เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ – บทที่ 670 ซานเป่าก็ไปด้วย

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

บทที่ 670 ซานเป่าก็ไปด้วย

จวนอู่โหว

เมื่อถังหลี่ได้ยินว่าพระสนมเหลียงมาเยือน นางจึงลุกไปต้อนรับ ทั้งคู่เคยพบกันหลายครั้งยามมีงานเลี้ยงในวังหลวง พระพักตร์ของพระสนมเหลียงมีรอยแย้มสรวลประดับไว้สม่ำเสมอ ทว่าบัดนี้ไร้ซึ่งความแจ่มใส ดูอิดโรยซีดเผือดอย่างน่าเศร้าใจ

“ฮูหยินอู่ ขออภัยที่ข้ามาเยี่ยมอย่างกระทันหันเช่นนี้”

“ไม่เป็นไรเพคะ หม่อมฉันดีใจมากที่พระสนมมาเยือนเพคะ”

นางไปที่ห้องรับรองเพื่อต้อนรับพระสนมเหลียงและให้สาวใช้ไปนำน้ำชามาถวาย พระสนมเหลียงทอดพระเนตรไปที่ถังหลี่

“จริงๆแล้ว ข้ามาเพราะจิ่งซวนพูดถึงเจ้าอยู่บ่อยครั้ง ข้าจึงได้อยากพบเจ้า…ข้าอยากทำบางอย่าง แต่ไม่รู้จะทำอะไรได้บ้าง หากข้ากลับวังไป…”

เมื่ออยู่ในวัง ความกังวลและความทุกข์ที่ถาโถมเข้าใส่ ทำให้พระสนมเหลียงตระหนกมาก รู้สึกราวกับว่ามีสัตว์ร้ายตัวใหญ่ต้องการจะกลืนกินนางทำให้หายใจแทบไม่ออก

“เจ้ามีเวลาพอจะพูดคุยกับข้าได้หรือไม่?” นางสนมเหลียงเอ่ยถามด้วยสายตาวิงวอน

ถังหลี่เป็นมารดาของบุตรหลายคนเช่นกัน นางเข้าใจในหัวอกของพระสนมเหลียงเป็นอย่างดี หากบุตรของนางหายไปโดยไม่รู้ว่าจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร นางคงจะทุกข์ใจมากเช่นกัน ถังหลี่นั่งข้างพระสนมเหลียง ปลอบประโลมด้วยการลูบหลังและไหล่ของนางเบาๆ

“ตอนที่ข้าท้องจิ่งซวน เจ้าเด็กคนนั้นชอบดิ้นโวยวายเตะต่อยอยู่ในท้องข้าเสมอ ข้าคิดว่าคงจะเป็นเด็กที่ซุกซนเอาการ ยามที่ถือกำเนิดออกมา เขาเป็นเด็กอ้วน ตัวใหญ่ ว่าง่าย เขากินเก่ง นอนเก่งจนตัวอ้วนกลมมากขึ้นเรื่อยๆ พอเริ่มจะเดินได้ไม่กี่ก้าวก็ร้องจะลงไปเดินที่พื้นตลอดเวลา เติบใหญ่สักหน่อย ก็ชอบไปล่องเรือจับปลา ปีนต้นไม้ สอยรังนก นางกำนัลวิ่งไล่จับจนหกล้มคะมำหงายไปตามๆ กัน พอจับได้ก็ทั้งผลักทั้งตีไม่ยอมท่าเดียว”

รอยแย้มสรวลฉายชัดบนพระพักตร์ของนาง

“เขาถูกข้าตีบ่อยครั้ง ทำท่าเหมือนหวาดกลัว ชอบออดอ้อนขอร้องข้า แต่ไม่เคยจำ วันหลังยังกล้าทำเช่นนั้นอีก”

“ทุกคนต่างพากันส่ายหัว คิดแต่ว่าเด็กคนนี้ไม่เอาไหน ทำให้ข้าปวดเศียรเวียนเกล้า สกุลเหลียงเป็นสกุลเดิมของข้า ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้คงทำอะไรได้ไม่มากนัก เขาถูกกำหนดให้เป็นองค์ชายผู้เกียจคร้านไม่เอาไหน แต่หลังจากที่เขาได้พบกับเว่ยจื่ออั๋งและสวี่เจวี๋ยท่าทีของเขาเปลี่ยนไป เขาขยันอ่านหนังสือมากขึ้น ทั้งสองเป็นทั้งครูและสหายที่ดีของเขา”

