เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ – บทที่ 677 อาฮวาถูกรังแก

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

บทที่ 677 อาฮวาถูกรังแก

จ้าวจิ่งซวนเคยฝึกศิลปะการต่อสู้และเขามีอาจารย์ แค่ผ่าฟืนไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขา แต่ทว่าผลลัพธ์ที่ได้คือ

ไม่ไหว..ไม่ไหวแล้ว!

อาฮวากำลังมองอยู่!

ใบหน้าของจ้าวจิ่งซวนแดงระเรื่อ เขายื่นมืออีกข้างออกไปกุมด้ามขวานให้มั่น ยกขวานขึ้นไปจนสุดแขน แต่กลับยกไม่ขึ้น น้ำหนักของขวานทำให้เขายืนไม่มั่นคง เซไป

ตอนที่จ้าวจิ่งซวนกำลังจะล้ม อาฮวายื่นมือออกมาหยิบขวานไปด้วยมือข้างเดียว แล้วใช้มืออีกข้างของนางพยุงจ้าวจิ่งซวนไว้อย่างง่ายดาย

จ้าวจิ่งซวนก้มหน้าลงหวังว่าพื้นจะมีรูให้เขาแทรกตัวลงไปได้

เขาน่าจะคิดได้ตั้งนานแล้ว!

อามู่แข็งแกร่งมาก อาฮวาก็เช่นกัน นี่คงเป็นหมู่บ้านของคนที่มีพละกำลังมหาศาลสินะ! เขาไม่ควรอาสาจนทำให้ตนเองต้องขายขี้หน้าเลย

“ขวานมันหนักมาก เจ้าจะบาดเจ็บได้นะ” อาฮวากล่าว สำเนียงการพูดของนางนั้นเหมือนอามู่มาก แม้จะดูแข็งนิดหน่อยแต่ก็ไพเราะ

ใบหน้าของจ้าวจิ่งซวนขึ้นสีแดงจัด อาฮวาเป็นเด็กดีมาก แทนที่นางจะหัวเราะเยาะเขา นางกลับปลอบใจ ถ้าเป็นเว่ยจื่ออั๋งและสวี่เจวี๋ยล่ะก็ เจ้าเด็กเหลือขอสองคนนั่นจะต้องหัวเราะเยาะเขา เป็นแน่

“ขาของข้าเจ็บมากเวลาออกแรง ข้าขอตัวไปนอนพักก่อนน่ะ”

อาฮวาพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม จ้าวจิ่งซวนเดินกะเผลกไปที่ห้องใต้หลังคา สุดท้ายแล้วนางก็หัวเราะออกมาเสียงดังลั่น หลังจากที่หยุดหัวเราะนางก็ผ่าฟืนต่อไป

จ้าวจิ่งซวนกลับไปที่ห้องใต้หลังคา เขานอนลงบนเตียงอย่างหดหู่ แต่เขาเป็นคนหน้าหนาดังนั้นไม่นานเขาก็ขจัดความละอายออกไปได้อย่างรวดเร็ว

เว่ยจื่ออั๋ง สวี่เจวี๋ย เสด็จแม่…ข้าคิดถึงท่าน

แม้ว่าในชีวิตในหมู่บ้านอาวาจะดีมาก อามู่และอาฮวาก็เป็นคนดี แต่เขาต้องกลับไป ตอนนี้เสด็จแม่กับเว่ยจื่ออั๋งต้องเป็นห่วงเขามากแน่นอน เขาถามอามู่ว่าที่นี่ห่างจากเมืองหลวงเท่าไหร่ อามู่ไม่รู้ว่าเมืองหลวงคืออะไร เขาตอบจ้าวจิ่งซวนว่าที่นี่คือหมู่บ้านอาวา ชายหนุ่มบอกว่ามีหมู่บ้านแบบนี้อีกหลายแห่ง พวกเขาอยู่ในหุบเขาห่างไกล มีเมืองหนึ่งชื่อว่าเยว่เฉิง

ทั้งธิดาเทพและพ่อมดศักดิ์สิทธิ์อาศัยอยู่ในเมืองเยว่เฉิง ธิดาเทพคือคนที่มีสายเลือดของเทพเจ้า มาปกป้องพวกเขา ส่วนพ่อมดศักดิ์สิทธิ์เป็นคนที่สามารถสื่อสารกับเทพเจ้าได้ พวกเขาห่างไกลกับคนในหมู่บ้านนี้มาก มีหลายคนได้เดินทางไปที่เมืองเยว่เฉิงเพื่อบูชาเทพเจ้า

นครจันทรา เยว่เฉิง…เทพเจ้า…ธิดาเทพ…พ่อมดศักดิ์สิทธิ์..

จ้าวจิ่งซวนไม่เข้าใจคำพูดเหล่านี้เลยสักนิด เขาแน่ใจว่านี่คือดินแดนที่อยู่นอกเหนือการรับรู้ของเขา ผู้คนที่นี่เชื่อในเรื่องของเทพเจ้า พวกเขามีพละกำลังมากและอยู่ห่างไกลจากที่ๆจ้าวจิ่งซวนจากมา หากขาเขาหายเมื่อใดชายหนุ่มจะหาทางกลับบ้าน

จ้าวจิ่งซวนหยิบเชือกบนโต๊ะมาถัก เขาตั้งใจทำให้ออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด เขาทำของสิ่งนี้ยามว่าง ตั้งใจว่าจะมอบให้กับอาฮวา

“เจ้า! เข้ามาด้วยเหตุใด คิดจะทำอะไร?”

เสียงของอาฮวาดูโกรธมากดังมาจากด้านล่าง จ้าวจิ่งซวนต้องการจะเปิดประตูออกไป แต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่อามู่กำชับเขาไว้ว่าไม่ควรให้ใครเจอเขา จ้าวจิ่งซวนเปิดหน้าต่างออกไป เมื่อเห็นภาพตรงหน้าดวงตาของเขาแดงก่ำทันที จ้าวจิ่งซวนเห็นว่ามีหมูอ้วนตัวหนึ่งกำลังพยายามทำเรื่องสารเลวกับอาฮวา!

“อาฮวา ข้าชอบเจ้า แต่งงานกับข้าเถอะ”

ไอ้หมูตอนผู้นั้นพูดในขณะที่ใช้กำลังจะถอดเสื้อของอาฮวาออก หญิงสาวดิ้นรน

“พี่ชาย! พี่กลับมาแล้ว!”

“พี่ชายของเจ้าไปทำพิธีบวงสรวงไม่กลับมาง่ายๆ หรอก” สีหน้าของเขาชั่วร้าย รอยยิ้มลามก พูดจบชายอ้วนคนนั้นจูบไปที่ลำคอของอาฮวา ดวงตาของนางเป็นสีแดงก่ำ นางพยายามจะผลักเขาออกไป แต่อีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่านางมาก หญิงสาวกำลังจะหมดเรี่ยวแรง

ตุบ!

ชายอ้วนรู้สึกเจ็บที่บั้นท้ายจนต้องกระโดดขึ้น พรึ่บ! บั้นท้ายถูกบางอย่างพุ่งเข้ามากระทบ เขาเอามือปิดก้นตัวเองปล่อยหญิงสาวออก อาฮวาผลักชายอ้วนออกไปให้พ้นตัว แล้วรีบวิ่งหนีทันที

“ช่วยด้วย คุนรังแกข้า!” อาฮวาตะโกน ชายอ้วนที่ชื่อว่าคุนไล่ตามนางออกไป

จ้าวจิ่งซวนอยู่บนห้องใต้หลังคาที่มือของเขามีหนังยางไม้ เขารีบปิดประตู ตอนนี้อาฮวาหนีไปได้แล้ว แม้คุนจะแข็งแรงกว่าแต่ขนาดตัวของเขาไม่น่าจะวิ่งทันอาฮวา ดูเหมือนหญิงสาวจะปลอดภัย

จ้าวจิ่งซวนถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขามองของในมือของตัวเอง เขาคิดว่าถ้าสิ่งที่ดีดออกไปเป็นลูกหินหรือกระสุนปืนก็คงจะดี

แต่อย่างไรก็ตามเขาทำได้เพียงแค่คิดเท่านั้น ตอนแรกเขามีหนังยางเท่านั้นโดยไม่เตรียมหินเอาไว้ หินที่เขาใช้จึงเป็นแค่ชั่วคราว จ้าวจิ่งซวนกังวล เขาคอยมองออกไปนอกหน้าต่างเพื่อจะดูว่าอาฮวากลับมาหรือยัง?

จนกระทั่งช่วงบ่ายจึงได้เห็นอาฮวาเดินมากับอามู่ หัวใจของเขาก็สงบลง เมื่อมองจากระยะไกล เขาจึงเห็นแต่สีหน้าของสองพี่น้องเท่านั้น

อามู: (i︿i)

อาฮวา: (^_^)

เมื่อพวกเขาเข้ามาใกล้ จ้าวจิ่งซวนจึงได้ยินคำพูดของพวกเขา

“พี่ชาย ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว..ช่างมันเถอะ!” อาฮวาดึงแขนเสื้อของอามู่แล้วพูดเบาๆ

อามู่ยังคงมีสีหน้าเช่นเดิมทำให้จ้าวจิ่งซวนไม่สามารถคาดเดาอารมณ์ของเขาได้ หลังจากที่ทั้งสองเข้ามาในบ้านเมื่ออามู่ลงกลอนประตูเขาจึงลงมาที่ข้างล่าง

“ในที่สุดเจ้าก็กลับมาแล้ว เจ้าเป็นอะไรหรือไม่?” จ้าวจิ่งซวนถาม อาฮวายิ้มแล้วตอบกลับ

“ไม่เป็นไร อาซวนขอบคุณมากนะ” เมื่ออาฮวายิ้ม คิ้วของนางโค้งดูชวนมอง จ้าวจิ่งซวนอดไม่ได้ที่จะเขินอาย

“ขอบคุณอะไรพวกเจ้าทั้งสองคือผู้มีพระคุณของข้า”

“แล้วเกิดอะไรขึ้นกับไอ้หมูตอนคนนั้น อามู่ตีเขาหรือ?”

“หมูตอน?” อาฮวาตระหนักได้ทันทีว่าจ้าวจิ่งซวนพูดถึงใคร “อาฮวา เขาไม่ปล่อยเจ้าแน่” อามู่กล่าว

จ้าวจิ่งซวนสัมผัสความหงุดหงิดในน้ำเสียงได้

“ทำไมล่ะ? มันควรโดนทุบตีตั้งแต่แล้ว”

“คุนเป็นลูกชายของพ่อมดประจำหมู่บ้าน”

“เจ้าเอาชนะเขาไม่ได้หรอก”

จ้าวจิ่งซวนเข้าใจทันที ในหมู่บ้านแห่งนี้มีพ่อมดผู้เป็นทั้งนักบวชและหมอผีเป็นคนปกครองหมู่บ้าน พ่อมดมีอำนาจเด็ดขาดในหมู่บ้านแห่งนี้ หากใครทำให้พ่อหมอของหมู่บ้านขุ่นเคืองก็จะไม่สามารถอยู่ในหมู่บ้านได้ นี่คือเหตุผลที่อาฮวาไม่ยอมให้อามู่ไปสู้กับคุน

คุนเป็นจอมอันธพาลที่มีคนหนุนหลัง ชาวบ้านมีแต่ต้องทนยอมเขา จ้าวจิ่งซวนรู้สึกถึงลมหายใจที่ติดขัด และหดหู่

“ไม่เป็นไร ข้าสบายดีไม่โกรธเขาหรอก” อาฮวาตบแขนปลอบโยนเขา

จ้าวจิ่งซวนมองดูใบหน้าที่สะอาดสะอ้านของนาง ตอนนั้นเขาเห็นแล้วว่านางถูกรังแกจนเกือบจะ….แต่นางก็ยังปลอบโยนเขา ช่างผู้หญิงที่ดีอะไรเช่นนี้

“ไม่เป็นไร ข้าจะปกป้องเจ้าเอง” จ้าวจิ่งซวนตบที่อกของตัวเองพูดจริงจัง อาฮวาคลี่ยิ้มออกมา

“ตกลง”

จ้าวจิ่งซวนตกตะลึงไปครู่หนึ่ง อาฮวาแยกไปทำอาหารในขณะที่อามู่นั่งทำงานเงียบๆ จ้าวจิ่งซวนนั่งลงข้างๆเขาและตบไปที่บ่า

“เจ้ากังวลอะไรอยุ่หรือ?”

“คุน…ไม่ยอมจบเรื่องง่ายๆ หรอก อามู่พูดด้วยความเบื่อหน่าย

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

Status: Ongoing
เธอทะลุมิติเข้าไปในนิยายที่ตนเองเคยอ่าน ถูกขายให้เป็นภรรยาของหนุ่มชาวป่า กลายเป็นแม่เลี้ยงของเด็กน้อย 3 คน ซึ่งเป็นตัวร้ายสุดชั่วช้า จุดจบคือประหารอย่างน่าสังเวช เธอจะทำยังไงให้อนาคตของพวกเขาเปลี่ยนไป‘ถังหลี่’ ทะลุมิติไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่ตนเองเคยอ่าน ถูกขายให้เป็นภรรยาของหนุ่มชาวป่า กลายเป็นแม่เลี้ยงของเด็กน้อย 3 คนแต่หนุ่มชาวป่าผู้นี้นั้น คือตัวร้ายหลักของนิยายเรื่องดังกล่าว เป็นตัวร้ายที่จิตใจอำมหิต สุดแสนจะชั่วช้าสามานย์ แถมลูกเลี้ยงทั้ง 3 ก็เป็นเหล่าวายร้าย เป็นตัวร้ายในเรื่องที่โฉดชั่วไม่ต่างกับบิดา จุดจบของพวกเขาคือถูกสั่งประหารอย่างน่าสังเวช แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ เด็กน้อยทั้ง 3 ยังคงเป็นเจ้าก้อนน่ารักนุบนิบ คอยเรียกนางอย่างแสนหวานว่า “ท่านแม่” เพียงแค่คำนี้ที่ออกมาจากปากของพวกเขา นางก็ใจอ่อนยวบ ตั้งใจว่าไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นางจะต้องเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของเหล่าลูกเลี้ยงให้ได้!ภารกิจถัดมาคืออะไรน่ะหรือ ก็คือทำนา ทำการค้า ทำทุกอย่างเพื่อหาเงินทองมาเลี้ยงเด็กน้อยทั้ง 3 ให้มีชีวิตที่สุขสบาย กล่อมเกลาพวกเขาให้มีชีวิตดีๆต่อมา…เหล่าวายร้ายทั้ง 3 ได้เติบโตขึ้น คนหนึ่งเป็นผู้นำสูงสุดของสำนักปราชญ์ในใต้หล้า คนหนึ่งเป็นพ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่ ร่ำรวยยิ่งกว่าฮ่องเต้ คนหนึ่งเป็นแม่ทัพหญิงผู้เก่งกาจสง่างาม…ทั้ง 3 ทั้งรักทั้งหวงถังหลี่เป็นอย่างมากผู้นำสูงสุดของสำนักปราชญ์ : บังอาจรังแกท่านแม่ของข้างั้นหรือ จับมันไปขังเดี๋ยวนี้!แม่ทัพหญิงผู้เก่งกาจสง่างาม : พี่ใหญ่ ฆ่ามันทิ้งเสียเลยง่ายกว่า!พ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่ : น้องสาม ข้าจะยื่นดาบให้เจ้าเอง!พระปิตุลาผู้ทรงอำนาจคว้าตัวภรรยาของตนเข้าไปกอด : ภรรยาที่รักของข้า ข้าจะปกป้องเอง เจ้าพวกตัวเปี๊ยกน่ารำคาญ ถอยไปซะ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท