บทที่ 684 ตัวตนของหวังหยู
“พาพวกเราไปทางออกของภูเขา!” ถังหลี่สั่ง
“เร็ว! พาพวกนางไป!” พ่อมดกำชับอย่างรวดเร็ว ชาวบ้านพากันแย่งเพื่อหาทางออก ดวงตาของทุกคนแดงก่ำ จ้องมองถังหลี่ด้วยความเกลียดชัง ราวกับต้องการตะครุบตัวแล้วถลกหนังของถังหลี่ออก
หญิงสาวไม่สนใจ นางมองผ่านพวกเขาเดินนำหน้า คนทั้งกลุ่มเดินตามหลังไม่ห่าง ชาวบ้านต่างพากันเดินตาม
ถังหลี่ต้องใช้มีดจี้คอพ่อมดอยู่ตลอดเวลา ทำให้การเดินทางเป็นไปอย่างยากลำบาก นางจึงวางมีดลง แล้วมัดมือเขาด้วยเชือก ส่งปลายเชือกให้หวังหยูลากเขาไปเยี่ยงสัตว์ตัวหนึ่ง ชาวบ้านที่เห็นกลั้นหายใจ ในสายตาของพวกเขาแล้ว พ่อมดเป็นผู้ที่ใกล้ชิดกับเทพเจ้าเจ้าสื่อสารกับพระองค์ได้ สามารถพยากรณ์เรื่องราวต่างๆได้ เขาเป็นตัวแทนของเทพเจ้า แต่คนนอกเผ่ากลับดูถูกเขาเช่นนี้
“ท่านพ่อมด พวกนอกเผ่าทำเกินไปแล้ว! ขอให้เทพเจ้าลงโทษพวกเขาด้วยเถอะ!”
“ใช่แล้วขอให้เทพเจ้าลงโทษพวกเขา!” พ่อมดหมอผีรู้สึกอับอาย เขาจะสื่อสารกับเทพเจ้าได้อย่างไร เขาทั้งเต้นรำ สวดมนตร์อ้อนวอนอัญเชิญเทพเจ้ามานับครั้งไม่ถ้วน หากพระองค์ทรงเพิกเฉยต่อเขา
อย่างไรก็ดี บิดาของเขาเคยบอกเอาไว้ว่า คำพูดของเขาคือคำพยากรณ์ไม่ว่าเขาจะพูดอะไร ชาวบ้านก็พร้อมที่จะเชื่ออย่างไม่มีเงื่อนไข พ่อมดจึงคิดว่าความประสงค์ของเขาคือความประสงค์ของพระเจ้า แต่นี่เป็นเรื่องยากที่จะให้พระเจ้าลงโทษคนนอกเผ่าเพราะเทพเจ้าไม่เคยฟังเขา! ชาวบ้านยังคงอ้อนวอนด้วยความโกรธเพื่อขอให้เทพเจ้าลงโทษคนนอกเผ่าเหล่านี้ บางทีความตั้งใจผสมผลานกับความกตัญญูของพวกเขาอาจทำให้สวรรค์สั่นสะเทือนก็เป็นได้ ในที่สุดก็มีเสียงฟ้าร้องกึกก้องดังขึ้น!
แต่ฟ้ากลับไม่ได้ลงโทษคนนอกเผ่าอย่างที่ชาวบ้านพากันอ้อนวอนแต่กลับกลายเป็นโจมตีที่ตัวพ่อมดแทน เขาล้มลงกับพื้น ใบหน้าดำไหม้เกรียมน้ำลายฟูมปาก ผมเผ้าฟูกระเซิง เขากำลังจะตาย ชาวบ้านพากันตกตะลึง เหตุใดเทพเจ้าถึงได้ลงโทษพ่อมดประจำหมู่บ้านไปได้เล่า?
“เทพเจ้าควรลงโทษคนนอกเผ่า แต่เป็นเพราะความใจดีมีเมตตาของพ่อมดทำให้เขาขัดขวางและรับโทษแทนพวกเจ้า” คุนรีบพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่คำพูดของเขาปราศจากความน่าเชื่อถือ
ตามที่คุนพูด พ่อมดได้ปกป้องคนนอกเผ่าเอาไว้จากฟ้าผ่า ทั้งๆ ที่พวกเขาไม่เชื่อฟังและดูหมิ่นเทพเจ้า
มีบางอย่างไม่ถูกต้อง ..
เทพเจ้าต้องการสังหารพ่อมด…หรือจะเป็นอย่างที่คนนอกพูดเอาไว้ สิ่งที่พ่อมดทำเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง เทพเจ้าจึงต้องการลงโทษเขา
ความคิดเช่นนี้แล่นเข้ามาในใจของชาวบ้านที่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น
ยกเว้นถังหลี่และตู้เย่แล้ว ทั้งอามู่ อาฮวา หวังหยูหรือแม้แต่ซานเป่าต่างมีสีหน้าตกตะลึง
แม้วันนี้จะมีฝนตก แต่การที่ฟ้าผ่าลงมาที่พ่อมดประจำหมู่บ้านก็ออกจะเป็นเรื่องบังเอิญและน่าเหลือเชื่อมากเกินไป มีเพียงถังหลี่เท่านั้นที่รู้ความจริง นี่น่าจะเป็นผลงานของเทียนเต๋า แม้ว่าเขาจะมีข้อกำหนดกฎเกณฑ์ของตนก็ตามที แต่นอกเหนือจากนั้นถังหลี่มักจะได้อำนวยความสะดวกอยู่บ่อยครั้ง
หวังหยูไปตรวจดูลมหายใจของพ่อมด
“ยังมีชีวิตอยู่” หวังหยูพูดขึ้น
ถังหลี่พยักหน้า “อุ้มเขาเดินไป”
คนทั้งกลุ่มยังพากันเดินรุดหน้าไป พวกเขาปีนขึ้นไปบนภูเขา เมื่อเห็นสภาพเบื้องหน้าพวกเขาจึงได้หยุดเดินอย่างไม่เต็มใจ
เดิมทีตรงหน้าพวกเขาเป็นภูเขาสูง แต่ตอนนี้กลับมีต้นไม้ล้มอยู่ อีกทั้งมีก้อนหินและดินโคลนถล่มไหลลงมาราวกับแม่น้ำ เห็นได้ว่าเพิ่งเกิดโคลนถล่มไปเมื่อไม่นาน ใบหน้าของอาหูซีดเซียว
“ภูเขาถล่ม พวกเราผ่านไปไม่ได้”
เขาออกล่าสัตว์มาตั้งแต่เด็ก เมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าย่อมรู้ดีว่าเต็มไปด้วยอันตราย ภูเขาอาจจะถล่มลงมาอีกเมื่อใดก็ได้ หากถล่มลงมาอีกครั้ง พวกเขาจะไม่มีทางหลบหนีไปได้เลย
ถังหลี่เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่ปกคลุมไปด้วยเมฆสีดำ ฝนที่ตั้งเค้าทำท่าจะตก ถนนปิดไม่มีทางไป
นางตัดสินใจอย่างเด็ดขาด
“กลับไปก่อน”
พวกเขาต้องออกจากที่นี่โดยเร็วที่สุด หากฝนตกลงมาอีกครั้ง จะทำให้เกิดโคลนถล่มครั้งใหม่ ดินจำนวนมากจะไหลลงมากลายเป็นหายนะใหญ่โต
ทั้งกลุ่มจึงต้องหันหลังเดินกลับไปยังหมู่บ้านอีกครั้ง ถังหลี่ขมวดคิ้ว ไม่มีทางอื่นอีกแล้วหรือ? พวกเขาจะออกจากหมู่บ้านนี้ได้อย่างไร?
“พี่สาว ข้ารู้จักเส้นทางอื่น” อาฮวาเดินไปข้างถังหลี่ราวกับมีคนยื่นหมอนมาให้ยามง่วงนอน ถังหลี่แปลกใจ
“ยังมีเส้นทางอื่นอีกหรือ?”
“ใช่ ท่านลุงหวังเคยบอกข้าเอาไว้ ก่อนที่เขาจะออกจากหมู่บ้านไป แต่ข้าไม่รู้ว่าเขาออกไปได้หรือไม่?”
“บอกเส้นทางมาเถอะ” ถังหลี่ยอมรับ อย่างน้อยก็ยังดีกว่าที่จะเดินดุ่มไปอย่างไร้จุดหมายเช่นนี้
เวลานี้เริ่มมืดลงแล้ว อามู่พาทุกคนกลับไปยังถ้ำที่พวกเขานอนค้างคืนเมื่อวานนี้ พวกเขาพากันก่อกองไฟขึ้นมาเพื่อให้ความร้อนอย่างรวดเร็ว
ตู้เย่พาหวังหยูออกไปล่าสัตว์ เมื่อทั้งคู่กลับมาก็หิ้วกระต่ายมาหลายตัว หวังหยู อามู่และอาฮวาย่างกระต่ายจนส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่ว
หลังจากหวังหยูย่างเสร็จ เขาเอาขากระต่ายมาให้ถังหลี่และซานเป่าคนละชิ้น จากนั้นจึงส่งขากระต่ายให้ตู้เย่และอีกขาที่เหลือสำหรับตัวเขาเอง
พ่อมดถูกโยนไปไว้ที่มุมถ้ำ เขาได้กลิ่นกระต่ายย่าง ท้องเขาร้องด้วยความหิว แต่ไม่มีใครสนใจ
หากเป็นก่อนหน้านี้ ถ้ามีของดีในหมู่บ้าน ชาวบ้านจะนำมามอบให้เขา เวลากินเขาจะได้กินของที่ดีที่สุด หากเขายังไม่ขยับตะเกียบย่อมไม่มีผู้ใดกล้าขยับก่อน
พ่อมดคุ้นเคยกับการเอาอกเอาใจจากผู้อื่นมานานแล้ว นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาถูกทรมานเช่นนี้
เขากัดฟันด้วยความโกรธ และหิว เขาโอดครวญเสียงเบาว่า
“อาฮวา อามู่ ขอข้ากินอะไรบ้างเถิด”
อามู่ลุกเดินไปหาเขา พ่อมดถอนหายใจอย่างโล่งอก ดูเหมือนอามู่จะยังพอเชื่อฟังเขาอยู่บ้าง แต่อย่าหวังว่าเขาจะให้อภัยเพราะเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้
อามู่เดินเข้าไปหาพ่อมด เขายื่นกระดูกที่เหลือให้
พ่อมดประจำหมู่บ้าน “….”
อาฮวาบอกเส้นทางออกจากหมู่บ้านที่ลุงหวังเป็นคนบอกนางเอาไว้ก่อนหน้านี้ให้ถังหลี่
นางจดจำไว้
“ขอบคุณมากอาฮวา” ถังหลี่กล่าว
“ข้าดีใจที่ได้ช่วยเหลือท่าน” อาฮวายิ้ม
“วันนี้เราเดินเหนื่อยมากันทั้งวันแล้ว ไปนอนกันเถอะ” ถังหลี่พูดจากนั้นจึงได้ให้องครักษ์ผลัดกันเฝ้าเวรยาม
วันถัดมา ในขณะที่หวังหยูกำลังหลับอยู่นั่นเอง เขารู้สึกว่ามีคนกำลังดึงที่ฝ่าเท้าของตน หวังหยูลืมตาขึ้น เห็นอามู่นั่งคุกเข่าอยู่ที่เท้า กำลังจ้องมองที่ฝ่าเท้าของเขา หวังหยูหดขาขึ้นอย่างกะทันหัน อามู่เงยหน้าขึ้น พวกเขาสบตากัน
อามู่ : (ì _ í)
หวังหยู : (´・_・`)
คนหนึ่งสายตาดุร้าย ส่วนอีกคนหนึ่งเต็มไปด้วยความงุนงงไร้เดียงสา
พวกเขาสบตากันอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นอามู่ก็คุกเข่าให้หวังหยู
หวังหยู: ????
การเคลื่อนไหวของคนทั้งสองทำให้เป็นที่สังเกตของผู้อื่น
“พี่ชายมีอะไรผิดปกติหรือ?” เมื่ออาฮวาเดินเข้ามาเห็นฝ่าเท้าของหวังหยู สีหน้าของนางเปลี่ยนไป นางก้มตัวลงคุกเข่าเช่นกัน คนที่เหลือพากันสงสัยและงุนงง เหตุใดพวกเขาถึงได้นั่งลงคุกเข่าเช่นนั้น เกิดอะไรขึ้นกับพี่น้องสองคนนี้
ถังหลี่และซานเป่าเดินเข้าไปดูใกล้ๆ
แต่เดิมรองเท้าของหวังหยูขาดจนทำให้เห็นฝ่าเท้าเล็กน้อย แต่ตอนนี้พื้นล่างของรองเท้าขาดจนหมดเผยให้เห็นฝ่าเท้าของหวังหยู ถังหลี่และซาเป่าเข้าไปดูใกล้ๆ นี่ไม่ใช่รอยสักรูปดอกบัวหรือ?
“ดอกบัวเพลิง เป็นสัญลักษณ์ของพ่อมดศักดิ์สิทธิ์ เจ้าเป็นลูกศิษย์ของเขาหรือ? ต่อไปเจ้าจะต้องเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งพ่อมดศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย” อาฮวาเอ่ยออกมา พ่อมดศักดิ์สิทธิ์เป็นผู้รับใช้นักบุญ เขาเป็นบุคคลที่ใกล้ชิดกับเทพเจ้าที่สุด!
สำหรับชาวบ้านทั่วๆ นี่เป็นเรื่องลึกลับไม่อาจจะเข้าถึงได้ มีอยู่ในตำนานดุจเดียวกับเรื่องจักรพรรดิที่สามัญชนไม่อาจจะเข้าใจได้
พวกเขาไม่เชื่อพ่อมดประจำหมู่บ้าน แต่เขาเชื่อถือในเทพเจ้า !
เมื่อเห็นคนทั้งกลุ่มพากันจ้องมองเท้าของเขา หวังหยูไม่สบายใจมาก เขาอยากแอบซ่อนเท้าของเขาเอาไว้ ในตอนนั้นเองที่พ่อมดประจำหมู่บ้านเกิดสะดุดใจ เขารีบดึงเท้าของหวังหยูออกมาดูให้เห็นกับตา หลังจากเห็นถนัดดีแล้วสีหน้าเขาเปลี่ยนไป เขานั่งลงคุกเข่าให้หวังหยูเช่นเดียวกับสองพี่น้อง
ถังหลี่และซานเป่าตกใจ หวังหยูเป็นพ่อมดหรือ? เขาเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งพ่อมดศักดิ์สิทธิ์?
พวกเขารู้ว่าหวังหยูมาจากเผ่าโบราณ แต่ไม่ได้มีใครคิดถึงตัวตนที่พิเศษของเขา
ผู้สืบทอดตำแหน่งพ่อมดศักดิ์สิทธิ์จะถูกนำมาขายเป็นทาสได้อย่างไร? เกิดอะไรขึ้นกับหวังหยูในตอนนั้นกันแน่?
……………