“องค์ชายหกเป็นเด็กดี จื่ออั๋งและสวี่เจวี๋ยจึงอยากผูกมิตรกับพระองค์เพคะ” ถังหลี่กล่าว

“ใช่แล้ว จิ่งซวนเป็นเด็กดี แม้จะไม่โดดเด่น เก่งกาจ แต่ที่จริงแล้วเป็นคนจิตใจดี มีความกตัญญูรู้จักรับผิดชอบ เขาเป็นหยกชิ้นหนึ่งที่รอการเจียระไน การเปลี่ยนแปลงของเขาในปีนี้ทำให้ข้ามีความสุขมากจริงๆ” น้ำเสียงของนางเปี่ยมล้นไปด้วยความสุขอย่างที่นางเอ่ย

“เขารับพระบรมราชโองการจากฝ่าบาทไปปราบโจร ข้าทั้งดีใจและทุกข์ใจไม่น้อย ท้ายสุดข้าจึงได้ตัดใจให้เขาไป”

“ข้าคิดอยู่เสมอว่า ข้าไม่สมควรบังคับเขา”

“บิดามารดามีความรักในตัวบุตรหลานของตน ย่อมเป็นธรรมดาที่จะปูทางสู่อนาคตให้เขา”

คำพูดของถังหลี่เป็นที่ประทับใจ

“ใช่แล้ว มีแต่หนทางนี้เพียงทางเดียวเท่านั้น หาไม่พวกเราแม่ลูกคงไม่แคล้วต้องถูกบดขยี้จนแหลกเป็นผุยผง”

ในนวนิยายต้นฉบับนั้น เมื่อจ้าวชูได้ขึ้นครองบัลลังก์จุดจบของสองแม่ลูก ช่างน่าเศร้ามาก

“พวกเราคงได้แต่โทษโชคชะตา” พระสนมเหลียงทอดอาลัย

“ชะตากรรมของเราสองแม่ลูกไม่ดีเลย”

“หากข้าแลกชีวิตกับจิ่งซวนได้ ไม่ว่าจะตกนรกขุมไหนก็ตาม ข้าย่อมยินดี ขอเพียงเขากลับมาก็พอ”

ตราบใดที่จ้าวจิ่งซวนกลับมาอย่างปลอดภัย นางยินดีทำทุกอย่าง หวังอย่างยิ่งว่าสวรรค์จะเห็นใจนาง

“ฝ่าบาท เมื่อคืนหม่อมฉันฝัน ในฝันองค์ชายหกยังมีชีวิตอยู่เพคะ” ถังหลี่เอ่ยขึ้น สนมเหลียงฝืนยิ้มนางรู้ว่าถังหลี่กำลังปลอบใจตนเอง

วันนี้นางได้รับคำปลอบโยนมากมาย ใครๆ ล้วนบอกว่าจิ่งซวนจะไม่มีอันตราย เขามีโชคชะตาเป็นของตัวเอง เขาจะปลอดภัย ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นคำปลอบประโลมทั้งสิ้น

“หม่อมฉันจะไปตามหาองค์ชายหก” ถังหลี่เอ่ยขึ้น

“เจ้า…เจ้าจะไปหาจิ่งซวนหรือ?” สนมเหลียงตกใจ ผู้ที่ปลอบโยนนางล้วนเอ่ยแต่ลมปาก หากถังหลี่เป็นคนแรกที่บอกว่าจะออกไปตามหาเขา หญิงสาวพยักหน้า

“สวรรค์บอกถึงหนทางที่หม่อมฉันต้องไปหาองค์ชายหก หม่อมฉันกำลังเก็บข้าวของและจะออกเดินทางในวันพรุ่งนี้”

ถังหลี่มองไปพระสนมเหลียงด้วยสายตานุ่มนวล

“พระสนมเชื่อหม่อมฉันหรือไม่?”

หากเป็นคนอื่นนางคงจะไม่เชื่อ แล้วคิดว่าอีกฝ่ายกำลังเล่นอุบาย แต่ถังหลี่แตกต่างออกไป จิ่งซวนพูดถึงผู้หญิงคนนี้เสมอ เล่าให้นางฟังถึงความเก่งกาจมากด้วยพรสวรรค์ของถังหลี่ เรื่องที่นางช่วยเด็กที่ถูกจับไปทดลองยา ช่วยจัดการปัญหาของคุณหนูเซี่ย…

จิ่งซวนตื่นเต้นทุกครั้งเมื่อเล่าถึงวีรกรรมต่างๆ ของผู้หญิงคนนี้ ทำให้พระสนมเหลียงคุ้นเคยดีว่าถังหลี่ไม่ใช่สตรีธรรมดาที่อยู่ในเรือนหลังเฉกเช่นภรรยาขุนนางทั่วไป นางสามารถเลี้ยงดูบุตรชายที่ดีอย่างสวี่เจวี๋ยและเว่ยจื่ออั๋งได้ เพราะฉะนั้นเรื่องที่นางพูดขึ้นมาย่อมไม่ใช่เป็นแค่ลมปากแต่อย่างใด

“ข้าเชื่อ” สนมเหลียงกล่าว

“แต่เจ้ากับสกุลเหลียงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแม้แต่น้อย เจ้าจะยอมให้ตนเองตกอยู่ในอันตราย…”

“พระสนม องค์ชายหกเป็นเด็กดี หม่อมฉันไม่อาจนั่งอยู่เฉย ไม่ต้องกังวลเพคะ หม่อมฉันจะพาองค์ชายหกกลับมาอย่างปลอดภัย”

น้ำเสียงของถังหลี่จริงจัง จนหัวใจที่หวั่นวิตกของหระสนมเหลียงเบาสบายมากขึ้น นางพยักหน้าอย่างเหม่อลอย

“ขอบคุณ ขอบคุณฮูหยินอู่มาก” พระสนมเหลียงทำท่าจะคุกเข่า ถังหลี่รั้งนางเอาไว้

“หากฮูหยินพาจิ่งซวนกลับมาได้ข้าและสกุลเหลียงจะจดจำพระคุณในครั้งนี้ของฮูหยินเอาไว้เป็นอย่างดี” พระสนมเหลียงพูดเสียงดัง

ถังหลี่ตัดสินใจออกตามหาจ้าวจิ่งซวนเพราะทนไม่ได้ที่จะเห็นเขาหายไปเช่นนี้ นับเป็นบุญคุณต่อสกุลเหลียงเป็นอย่างมาก

“พระสนมการเดินทางครั้งนี้ของหม่อมฉันจะต้องปกปิดเป็นความลับนะเพคะ” ถังหลี่กล่าวเตือน

“เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่ไม่จำเป็น”

“ให้ข้าส่งคนไปติดตามฮูหยินดีหรือไม่?”

“ไม่เป็นไรเพคะ หม่อมฉันได้เตรียมทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว” ถังหลี่กล่าว พระสนมเหลียงคำนับนางอย่างซาบซึ้ง ก่อนจะออกไปจากจวนอู่ นางนั่งอยู่บนรถม้าอย่างสับสน แต่แล้วก็หัวเราะออกมา

“สวรรค์กำลังอวยพรให้เจ้าแล้วจิ่งซวน”

มีเพียงเว่ยฉิงและเด็กทั้งสามเท่านั้นที่รู้ว่าถังหลี่กำลังจะออกจากเมืองหลวงไปตามหาจ้าวจิ่งซวน

เว่ยจื่ออั๋งและสวี่เจวี๋ยกังวลเรื่องนี้มาก แต่หากมารดาไปที่นั่น นางย่อมพบองค์ชายหกอย่างแน่นอน เว่ยจื่ออี้ไม่ค่อยเต็มใจมากนัก

เมื่อซานเป่าได้ยินเรื่องนี้นางครุ่นคิดก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ถังหลี่

“ท่านแม่ ข้าไปด้วย ยามท่านเมื่อยล้าข้าจะบีบนวดหลังให้ ยามที่ท่านแม่ตกอยู่ในอันตรายข้าจะปกป้องท่าน หากท่านแม่หิว ข้าจะย่างปลาให้ท่านกิน” ซานเป่าพยายามที่จะขายตัวเอง

“ปลาไหม้น่ะหรือ?” ถังหลี่ถาม ซานเป่ามีสีหน้าเขินอาย

ครั้งสุดท้ายที่นางพยายามเรียนรู้วิธีย่างปลาจากอาจารย์ แต่มารดาของนางยังจำได้ปลาไหม้

ซานเป่าคลี่ยิ้มอย่างรวดเร็วนางกอดแขนถังหลี่ไว้อย่างออดอ้อน

“ท่านแม่ได้โปรดพาข้าไปด้วยเถอะ ข้าไม่เป็นตัวถ่วงของท่าน ข้าก็เป็นห่วงเขาด้วยเช่นกัน ให้ข้าไปด้วยเถอะ”

เมื่อซานเป่าออดอ้อนเหมือนเด็ก ถังหลี่ก็ไม่สามารถต้านทานได้ นางคิดถึงความเป็นไปได้ของเรื่องนี้อย่างจริงจัง

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

Status: Ongoing
เธอทะลุมิติเข้าไปในนิยายที่ตนเองเคยอ่าน ถูกขายให้เป็นภรรยาของหนุ่มชาวป่า กลายเป็นแม่เลี้ยงของเด็กน้อย 3 คน ซึ่งเป็นตัวร้ายสุดชั่วช้า จุดจบคือประหารอย่างน่าสังเวช เธอจะทำยังไงให้อนาคตของพวกเขาเปลี่ยนไป‘ถังหลี่’ ทะลุมิติไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่ตนเองเคยอ่าน ถูกขายให้เป็นภรรยาของหนุ่มชาวป่า กลายเป็นแม่เลี้ยงของเด็กน้อย 3 คนแต่หนุ่มชาวป่าผู้นี้นั้น คือตัวร้ายหลักของนิยายเรื่องดังกล่าว เป็นตัวร้ายที่จิตใจอำมหิต สุดแสนจะชั่วช้าสามานย์ แถมลูกเลี้ยงทั้ง 3 ก็เป็นเหล่าวายร้าย เป็นตัวร้ายในเรื่องที่โฉดชั่วไม่ต่างกับบิดา จุดจบของพวกเขาคือถูกสั่งประหารอย่างน่าสังเวช แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ เด็กน้อยทั้ง 3 ยังคงเป็นเจ้าก้อนน่ารักนุบนิบ คอยเรียกนางอย่างแสนหวานว่า “ท่านแม่” เพียงแค่คำนี้ที่ออกมาจากปากของพวกเขา นางก็ใจอ่อนยวบ ตั้งใจว่าไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นางจะต้องเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของเหล่าลูกเลี้ยงให้ได้!ภารกิจถัดมาคืออะไรน่ะหรือ ก็คือทำนา ทำการค้า ทำทุกอย่างเพื่อหาเงินทองมาเลี้ยงเด็กน้อยทั้ง 3 ให้มีชีวิตที่สุขสบาย กล่อมเกลาพวกเขาให้มีชีวิตดีๆต่อมา…เหล่าวายร้ายทั้ง 3 ได้เติบโตขึ้น คนหนึ่งเป็นผู้นำสูงสุดของสำนักปราชญ์ในใต้หล้า คนหนึ่งเป็นพ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่ ร่ำรวยยิ่งกว่าฮ่องเต้ คนหนึ่งเป็นแม่ทัพหญิงผู้เก่งกาจสง่างาม…ทั้ง 3 ทั้งรักทั้งหวงถังหลี่เป็นอย่างมากผู้นำสูงสุดของสำนักปราชญ์ : บังอาจรังแกท่านแม่ของข้างั้นหรือ จับมันไปขังเดี๋ยวนี้!แม่ทัพหญิงผู้เก่งกาจสง่างาม : พี่ใหญ่ ฆ่ามันทิ้งเสียเลยง่ายกว่า!พ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่ : น้องสาม ข้าจะยื่นดาบให้เจ้าเอง!พระปิตุลาผู้ทรงอำนาจคว้าตัวภรรยาของตนเข้าไปกอด : ภรรยาที่รักของข้า ข้าจะปกป้องเอง เจ้าพวกตัวเปี๊ยกน่ารำคาญ ถอยไปซะ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท