เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ – บทที่ 685 ตอบแทนความชั่วร้ายด้วยความชั่วร้าย

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

บทที่ 685 ตอบแทนความชั่วร้ายด้วยความชั่วร้าย

ชาวบ้านที่รออยู่นอกถ้ำต่างพากันกระตือรือร้นที่จะเข้าไปช่วยพ่อมดของหมู่บ้าน พวกเขาคัดเลือกนักรบประจำหมู่บ้านมาหลายคน

เหล่านักรบแอบซ่อนตัวอยู่ที่ทางเข้าเงียบๆ พวกเขาอยากรู้อยากเห็นว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นที่ด้านใน จึงพากันค่อยๆยื่นหัวออกไป ทันใดนั้นเองสายตาก็ปะทะเข้ากับใบหน้าที่ดุร้ายของใครบางคนเข้า

“อา…อามู่..” อาฮวาเดินไปที่ด้านข้างของอามู่ นางเลิกคิ้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า

“พวกเจ้าคิดจะทำอะไร? พ่อมดศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่นี่ พวกเจ้าไม่ให้เกียรติพ่อมดหรือ?” นักรบเหล่านั้นพากันตกตะลึง

พ่อมดไหน? พ่อมดศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่อยู่ที่เมืองเยว่เฉิงหรอกหรือ?

“นี่คือผู้สืบทอดพ่อมดศักดิ์สิทธิ์” อาฮวาชี้มือไปที่หวังหยูซึ่งนั่งอยู่กับพื้น สายตาหลายคู่จับจ้องมองไปที่เขา ตอนแรกสับสน ต่อมาจึงเปลี่ยนเป็นโกรธเคือง

“อาฮวา อามู่ พวกเจ้าบ้าไปแล้วหรือ? เจ้าเอาคนนอกมาแอบอ้างเป็นพ่อมดศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร?”

“เจ้าคิดว่าพวกเราโง่หรือ? เราจะเชื่อคำโกหกของตลบตแลงของเจ้าได้อย่างไร?”

“ปล่อยพ่อมมดของหมู่บ้านมานะ หยุดดูหมิ่นเทพเจ้าได้แล้ว!”

“น่าเสียดายที่ข้าเคยเห็นว่าเจ้าเป็นเพื่อน ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะเป็นคนแบบนี้ไปได้!”

ทุกคนพากันกล่าวหาสองพี่น้องราวกับว่าเขากระทำผิดชั่วร้ายจนไม่อาจให้อภัยได้ เมื่อเห็นว่านักรบเหล่านั้นถูกจับได้ ชาวบ้านที่ซ่อนตัวจึงได้พากันออกมาร่วมกล่าวหาอาฮวาและอามู่

อาฮวาหน้าแดงด้วยความโกรธ

“ท่านพ่อมดศักดิ์สิทธิ์ได้โปรดแสดงตัวตนของท่านให้พวกเขาได้รับรู้ด้วยเถอะ” หวังหยูนั่งอยู่กับพื้นด้วยท่าทางไร้เดียงสา แสดงตัวตน นั่นหมายถึงเขาต้องแสดงฝ่าเท้าของเขาให้คนพวกนั้นดูใช่หรือไม่?

หวังหยูยืนขึ้นต่อหน้าชาวบ้าน เขาค่อยๆ ยกฝ่าเท้าของตนขึ้น ชาวบ้านดูฝ่าเท้าของเขา เมื่อเห็นสัญลักษณ์รูปดอกบัวเพลิง พวกเขาเปลี่ยนท่าที่จากโกรธเกรี้ยวเป็นคุกเข่าลงคารวะ หวังหยูลดเท้าลง เขาไม่คุ้นกับการที่มีคนจำนวนมากมาคุกเข่าให้เช่นนี้ เขาจึงเข้าไปแอบซ่อนตัวอยู่ที่หลังของซานเป่า น่าเสียดายว่าตัวเขาสูงมากเกินไป เขาจึงซ่อนไม่ได้

“ท่านพ่อ เขาคือพ่อมดศักดิ์สิทธิ์จริงๆ หรือ?” คุนถามขึ้นมาอย่างไม่เชื่อ

พ่อมดศักดิ์สิทธิ์จะกลายเป็นคนนอกเผ่าไปได้อย่างไรกัน? หากเป็นเรื่องจริงสถานะพิเศษของเขาในหมู่บ้านจะหายไป เขารับไม่ได้ คุนหวังว่าบิดาของเขาจะพูดว่าคนผู้นี้เป็นตัวปลอม พ่อมดประจำหมู่บ้านจ้องคุน เป็นสัญญาณว่า ดูข้าคุกเข่าให้เขาเช่นนี้ เจ้ายังคิดว่าเขาเป็นตัวปลอมอยู่อีกหรือ?

สัญลักษณ์ดอกบัวเพลิง ไม่อาจจะปลอมแปลงกันได้ง่ายๆ มีแต่เพียงพ่อมดศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่จะรู้เคล็ดลับในการสักดอกบัวเพลิง พ่อมดศักดิ์สิทธิ์อาจจะรับลูกศิษย์ได้หลายคน แต่จะมีเพียงผู้สืบทอดเท่านั้นที่พ่อมดศักดิ์สิทธิ์จะสักดอกบัวเพลิงเป็นสัญลักษณ์ไว้ให้ที่ฝ่าเท้า

“คารวะท่านอาจารย์อู๋ซือ!” พ่อมดประจำหมู่บ้านร้องตะโกนเสียงดังออกมา คุนเข่าอ่อน คุกเข่าลงกับพื้น หวังหยูและคนอื่นๆ ได้รับเชิญให้กลับไปพักผ่อนที่หมู่บ้าน

“ท่านผู้สืบทอด เหตุใดท่านถึงได้ไปอยู่กับคนนอกเผ่าได้เล่า?”

“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ?” หวังหยูกล่าว

“คนนอกเผ่าหรือคนแปลกหน้าจะต้องถูกเผา”

“คำพยากรณ์ไม่ได้กำหนดให้ต้องเผาคนนอกเผ่าให้ตายทุกคน มีคนนอกเผ่าที่ฉลาดแกมโกงและโลภมากมายก็จริง แต่ก็มีคนดีๆ อยู่เช่นกัน พวกเขาเป็นเพื่อนของข้า ข้าไม่อนุญาตให้ทำร้ายพวกเขา” หวังหยูกล่าว

คำพยากรณ์เหล่านั้นล้วนแล้วแต่ออกมาจากปากของพ่อมดประจำหมู่บ้านทั้งสิ้น ถ้าเช่นนั้นการเผาคนนอกให้ตายทั้งเป็นนั้น พ่อมดของหมู่บ้านเป็นคนพูดเอง ไม่ใช่คำพยากรณ์จากเทพเจ้าหรอกหรือ? แต่ไม่ว่าอย่างไร พวกเขาก็ต้องฟังคำพูดของพ่อมดศักดิ์สิทธิ์ หากเขาไม่ต้องการให้เผาคนนอก เขาก็จะไม่เผา!

คนกลุ่มใหญ่กลับมายังหมู่บ้าน

“เจ้าจะเชิญให้ผู้สืบทอดพ่อมดศักดิ์สิทธิ์ไปพักที่ไหน?”

“ย่อมเป็นบ้านของพ่อมดประจำหมู่บ้าน บ้านของเขาหลังใหญ่และกว้างขวางที่สุดแล้ว”

ชาวบ้านตัดสินใจแทนพ่อมดประจำหมู่บ้าน เขามอบบ้านให้หวังหยูและเพื่อนๆ ของเขาได้อยู่อาศัย

ถังหลี่ติดตามซ่างกวงเข้าไปอาศัยอยู่ในบ้านหลังใหญ่ พวกเขาได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดี มีการเชือดวัวและแกะมาเลี้ยงดูพวกเขา

สำหรับเรื่องนี้ นายพรานอย่างอาหูถึงกลับประหลาดใจมาก แต่แรกนั้นเขาแค่ตั้งใจอยากจะนำทางเพื่อหาเงินไปซื้อยารักษามารดาที่เจ็บป่วยเท่านั้น เขาพร้อมที่จะนำชีวิตตนเองมาทิ้งไว้ในภูเขาแห่งนี้ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกลับเหนือความคาดหมาย เขาได้เข้ามาถึงในหมู่บ้านของเผ่าโบราณ โดนชาวบ้านไล่ล่าเอาชีวิต แต่แล้วในพริบตากลับกลายเป็นว่าเขากลายเป็นอาคันตุกะที่มีเกียรติของชาวบ้านไปเสียแล้ว เขาจะไม่มีวันลืมประสบการณ์ประหลาดมหัศจรรย์เช่นนี้ไปตลอดชีวิต และจะเก็บไว้เล่าให้ลูกหลานของเขาฟังในอนาคตข้างหน้า

หวังหยูที่เปลี่ยนจากองครักษ์มาเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งพ่อมดศักดิ์สิทธิ์ เขายังคงติดตามซานเป่าราวกับเป็นหางเล็กๆของนางอยู่ตลอดทั้งวัน เขาอึดอัดและไม่สบายใจกับการเปลี่ยนสถานะของตนเองอย่างกะทันหันเช่นนี้

“หวังหยู ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้สืบทอดพ่อมดศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว เจ้าควรแสดงความเป็นผู้นำของเจ้าออกมา” ซานเป่าหันไปพูดกับเด็กหนุ่มที่ตรงหน้า หวังหยูกะพริบตามองซานเป่า

“นายหญิง ท่านไม่ต้องการใช้ข้าอีกต่อไปแล้วหรือ?”

เขาไม่อยากเป็นผู้สืบทอดพ่อมด เขาอยากเป็นแค่องครักษ์ของนายหญิงของเขาเท่านั้น สีหน้าเขาไม่สบายใจ เขากลัวมากว่าจะไม่ได้รับใช้ซานเป่าอีก

“เจ้าสามารถตัดสินใจทำทุกอย่างที่เจ้าอยากทำได้ ข้าเคารพการตัดสินใจของเจ้า” ซานเป่าเอ่ยกับเขา

หัวใจที่หล่นหายของหวังหยูกลับคืนสู่ที่เดิม เขายิ้มอย่างเขินอาย อาฮวาและอามู่ เดินเข้ามาหาหวังหยู

“ผู้สืบทอด ได้โปรดช่วยพวกเราด้วยเถอะ” ทั้งคู่ทรุดตัวลงคุกเข่าให้เขา

“พวกเจ้าลุกขึ้นก่อนเถอะ”

หวังหยูยังคงรับไม่ได้กับการที่มีคนมาคุกเข่าให้ตนเอง

อามู่และอาฮวาลุกขึ้นยืน

“ผู้สืบทอด พ่อมดประจำหมู่บ้านแสวงหาผลประโยเขาชน์ส่วนตัวในนามของเทพเจ้า ขอผู้สืบทอดได้โปรดตัดสินลงโทษด้วยเถิด”

อามู่และอาฮวาต่างนับอาชญากรที่พ่อมดประจำหมู่บ้านกระทำความผิดเอาไว้อย่างละเอียดถี่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอาตู และอาเมิ่ง ที่ครอบครัวประสบเคราะห์กรรมโดยพ่อมดของหมู่บ้าน

หวังหยูยังสับสนไม่หาย ให้เขาตัดสินหรือ? เขาเป็นแค่องครักษ์ของเจ้านายเท่านั้น ?

ต่อมาเมื่อได้ฟังเรื่องราวและโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้น เขาบังเกิดโทสะขึ้นมา พ่อมดหมู่บ้านช่างชั่วร้ายยิ่งนัก!

“ข้าจะตัดสิน!” หวังหยูพูดขึงขัง

“ไปแจ้งชาวบ้านเถอะ!”

เขาพูดกับอาฮวาและอามู่

“หวังหยู! เยี่ยมที่สุด!” ซานเป่าชมเขาพร้อมกับขยิบตา ตามปกติแล้วหวังหยูจะดูเป็นคนไร้เดียงสา แต่เมื่อครู่ที่เขาพูดว่า ‘ตัดสิน’ ท่าทางเขาดูสง่างามน่าเกรงขามอย่างบอกไม่ถูก แต่เมื่อเห็นซานเป่ายังคงจ้องมองเขา ท่าทางน่าเกรงขามก็มลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย เหลือเพียงแต่ความเขินอาย เขาก้มหัวลงอย่างขัดเขิน

ไม่นานนักชาวบ้านก็มากันพร้อมหน้า

หวังหยูนั่งเป็นประธานอยู่บนเก้าอี้ในห้องโถงใหญ่

ในทีแรก เขาไม่มั่นใจ ต่อเมื่อเห็นสายตาให้กำลังใจของซานเป่า เขาจึงนั่งตัวตรงอย่างสง่างาม

ชาวบ้านเข้ามารุมล้อม พ่อมดประจำหมู่บ้านนั่งลงคุกเข่าท่ามกลางวงล้อมของชาวบ้าน เขาตัวสั่นเทา ดูไร้ซึ่งความน่าเกรงขามและศักดิ์ศรีอย่างที่เคยเป็น เขารู้ตัวดีว่าตนเองกำลังจะถูกตัดสินลงโทษ

“พ่อมด! เจ้าต้องการยึดครองบ้านของอาตู เจ้าเลยบอกว่าอาตูทำให้เทพเจ้าขุ่นเคือง เจ้าจึงขับไล่ครอบครัวของอาตูออกจากหมู่บ้าน เจ้าอยากได้เสือที่อาเมิ่งล่า เจ้าเลยบอกเขาว่าต้องการนำมาเป็นเครื่องสังเวย คุน บุตรชายของเจ้า ต้องการแต่งงานกับอาฮวา เจ้าจึงบอกนางว่าเป็นพระประสงค์ของเทพเจ้า ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่เจ้ากุขึ้นมาเองทั้งสิ้น ใช่หรือไม่?”

พ่อมดประจำหมู่บ้านไม่กล้าปฏิเสธอีกต่อไป เขารับสารภาพ

“ใช่!” เขาไม่กล้าโกหกอีกต่อไป เขารู้สึกถึงดวงตานับไม่ถ้วนที่จ้องมองอยู่อย่างลับๆ

“เจ้าใช้ความเมตตาของเทพเจ้าหาผลประโยชน์เข้าตนเอง เจ้าดูหมิ่นเทพเจ้าจริงๆ” หวังหยูพูดอย่างเย็นชา

“ข้าผิด ! ข้าผิดไปแล้ว ! ข้ายินดียอมรับการลงโทษของเทพเจ้า ขอได้โปรดลงโทษข้าด้วย!” พ่อมดของหมู่บ้านยังคงหมอบคำนับอยู่กับพื้นเช่นนั้น

พ่อของเขาเคยพูดกับเขาเอาไว้ว่า คำพูดของพ่อมดทุกคำคือคำพยากรณ์จากเทพเจ้าทั้งสิ้น ตัวเขาได้รับผลประโยชน์มาโดยตลอด เลยลืมไปว่ามีเทพเจ้าจับจ้องมองดูเขาอยู่ สายพระเนตรของพระองค์มีอยู่ทุกหนทุกแห่ง การลงโทษอาจจะไม่ได้มาในทันที แต่ไม่ช้าหรือเร็วก็ย่อมมาถึง

ชาวบ้านเต็มไปด้วยความโกรธแค้น

พ่อมดของหมู่บ้านหลอกลวงเขา เขาเอาเทพเจ้ามาแอบอ้าง!

ไม่น่าแปลกใจที่เขาจะโดนฟ้าผ่า!

ชาวบ้านที่ได้รับเคราะห์จากคำพยากรณ์เท็จเป็นคนแรกที่ขึ้นไปถามความจริงจากพ่อมด หลังจากที่ได้ยินคำรับสารภาพแล้ว เขาเอาก้อนหินที่อยู่ในมือทุบเข้าที่ศีรษะของพ่อมดด้วยความโกรธแค้น จนถึงกับเลือดไหลอาบ อาฮวาและอามู่เดินไปหาเขา เป็นเรื่องจริงที่เขาแอบอ้างความประสงค์ของเทพเจ้าเพื่อให้คุนได้แต่งงานกับนาง อาฮวาเอาก้อนหินทุบเขาอย่างแรง

นางยังมีคำถามที่ค้างคาอยู่ในใจ

“ตอนที่เจ้าบอกว่าบิดามารดาของข้าทำให้เทพเจ้าโกรธ จนต้องนำตัวเขาไปประหาร เจ้าจงใจกุเรื่องนี้ขึ้นมาใช่หรือไม่?”

ตอนนั้น อามู่และอาฮวายังเด็กมาก พวกเขาจำได้ว่าบิดามารดาถูกพ่อมดของหมู่บ้านพาตัวไป ต่อมาเขาจึงได้รู้ว่าบิดามารดาของพวกเขาถูกเทพเจ้าลงโทษ พวกเขาไม่เคยเห็นท่านอีกเลย มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวคือ พวกท่านได้เสียชีวิตไปแล้ว

พ่อมดของหมู่บ้านเงยหน้าขึ้น ใบหน้าเขาอาบไปด้วยเลือด เขาตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงได้ส่ายหน้า

“ไม่..นั่นเป็นคำทำนายที่คนจากเยว่เฉิงเป็นคนพูด บิดามารดาของพวกเจ้าถูกพาไปที่เยว่เฉิง …” พ่อมดพูดอย่างบริสุทธิ์ใจ

การแสดงออกของอาฮวาเปลี่ยนไป ดวงตาของอามู่เป็นประกาย

“บิดามารดาของข้ายังไม่เสียชีวิตหรือ?”

“ตอนที่พวกเขาถูกนำตัวยังเยว่เฉิง พวกเขายังมีชีวิตอยู่ แต่ตอนนี้ข้าไม่อาจรู้ได้ ” พ่อมดตอบอย่างสงบ

“พี่ชาย! ท่านพ่อท่านแม่ของพวกเราอาจจะยังมีชีวิตอยู่” อาฮวาตื่นเต้น อามู่พยักหน้า เขากอดน้องสาวเอาไว้ สองพี่น้องพากันเดินจากไป พ่อมดยังคงได้รับโทษจากชาวบ้าน เขาทำบาปมามาก พ่อมดเสียชีวิตหลังจากถูกชาวบ้านลงโทษ

ต่อไปก็ถึงคราวของคุน เมื่อเขาเห็นสภาพที่น่าสังเวชของบิดาก็ตัวสั่นร้องขอความเมตตา แต่ก็สายเกินไป เขาทำร้ายผู้คนมามาก ตอนนี้ชาวบ้านพากันโกรธแค้นและต้องการระบายโทสะใส่เขา ในที่สุดร่างอ้วนของคุนก็นอนไม่ไหวติงอยู่กับพื้น…

สองพี่น้องอามู่และอาฮวานัยน์ตาแดงก่ำ

ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขารอวันเช่นนี้มานานเพียงใดแล้ว ความปรารถนาสูงสุดของพวกเขา คือต้องการให้ตัวแทนของเทพเจ้าได้มาเปิดเผยความหน้าซื่อใจคดของพ่อมดในหมู่บ้านเพื่อที่เขาจะไม่ทำร้ายผู้บริสุทธิ์อีกต่อไป

ในที่สุดความปรารถนาของพวกเขาก็เป็นจริง!

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

Status: Ongoing
เธอทะลุมิติเข้าไปในนิยายที่ตนเองเคยอ่าน ถูกขายให้เป็นภรรยาของหนุ่มชาวป่า กลายเป็นแม่เลี้ยงของเด็กน้อย 3 คน ซึ่งเป็นตัวร้ายสุดชั่วช้า จุดจบคือประหารอย่างน่าสังเวช เธอจะทำยังไงให้อนาคตของพวกเขาเปลี่ยนไป‘ถังหลี่’ ทะลุมิติไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่ตนเองเคยอ่าน ถูกขายให้เป็นภรรยาของหนุ่มชาวป่า กลายเป็นแม่เลี้ยงของเด็กน้อย 3 คนแต่หนุ่มชาวป่าผู้นี้นั้น คือตัวร้ายหลักของนิยายเรื่องดังกล่าว เป็นตัวร้ายที่จิตใจอำมหิต สุดแสนจะชั่วช้าสามานย์ แถมลูกเลี้ยงทั้ง 3 ก็เป็นเหล่าวายร้าย เป็นตัวร้ายในเรื่องที่โฉดชั่วไม่ต่างกับบิดา จุดจบของพวกเขาคือถูกสั่งประหารอย่างน่าสังเวช แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ เด็กน้อยทั้ง 3 ยังคงเป็นเจ้าก้อนน่ารักนุบนิบ คอยเรียกนางอย่างแสนหวานว่า “ท่านแม่” เพียงแค่คำนี้ที่ออกมาจากปากของพวกเขา นางก็ใจอ่อนยวบ ตั้งใจว่าไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นางจะต้องเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของเหล่าลูกเลี้ยงให้ได้!ภารกิจถัดมาคืออะไรน่ะหรือ ก็คือทำนา ทำการค้า ทำทุกอย่างเพื่อหาเงินทองมาเลี้ยงเด็กน้อยทั้ง 3 ให้มีชีวิตที่สุขสบาย กล่อมเกลาพวกเขาให้มีชีวิตดีๆต่อมา…เหล่าวายร้ายทั้ง 3 ได้เติบโตขึ้น คนหนึ่งเป็นผู้นำสูงสุดของสำนักปราชญ์ในใต้หล้า คนหนึ่งเป็นพ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่ ร่ำรวยยิ่งกว่าฮ่องเต้ คนหนึ่งเป็นแม่ทัพหญิงผู้เก่งกาจสง่างาม…ทั้ง 3 ทั้งรักทั้งหวงถังหลี่เป็นอย่างมากผู้นำสูงสุดของสำนักปราชญ์ : บังอาจรังแกท่านแม่ของข้างั้นหรือ จับมันไปขังเดี๋ยวนี้!แม่ทัพหญิงผู้เก่งกาจสง่างาม : พี่ใหญ่ ฆ่ามันทิ้งเสียเลยง่ายกว่า!พ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่ : น้องสาม ข้าจะยื่นดาบให้เจ้าเอง!พระปิตุลาผู้ทรงอำนาจคว้าตัวภรรยาของตนเข้าไปกอด : ภรรยาที่รักของข้า ข้าจะปกป้องเอง เจ้าพวกตัวเปี๊ยกน่ารำคาญ ถอยไปซะ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท