยือนในครั้งนี้

“มีคนร้องเรียนว่าคุณชายหลูเสวี่ยนแห่งผิงหยางโหวมีเจตนาฆ่าผู้บริสุทธิ์ไม่เลือกหน้า พวกข้าจึงได้รับคำสั่งมาให้นำตัวเขาไปที่ศาลต้าหลี่เพื่อพิจารณาคดี”

ทั้งหลู่อันและองค์หญิงอันเยว่ถึงกับนิ่งงันตกตะลึงไปทันที

“ใครเป็นคนร้องเรียน ฮูหยินอู่หรือ?” เจ้าหน้าที่พยักหน้ารับ หลูอันตอบกลับทันที

“บุตรชายข้าไม่ได้ทำร้ายผู้บริสุทธิ์ เพราะทาสคนนั้นทำให้เขาขุ่นเคืองจึงอยากสั่งสอนบทเรียน ไม่มีกฎหมายใดของต้าโจวห้ามไม่ให้ลงโทษสั่งสอนพวกทาสไม่ไช่หรือ?”

ทาสเป็นสมบัติของเจ้านาย หากเป็นทาสของตัวเองไม่ว่าจะฆ่าแกงอย่างไรก็ไม่ผิด แต่ทว่าในทางกลับกันเมื่อเป็นทาสของผู้อื่น พวกเขาจะต้องนำทรัพย์สินชดใช้เสียเป็นค่าปรับ

“ทาสผู้นั้นตายแล้วหรือ? เช่นนั้นจวนผิงหยางโหวจะยินดีชดเชยให้” หลูอันกล่าว แต่เจ้าหน้าที่ตอบว่า

“คนที่หลูเสวี่ยนทำร้ายไม่ใช่ทาส เขามีทะเบียนบ้าน เป็นทาสของสกุลอู่” เมื่อเจ้าหน้าที่กล่าวเช่นนั้นใบหน้าของหลูอันเปลี่ยนสีทันที

การมีทะเบียนบ้านกับไม่มีทะเบียนบ้านแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

เมื่อทาสไม่มีทะเบียนบ้านจึงเป็นแค่ทรัพย์สิน แต่ถ้ามีทะเบียนบ้านจะถือได้ว่าเป็นราษฎรของแคว้นต้าโจว ทาสในเรือนจึงมีสถานะไม่ต่างจากคนทั่วไป

“ประมวลกฎหมายต้าโจวเกี่ยวกับความผิดอาญาในการทำร้ายชีวิตมนุษย์” มีบทลงโทษสำหรับขุนนางที่ทำร้ายประชาชนทั่วไปอยู่ หากทาสผู้นั้นมีทะเบียนบ้านเรื่องนี้ย่อมเป็นปัญหาแน่ เรื่องจากบุตรชายของเขาฝ่าฝืนกฎหมายของต้าโจว

“ทาสมีทะเบียนบ้านหรือ?” หลูอันถาม

เขายังไม่อยากเชื่อว่าสกุลอู่จะนำทาสอู๋ซานที่ต้อยต่ำเข้าในทะเบียนบ้าน เป็นการกระทำที่อุกอาจมาก นับว่ามีเจตนาทำร้ายตระกูลหลู

“หากเป็นการนำเข้าทะเบียนบ้านในวันนี้ แต่เหตุเกิดขึ้นเมื่อวาน ดังนั้นจึงไม่นับเป็นความผิด ศาลต้าหลี่รู้เรื่องนี้หรือไม่?” หลูอันถามต่อ

“จากการตรวจสอบแล้วผู้บาดเจ็บได้ถูกนำชื่อเข้าทะเบียนบ้านตั้งแต่เดือนที่แล้ว” หลังจากที่เจ้าหน้าที่กล่าวจบใบหน้าของหลูอันเปลี่ยนไปทันที

ว่าอย่างไรนะ?

“โปรดส่งตัวหลูเสวี่ยนให้พวกข้าได้พาเขาไปพิจารณาคดีด้วย” เจ้าหน้าที่กล่าวต่อ

“ไม่ได้ เสวี่ยนเอ๋อร์บาดเจ็บสาหัสอยู่” องค์หญิงอันเยว่ปฏิเสธทันที

“ขอให้พวกข้าได้ตรวจสอบเพื่อยืนยันอาการและนำเรื่องนี้กลับไปรายงานด้วย” เจ้าหน้าที่จากศาลต้าหลี่กล่าว

“ไม่ได้ เขาจะต้องพักฟื้นนะ อย่ารบกวนเขา ถ้าบุตรชายข้าเป็นอะไรไปเจ้าจะรับผิดชอบไหวหรือ?” องค์หญิงอันเยว่พูดอย่างเย็นชา

เมื่ออีกฝ่ายคือผิงหยางโหวมีสถานะเป็นถึงองค์หญิง เจ้าหน้าที่อย่างพวกเขาย่อมไม่สามารถจะขัดใจได้ เจ้าหน้าที่ศาลต้าหลี่จึงได้แต่พูดว่า

“ถ้าเช่นนั้นพวกข้าจะรอที่ประตูจวน เพื่อรอพบคุณชายหลูเสวี่ยน”

เจ้าหน้าที่สองสามคนยืนกรานที่จะอยู่หน้าประตูจวนผิงหยางโหว

“พวกเจ้าจงรอไป” องค์หญิงอันเยว่พูดก่อนจะกลับเข้าไปในจวน หลูอันขมวดคิ้วทันที ทางเข้าจวนผิงหยางโหวอยู่บริเวณตลาดริมถนน ยามกลางวันทำให้มีผู้คนผ่านไปผ่านมาจำนวนมาก เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ยืนอยู่ตรงประตูจวนทำให้พวกเขาพากันหยุดมองด้วยความอยากรู้อยากเห็น หลูอันมองไปยังเหล่าเจ้าหน้าที่

“พวกเจ้ากลับไปก่อน เมื่อบุตรชายข้าดีขึ้นเขาจะไปที่ศาลต้าหลี่เอง”

“ท่านผิงหยางโหว พวกข้าได้รับคำสั่งมา หากกลับไปมือเปล่าคงไม่ดีแน่ พวกข้าจะรอจนกว่าคุณชายจะดีขึ้น ท่านผิงหยางโหวไม่จำเป็นต้องสนใจพวกข้า” เจ้าหน้าที่กล่าว

ไม่ว่าหลูอันจะพูดอะไรพวกเขาล้วนปฏิเสธ แม้ท่าทีของเจ้าหน้าที่จะดูเป็นมิตรแท้จริงแล้วกลับมีความมุ่งมั่นใจแข็งเป็นอย่างยิ่ง ทำให้หลูอันเข้าใจว่าเขาไม่สามารถโน้มน้าวให้คนเหล่านี้ให้ล่าถอยกลับไปได้ เขาจึงกลับเข้าจวนครุ่นคิดหาทางออกอื่นอีกต่อไป

หลูอันเข้าไปในห้อง เห็นหลูเสวี่ยนนั่งพิงหมอนด้วยใบหน้าซีดเซียว เขามองบุตรชายอยู่นานก่อนจะพูดอย่างจนปัญญา

“ถ้ารู้แบบนี้ ข้าควรให้เจ้าอยู่ที่วัดต่อไป”

หลูเสวี่ยนหรี่ตาลงไม่ปริปาก เขารู้ว่าตัวเองได้ทำผิดกฎหมายของต้าโจว ในตอนนี้จึงทำได้แค่ข่มความเกลียดชังไว้ภายใต้ใบหน้าที่ไร้เดียงสาและอ่อนแอ

องค์หญิงอันเยว่มองบุตรชายด้วยความเศร้าใจ นางหันไปมองสามี

“เหตุใดท่านพูดแบบนี้ต่อหน้าบุตรชายของท่านเล่า”

“เจ้าหน้าที่ศาลต้าหลี่รออยู่ที่ด้านนอกประตู” หลูอันกล่าว

“ก็ให้เขารอไป ดูสิว่าจะรอได้เพียงใด หากเขาจะมานำตัวเสวี่ยนเอ๋อร์ไปพวกเขาต้องข้ามศพข้าไปก่อน” องค์หญิงอันเยว่พูดด้วยน้ำเสียงกระด้าง

หลูอันถอนหายใจออกมา เขาพยายามครุ่นคิดถึงหาทางออกแต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถคิดแก้ปัญหาได้ได้

ที่ด้านนอกจวนผิงหยางโหวเจ้าหน้าที่จากศาลต้าหลี่ยืนอยู่ที่เดิม เป็นไปตามคาด มีชาวบ้านมามุงถามมากขึ้นเรื่อยๆ

“มีอะไรเกิดขึ้นกับจวนผิงหยางโหวหรือ? เหตุใดเจ้าหน้าที่ของศาลต้าหลี่ถึงได้มาเฝ้าหน้าประตูจวนล่ะ” สกุลหลูเป็นสกุลที่มีชื่อเสียงดี และมีจิตใจเมตตาต่อผู้อื่นไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะทำเรื่องเลวร้ายได้

เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องแปลกใหม่ ผู้คนจึงอยากรู้อยากเห็นมากเป็นพิเศษ เจ้าหน้าที่พยายามชี้แจงอย่างสุภาพ

“มีคนร้องเรียนว่าคุณชายหลูทำร้ายผู้บริสุทธิ์จนเกือบเสียชีวิต พวกข้าได้รับคำสั่งให้พาตัวเขาไปไต่สวน ทว่าตอนนี้คุณชายหลูบาดเจ็บสาหัสพวกข้าจึงได้แต่ยืนเฝ้าอยู่ตรงนี้”

เหล่าเจ้าหน้าที่ได้รับคำสั่งมาเช่นนี้จริงๆ โดยบอกว่าไม่จำเป็นต้องบังคับ หากสกุลหลูปฏิเสธก็ให้รออย่างอดทน เมื่อมีชาวบ้านอยากรู้อยากเห็นมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาจึงชี้แจงออกไป

“คุณชายหลู ใช่ผู้ที่ทุบตีทาสบนถนนหรือไม่?”

“ใช่แล้ว เป็นเขา วันนั้นเขาลงมือหนักมาก สกุลหลูเป็นตระกูลที่เข้มงวด ในเรื่องมารยาทมาก ท่านโหวน้อยน่าจะมีความสำรวมให้มากกว่านี้ไม่ใช่หรือ?”

“ข้าได้ยินมาว่าเขาพยายามใช้งูทำร้ายคุณหนูสกุลอู่”

“พวกเขาได้จัดการตามกฎของตระกูลหรือยัง? เหตุใดจึงมีคนบาดเจ็บอีก กระทั่งเรื่องถึงทางการเช่นนี้”

“แม้ว่าสกุลหลจะเป็นคนดี อีกทั้งนายท่านหลูเกอก็เป็นคนดี แต่ใช่ว่าชนรุ่นหลังจะเป็นมีความดีงามเช่นบรรพบุรุษ”

“เหตุใดผิงหยางโหวจึงไม่มอบตัวเขาให้ทางการ พวกเขากำลังปกป้องคนผิดอยู่หรือ?”

“เขาอาจจะอยู่ในอาการสาหัสจริงๆ ก็เป็นได้”

ชาวบ้านต่างให้ความคิดเห็นกันมากมาย เมื่อนายท่านหลูเกอกลับมาจากราชสำนักจึงได้ยินความคิดของผู้คน ใบหน้าของชายชราแทบดูไม่ได้ เขาหันหลังเดินเข้าไปในจวนผิงหยางโหวแล้วเดินตรงไปที่ห้องนอนของหลูเสวี่ยน เมื่อเห็นว่าหลานชายนั่งอยู่บนเตียงเขายิ่งโมโห ตอนนี้หลูเสวี่ยนได้สติแล้ว

องค์หญิงอันเยว่เห็นพ่อสามีเข้ามานางรีบพูดขึ้นว่า

“เสวี่ยนเอ๋อร์ ท่านปู่มาหาเจ้า” ว่าแล้วจึงได้หันไปพูดกับหลูเกอว่า

“ท่านพ่อ เสวี่ยนเอ๋อร์บาดเจ็บสาหัสคงไม่สามารถลุกขึ้นมาคารวะท่านได้ โปรดยกโทษให้เขาด้วย ตอนนี้ชีวิตของเสวี่ยนเอ๋อร์แขวนอยู่บนเส้นด้ายแล้ว สกุลอู่ทำกับเขามากเกินไป ทั้งที่เป็นแค่ทาสเท่านั้น พวกเขาไม่ไว้หน้าสกุลหลูเลย” องค์หญิงอันเยว่ถือโอกาสฟ้องเรื่องนี้กับพ่อสามี แต่แล้วนางก็ถูกหลูเกอขัดขึ้นมา

“เจ้าออกไปไหวหรือไม่?” เขาถามหลูเสวี่ยน องค์หญิงอันเยว่ชะงัก หลูเสวี่ยนทำท่าทีอ่อนแอส่ายศีรษะไปมา

“หากเดินออกไปไม่ได้ก็ให้คนมาอุ้มเจ้าออกไป” นายท่านหลูกล่าว ทำให้องค์หญิงอันเยว่เข้าใจในคำพูดของเขา

“ท่านพ่อ เสวี่ยนเอ๋อร์บาดเจ็บหนักเช่นนี้ เขาไม่พร้อมที่จะออกไป…”

“เจ้าหน้าที่ศาลต้าหลี่รอเจ้าอยู่ข้างนอก” หลูเกอพูดซ้ำ

“ก็ให้พวกเขารอไปสิ เพียงแค่ทำร้ายทาสเท่านั้นไม่ได้ตายเสียหน่อยเหตุใดจึงต้องโวยวายเช่นนี้” นางต้องการที่จะพูดต่อแต่หลูอันขัดขึ้นมาก่อน

“ขอรับ” เขาสัมผัสได้ถึงความโกรธของบิดาแล้ว ถ้าท่านพ่อได้ยินภรรยาเขาพูดมากกว่านี้คงจะเกิดโทสะมากขึ้น

“ท่านพ่อ ส่งเสวี่ยนเอ๋อร์ไปที่ศาลต้าหลี่เถอะ เราไม่ควรปล่อยให้เขาทำผิดกฎหมาย” หลูเสวี่ยนใบหน้าซีดเผือด เขาไม่เต็มใจ เกิดความรู้สึกชิงชังขึ้นมาเต็มหัวใจ นี่หรือคือสิ่งที่เรียกว่าครอบครัว!

ชื่อเสียงของสกุลหลูมีความหมายมากกว่าหลานชายแท้ๆของตัวเอง

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

Status: Ongoing
เธอทะลุมิติเข้าไปในนิยายที่ตนเองเคยอ่าน ถูกขายให้เป็นภรรยาของหนุ่มชาวป่า กลายเป็นแม่เลี้ยงของเด็กน้อย 3 คน ซึ่งเป็นตัวร้ายสุดชั่วช้า จุดจบคือประหารอย่างน่าสังเวช เธอจะทำยังไงให้อนาคตของพวกเขาเปลี่ยนไป‘ถังหลี่’ ทะลุมิติไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่ตนเองเคยอ่าน ถูกขายให้เป็นภรรยาของหนุ่มชาวป่า กลายเป็นแม่เลี้ยงของเด็กน้อย 3 คนแต่หนุ่มชาวป่าผู้นี้นั้น คือตัวร้ายหลักของนิยายเรื่องดังกล่าว เป็นตัวร้ายที่จิตใจอำมหิต สุดแสนจะชั่วช้าสามานย์ แถมลูกเลี้ยงทั้ง 3 ก็เป็นเหล่าวายร้าย เป็นตัวร้ายในเรื่องที่โฉดชั่วไม่ต่างกับบิดา จุดจบของพวกเขาคือถูกสั่งประหารอย่างน่าสังเวช แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ เด็กน้อยทั้ง 3 ยังคงเป็นเจ้าก้อนน่ารักนุบนิบ คอยเรียกนางอย่างแสนหวานว่า “ท่านแม่” เพียงแค่คำนี้ที่ออกมาจากปากของพวกเขา นางก็ใจอ่อนยวบ ตั้งใจว่าไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นางจะต้องเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของเหล่าลูกเลี้ยงให้ได้!ภารกิจถัดมาคืออะไรน่ะหรือ ก็คือทำนา ทำการค้า ทำทุกอย่างเพื่อหาเงินทองมาเลี้ยงเด็กน้อยทั้ง 3 ให้มีชีวิตที่สุขสบาย กล่อมเกลาพวกเขาให้มีชีวิตดีๆต่อมา…เหล่าวายร้ายทั้ง 3 ได้เติบโตขึ้น คนหนึ่งเป็นผู้นำสูงสุดของสำนักปราชญ์ในใต้หล้า คนหนึ่งเป็นพ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่ ร่ำรวยยิ่งกว่าฮ่องเต้ คนหนึ่งเป็นแม่ทัพหญิงผู้เก่งกาจสง่างาม…ทั้ง 3 ทั้งรักทั้งหวงถังหลี่เป็นอย่างมากผู้นำสูงสุดของสำนักปราชญ์ : บังอาจรังแกท่านแม่ของข้างั้นหรือ จับมันไปขังเดี๋ยวนี้!แม่ทัพหญิงผู้เก่งกาจสง่างาม : พี่ใหญ่ ฆ่ามันทิ้งเสียเลยง่ายกว่า!พ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่ : น้องสาม ข้าจะยื่นดาบให้เจ้าเอง!พระปิตุลาผู้ทรงอำนาจคว้าตัวภรรยาของตนเข้าไปกอด : ภรรยาที่รักของข้า ข้าจะปกป้องเอง เจ้าพวกตัวเปี๊ยกน่ารำคาญ ถอยไปซะ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท