บทที่ 697 ธิดาเทพและพ่อมดศักดิ์สิทธิ์
“เอาล่ะๆ” ผู้เฒ่าเยว่ตบหลังหลานชาย นางตื่นเต้นยินดีเหลือเกิน นี่เป็นความหวังและเป็นความปรารถนาของนางอย่างที่สุด นางหวังว่าสักวันหนึ่งสกุลเยว่จะเดินบนถนนได้อย่างสง่าผ่าเผยอีกครั้ง !
ผู้เฒ่าเยว่คิดอยู่สักครู่ นางเศร้าใจ
“สกุลเยว่ตกต่ำถึงเพียงนี้แล้ว ยายช่วยอะไรเจ้ามากไม่ได้เลย ตอนนี้เผ่าอู๋ทั้งหมดอยู่ภายใต้การควบคุมของอู๋เจี๋ย ยากเหลือเกินที่จะพิสูจน์ความจริงในครั้งนั้น”
“ท่านยาย ข้าอยากพบธิดาเทพและเปิดโปงโฉมหน้าที่แท้จริงของอู๋เจี๋ยให้ธิดาเทพได้รู้”
“ธิดาเทพอยู่กับอู่เจี๋ยตลอดเวลา เชื่อยายเถอะ มันเสี่ยงเกินไป”
ผู้เฒ่าเยว่อดท้วงไม่ได้
“ท่านยาย นี่เป็นทางเดียว จะชักช้าไม่ได้ หากอู๋เจี๋ยรู้ว่าข้ายังมีชีวิตอยู่ มันจะยากพอๆ กับข้าต้องปีนบันไดสวรรค์ไปหาธิดาเทพจริงๆ”
“ขอเวลายายคิดหน่อยสักหน่อยเถิด” ผู้เฒ่าเยว่หลับตาใช้ความคิด
ระหว่างธิดาเทพและพ่อมดศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาต่างมีความเข้าใจและเชื่อมโยงกันอย่างน่าประหลาด หากไม่เกิดเหตุการณ์เลวร้ายในปีนั้น อาหลี่จะได้กลายเป็นพ่อมดศักดิ์สิทธิ์ไปแล้วก็เป็นได้ บางทีธิดาเทพอาจจะเชื่อในตัวตนของอาหลี่จริงๆ
นางไม่อยากให้อาหลี่ต้องเข้าไปเสี่ยง แต่ดูเหมือนจะไม่มีหนทางอื่นอีกแล้ว…
หลังจากคิดอยู่สักครู่ ท่านผู้เฒ่าเยว่จึงกล่าวว่า
“ธิดาเทพจะอยู่ในวิหารตลอดทั้งปี อู๋เจี๋ยจะอยู่กับนางเช่นกัน เป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะเข้าไปในวิหาร แต่วันมะรืนนี้จะมีพิธีบูชายัญ…” ผู้เฒ่าเยว่ดูกังวล “ข้าอาจจะหาทางให้เจ้าเข้าพบกับธิดาเทพได้”
“เอาล่ะ อีกสองวัน” หวังหยูสรุป
เขาหวังว่าข่าวที่เขายังไม่ตายจะถูกเก็บซ่อนเอาไว้ได้ในอีกสองวันข้างหน้า อู๋เจี๋ยไม่ได้เตรียมตัว เขาอาจจะได้เจอธิดาเทพอย่างราบรื่น
“อาหลี่..” ท่านยายยังมองเขาอย่างเป็นกังวล
หวังหยูส่งยิ้มปลอบใจให้นาง
“ท่านยายอย่าได้กังวล เทพเจ้าจะอำนวยพรให้ข้าเอง”
นางเยว่ตอบเขาเสียงเบา นี่เป็นโอกาสสุดท้าย หากพระเจ้าไม่เข้าข้างพวกเรา เห็นทีสกุลเย่วคงจะจบลงเช่นนี้
“ไปเถอะ ยายจะพาเจ้าไปไหว้บิดามารดาของเจ้า” ท่านผู้เฒ่าเยว่พูดพร้อมกับจับมือหวังหยู นางหันมามองถังหลี่เอ่ยว่า
“ท่านผู้มาเยือนขอเชิญไปพักผ่อนที่ห้องรับรองก่อนเถอะ เหน็ดเหนื่อยมามากแล้ว”
ถังหลี่ ซานเป่าและตู้เย่ ถูกพาตัวไปยังห้องพักรับรอง
ตกกลางคืน ซานเป่าและถังหลี่นอนด้วยกัน ซานเป่าพลิกตัวมากอดมารดาเอาไว้
“ท่านแม่หลับหรือยัง?” นางถามเสียงเบา
ถังหลี่เอามือแตะผมบุตรสาวถามนางกลับว่า
“ลูกนอนไม่หลับหรือ?”
“ท่านแม่ ข้าเหมือนได้ยินเสียงร้องไห้ ท่านป้าของหวังหยูกำลังร้องไห้อยู่หรือเปล่า?” ซานเป่าถามขึ้นมา ถังหลี่เงี่ยหูฟัง
“ใช่”
“นางน่าสงสารเหลือเกิน” ซานเป่าพูดพร้อมกับเล่าเรื่องที่หวังหยูกระซิบให้นางฟัง
ช่างน่าสงสารเหลือเกิน รักกันแต่ต้องถูกพลัดพรากจากกัน
ถังหลี่คิดถึงตนเอง ถ้าหากมีคนจับนางและสามีแยกจากกันทั้งยังพรากลูกไปอีก หัวเด็ดตีนขาดนางคงไม่ยินยอมเป็นแน่!
สถานการณ์ของท่านป้าหวังหยูเลวร้ายมาก เป็นญาติสนิทของนางแท้ๆ ที่แยกนางจากสามี กักขังนางเอาไว้จนทำให้นางเสียสติไปเช่นนั้น
เมื่อคิดถึงพรากสามีจากภรรยาและบุตรแล้ว นางอดหวนคิดถึงอาฮวาและอามู่ไม่ได้ นางสงสัยว่าพวกเขาจะเป็นอย่างไรบ้าง ทั้งสองคนได้มาถึงเมืองเยว่เฉิงและตามหาบิดามารดาของตัวเองเจอหรือยัง?
เรื่องของหวังหยูเร่งด่วนกว่า หลังจากที่เรื่องนี้เรียบร้อยดีแล้วค่อยไปตามหาอาฮวาและอามู่
“ท่านแม่ ข้ายังกังวลเรื่องของหวังหยูอยู่ ถ้าหากเขาไปพบกับธิดาเทพแล้ว นางไม่เชื่อเขา หวังหยูจะเป็นอันตรายหรือไม่?”
การกระทำของหวังหยูดูไร้หนทางจริงๆ หากธิดาเทพไม่เชื่อเขาและเขาถูกอู่เจี๋ยจับได้ ผลที่ตามมาย่อมเป็นหายนะ!
“ไม่ต้องเป็นห่วง เขายังมีพวกเราอยู่” ถังหลี่ปลอบใจบุตรสาว แม้ว่านางจะไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรก็ตาม ที่นี่เป็นเมืองเยว่เฉิงเป็นเมืองหลวงของเผ่าอู๋ อู๋เจี๋ยปกครองที่นี่โดยใช้ฝ่ามือเดียวคลุมท้องฟ้าเบื้องบน ต่อให้นางเหาะเหินเดินอากาศได้ นางก็ไม่อาจต่อสู้กับอำนาจของอู๋เจี๋ยได้อยู่ดี ถังหลี่ได้แต่หวังให้ปลาหลี่นำโชคของนางทำให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น หวังหยูเกลี้ยกล่อมธิดาเทพได้ ทั้งสองร่วมมือกันกำจัดอู๋เจี๋ย..ทุกอย่างสำเร็จลงด้วยดี…
หลังจากได้ฟังคำพูดของมารดา ซานเป่าสบายใจขึ้น นางพบตำแหน่งที่สบายในอ้อมแขนของมารดา จากนั้นจึงได้ผล็อยหลับไป
……….
วันรุ่งขึ้น
วิหารอันงดงามสูงตระหง่าน ส่องแสงสีทองสว่างไสวท่ามกลางแสงของดวงอาทิตย์
วิหารแห่งนี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในใจของชาวเผ่าอู๋ ผู้คนจำนวนมากพากันเดินทางมาจากแดนไกลเพื่อมาสักการะและเยี่ยมชมสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ไม่ขาดสาย
ทว่าไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เข้าไปในวิหารได้ หากปราศจากคำสั่งของพ่อมดศักดิ์สิทธิ์และธิดาเทพ คนส่วนใหญ่จะไม่เคยได้เข้าไปในวิหารเลยตลอดชีวิตของเขา
ภายในวิหารมีเสาทองคำรองรับโดมทรงโค้ง มีการแกะสลักเล่าเรื่องราวตำนานต่างๆ ของเทพเจ้าไว้บนกำแพงและโดมเหล่านั้น
ภายในวิหาร มีเด็กสาวร่างผอม แต่งกายสวยงาม ทว่ามีใบหน้าซีดเซียวนั่งอยู่ตรงขั้นบันได นางถือตำรา อ่านหนังสือด้วยท่าทางง่วงเหงา
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า เด็กสาวแปลกใจมองหันไปตามทิศของเสียง
ร่างสูงในชุดเสื้อคลุมสีดำเดินเข้ามาหานาง เขาใส่หน้ากากปกปิดใบหน้าส่วนใหญ่เอาไว้ เผยให้เห็นดวงตาที่ดูลึกลับยากหยั่งรู้ของเขา
“ท่านพ่อมดศักดิ์สิทธิ์!” นางวิ่งเข้ามาหาเขาอย่างประหลาดใจ อู๋เจี๋ยคุกเข่าลงทำความเคารพ
“ธิดาเทพ”
“พ่อมดท่านลุกขึ้นเถอะ ข้าอยู่แต่ในวิหารทั้งวัน เบื่อจะแย่แล้ว ท่านช่วยพาข้าไปเดินเล่นที่ถนนบ้างได้หรือไม่?”
“ธิดาเทพ มะรืนนี้จะมีการบูชาสักการะเทพเจ้า ท่านคิดจะไปเที่ยวเล่นที่ไหนอีก?” เสียงของอู๋เจี๋ยเต็มไปด้วยอำนาจและข่มขู่
ใบหน้าของเด็กสาวผิดหวัง
“ข้า…”
“ธิดาเทพ ถึงเวลาที่ท่านต้องไปสรงน้ำชำระร่างกายในสระน้ำอมฤตแล้ว”
สีหน้าของธิดาเทพไม่เต็มใจ
“ท่านพ่อมด ข้ายังไม่ไปได้หรือไม่” อู๋เจี๋ยมีสีหน้าเรียบเฉย นางกลัวเขามาก หากเขาโกรธเขาจะขังนางเอาไว้ในที่มืด นางกลัวอารมณ์โกรธของเขามาก จึงได้ตอบรับเสียงเบาๆ
“ถ้าเช่นนั้นก็ไปเถอะ” อู๋เจี๋ยยื่นมือไปหาเด็กสาว นางดีใจรับคว้ามือเขาไว้ทันที
อู๋เจี๋ยจับมือนางพาเดินไป
“ก่อนที่จะถวายเครื่องสักการะบูชาเทพเจ้า ท่านต้องสรงน้ำชำระร่างกายให้สะอาดในสระอมฤตเสียก่อน ไม่เช่นนั้นจะทำให้เทพเจ้าขุ่นเคืองได้”
“ท่านพ่อมด ข้ารู้ดี แต่การชำระร่างกายในสระน้ำทำให้ข้าเจ็บปวดไปทั้งตัว” ธิดาเทพพึมพำ
ยามที่นางก้าวเท้าลงในสระน้ำ นางรู้สึกพลังบางอย่างที่แข็งแกร่งต้องการที่จะขับไล่นางให้พ้นจากสระน้ำอมฤต
นางแค่อยากจะพูดให้เขาฟังเท่านั้น อู๋เจี๋ยจับข้อมือแล้วกระชากนางอย่างแรง แล้วจ้องมองเข้าไปในดวงตา
“พลังของธิดาเทพมาจากสระน้ำอมฤต สระน้ำอมฤตจะทำร้ายธิดาเทพได้อย่างไร? ได้โปรดอย่าได้พูดเรื่องไร้สาระเช่นนี้ให้ข้าได้ยินอีกเป็นซ้ำสอง” ดวงตาของอู๋เจี๋ยกดดัน ธิดาเทพตอบรับเขาอย่างสงบ
“ข้าเข้าใจดีแล้ว” เขาพานางเดินผ่านประตูหลายบานมาจนถึงสระน้ำอมฤต
สระน้ำไม่ใหญ่มากนัก มีขนาดแค่เพียงคนผู้เดียวลงไปแช่ตัวได้
“ธิดาเทพ ท่านอาบน้ำชำระกายอยู่ที่นี่ ข้าจะเฝ้าท่านอยู่ที่ด้านนอก”
“ท่านพ่อมด ครั้งนี้ข้าต้องอาบนานเพียงใด?” อู๋เจี๋ยเหลือบมองนาง
“หนึ่งชั่วยาม” สีหน้าของเด็กสาวเปลี่ยนไป นางดูลังเล
“ใช้เวลานานกว่าครั้งที่แล้ว..”
“ท่านธิดาเทพ สระน้ำอมฤตให้พลังแก่ท่าน หากท่านอาบไม่นาน ท่านจะไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะถือคทา ท่านจะถวายเครื่องสักการะได้อย่างไร?” อู๋เจี๋ยพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม ธิดาเทพได้แต่พยักหน้ารับคำ
“ข้าเข้าใจแล้ว” อู๋เจี๋ยแตะศีรษะของนางพูดอย่างนุ่มนวลว่า
“หลังจากถวายเครื่องสักการะแล้วข้าจะพาออกไปเที่ยวเล่น” ธิดาเทพมีความสุขขึ้นมาในทันใด
“ตกลง”
อู๋เจี๋ยเดินออกจากห้องพร้อมกับปิดประตูตามหลัง
ธิดาเทพถอดเสื้อผ้าออกก้าวลงไปในสระน้ำ คลื่นพลังบางอย่างหลั่งไหลทะลักเข้าไปสู่ร่างกายของนาง แต่ร่างกายของนางไม่อาจรับพลังที่แข็งแกร่งเช่นนั้นได้ นางอึดอัด ไม่สบายตัวราวกับร่างกายจะแหลกสลาย …นางต้องอดทน..เพื่อท่านพ่อมดจะได้พานางออกไปเดินเล่นข้างนอก…