บทที่ 701 ซานเป่าคือธิดาเทพ
ใบหน้าของเด็กหญิงช่างงดงาม สดใส เต็มไปด้วยพลังอำนาจ มีเสน่ห์ราวกับว่าอาบไล้ไปด้วยแสงแห่งดวงอาทิตย์ คทาที่นางถืออยู่ในมือ ทำให้ดูเหมือนเทพธิดาที่สูงศักดิ์
ถังหลี่เจ็บปวดราวกับถูกคลื่นโถมเข้าซัดกระหน่ำเข้าที่หลังอย่างแรง นางกัดฟันแน่นยืนมองบุตรสาว ท่ามกลางฝูงชนที่พากันเงียบสงัด
ว่ากันว่าทั้งพ่อมด นักบวช ทุกคนล้วนมีพลังเหมือนกันหมด แต่มีเพียงแค่ธิดาเทพเท่านั้นที่สามารถสื่อสารกับเทพเจ้าเบื้องบนได้ เป็นไปได้หรือไม่ว่าซานเป่าคือธิดาเทพ?
ซานเป่าเป็นเด็กที่มีพละกำลังมาก ปีนี้นางอายุได้สิบเอ็ดขวบเท่านั้น เด็กหญิงอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านลี่เจียมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กทารก เว่ยฉิงรับเลี้ยงนางเป็นบุตรบุญธรรมในตอนที่อายุได้ราวสองขวบ นางมีที่มาไม่แน่ชัด…
ตอนนี้หวังหยูมีตำแหน่งเป็นพ่อมดศักดิ์สิทธิ์
เมื่อผูกโยงเรื่องราวทั้งหมดเข้าด้วยกัน จึงมีความเป็นไปได้ที่ซานเป่าจะเป็นจะมีกำเนิดเป็นธิดาเทพ
หรือว่าธิดาเทพคนก่อนหน้าจะเป็นตัวปลอม?
ไม่ว่าอย่างไรตอนนี้ต้องรีบอาศัยโอกาสนี้เพื่อหาทางเอาชีวิตรอด
“นางเป็นธิดาเทพตัวจริง ผู้ที่ทำพิธีคือตัวปลอม อู๋เจี๋ยกำลังโกหกพวกเจ้า!” ถังหลี่ตะโกนเสียงดัง
เมื่อซานเป่าได้ยินคำพูดของมารดา นางรีบรับสมอ้างทันทีอย่างไม่รอช้า
“ธิดาเทพตัวจริงอยู่ต่อหน้าพวกเจ้าแล้ว เหตุใดไม่รีบวางอาวุธ!”
บรรดาพ่อมดและบ่าวรับใช้ต่างพากันมองดูซานเป่าอย่างตื่นตระหนกระคนประหลาดใจ
นางเป็นธิดาเทพจริงหรือ?
ทุกคนวางดาบและหน้าไม้ของตัวเองลงพร้อมกับหยุดโจมตี ถังหลี่และพรรคพวกจึงหายใจหายคอได้บ้าง ถังหลี่เดินไปหาตู้เย่ นางตรวจดูบาดแผลของเขา
ในขณะที่หวังหยูมองซานเป่าด้วยแววตาโง่งม เขาลืมความเจ็บปวดในร่างกายของตัวเองไปเสียสนิท
นี่เจ้านายของเขาเป็นธิดาเทพจริงหรือ?
เรื่องนี้ส่งผลต่อหวังหยูมาก ด้วยในตอนแรกเขาคิดว่าตัวเองต้องแยกร่างแบ่งเป็นสองส่วนเสียแล้ว ครึ่งหนึ่งคือการได้รับใช้ธิดาเทพ ส่วนอีกครึ่งหนึ่งคือการปกป้องเจ้านายของเขา แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าแท้จริงแล้วพวกนางจะเป็นคนเดียวกัน!
เขามีความสุขมาก
ทารกในห่อผ้าในอดีต ได้เติบโตขึ้นมาเป็นเจ้านายที่เฉลียวฉลาด เด็ดขาด แข็งแกร่งและกล้าหาญ สมกับเป็นธิดาเทพในแบบที่เขาเคยวาดฝันไว้
ใบหน้าของอู๋เจี๋ยที่อยู่ภายใต้หน้ากากซีดลงทันที ในฐานะที่เขาเป็นคนวางแผนนี้ขึ้นมา เขาย่อมรู้ดีแก่ใจว่าธิดาเทพของเขาไม่ใช่ตัวจริง ซานเป่าต่างหากที่เป็นธิดาเทพตัวจริง เดิมทีเขาคิดว่าความจริงนี้จะถูกฝังไว้ใต้ดิน ไม่มีผู้ใดจะมาค้นพบเปิดโปงขึ้นมาได้ ไม่คิดเลยว่าธิดาเทพตัวจริงจะกลับมายังสถานที่แห่งนี้ เพื่อเปิดเผยเรื่องราวที่เขาได้ทำลงไป
ไม่! ข้าจะต้องไม่แพ้!
“เป็นไปไม่ได้! เจ้าคือตัวปลอม เจ้าเป็นคนนอกเผ่าต้องมีวิชาลึกลับที่จะยกคทาขึ้นมาได้เป็นแน่” อู๋เจี๋ยพูดเสียงดัง เขาหันไปหาพ่อมดและสาวกของตน
“นาง.. นางมาหลอกลวงพวกเรา อย่าให้นางทำสำเร็จ ฆ่านางเสีย!”
“ว่ากันว่าพลังของธิดาเทพและคทาก่อกำเนิดมาจากแหล่งเดียวกัน เรื่องเช่นนี้คนนอกเผ่าจะฝึกฝนได้หรือ? อู๋เจี๋ยเจ้าอย่าลืมสิ่งสำคัญที่สุดไปสิ”
ถังหลี่หยุดสักพักก่อนจะพูดต่อ
“ในเมื่อเจ้าบอกว่านางคือตัวปลอม เช่นนั้นเจ้าจงไปเรียกธิดาเทพตัวจริงมาพิสูจน์สิ!”
อู๋เจี๋ยเอาแต่ยืนนิ่งไม่ขยับ ซานเป่าชี้คทาไปที่สาวกรับใช้
“ไปที่วิหารแล้วนำตัวธิดาเทพมา” ทั้งสองคนหันไปมองอู๋เจี๋ยสลับกับซานเป่า แต่เมื่อนึกถึงคทาจันทราที่ซานเป่าถือไว้ในมือ พวกเขาจึงตัดสินใจที่จะเชื่อซานเป่า
ซานเป่าเป็นห่วงมารดาของตัวเองมาก แต่เพื่อรักษาภาพลักษณ์ของธิดาเทพไว้ นางจึงหยัดตัวตรง กระชับคทาในมือไว้แน่น
ที่จริงแล้วนางอดลังเลไม่ได้ว่า นางเป็นธิดาเทพตัวจริงหรือ?
เรื่องนี้จะต้องได้รับการพิสูจน์ ความลับจะต้องถูกเปิดเผย แต่ในเมื่อมารดาเป็นคนท้าให้พิสูจน์ เรื่องนี้อาจเป็นเรื่องจริง
ครู่หนึ่ง ธิดาเทพก็ถูกนำตัวมายังพิธี ใบหน้าของนางซีดเผือด อ่อนล้า ท่าทางสับสนแต่กระนั้นก็ยังฝืนทนเดินขึ้นไปยังแท่นบูชา
“งานบวงสรวงยังไม่จบอีกหรือ? ให้ข้ากลับมาด้วยเหตุใด?”
เมื่อไม่มีใครตอบ นางจึงหันไปมองอู๋เจี๋ย
“ท่านพ่อมดศักดิ์สิทธิ์ เกิดอะไรขึ้นหรือ” อู๋เจี๋ยไม่ตอบ
“มานี่สิ” ซานเป่าพูดกับนาง
ธิดาเทพเดินไปหาซานเป่าอย่างเหม่อลอย ใบหน้าของนางซีดเซียว ซูบผอม สง่าราศีของนางหายไป
ซานเป่าเชิดปลายคางขึ้นเล็กน้อยทำให้นางดูเป็นผู้สูงศักดิ์มากขึ้น
นางโยนไม้เท้าไปให้อีกฝ่าย
“รับสิ”
ธิดาเทพเอื้อมมือไปรับอย่างไม่รู้ตัว ในระหว่างพิธีนางได้ใช้พลังเกินขีดจำกัดของตัวเองไปแล้ว นางจะรับคทาจันทราอีกได้อย่างไร?
นางไม่สามารถรับไว้ได้ คทาร่วงลงกับพื้นทันที
เป็นไปไม่ได้ที่ธิดาเทพจะยกคทาไม่ขึ้น
แต่ซานเป่ากลับเดินไปหยิบคทาขึ้นมาจากพื้นได้อย่างง่ายดาย ผลออกมาชัดเจนแล้วว่าใครกันแน่คือธิดาเทพตัวจริง อู๋เจี๋ยมองขึ้นไปยังฟ้า ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง เขาแพ้แล้ว
อู๋โม่ไป๋ เจ้าชนะแล้ว..
ถึงเขาจะไม่ยอมแต่จะทำอะไรได้
ทุกคนคุกเข่าลงให้ซานเป่า ท่าทางของพวกเขาเปี่ยมไปด้วยศรัทธา ไม่มีใครสังเกตท่าทีของซานเป่าเลย
ข้าเป็นธิดาเทพจริงหรือนี่?
ซานเป่ากลอกตาก่อนจะกระแอมไอเบาๆ
“สิบปีที่แล้วแล้วเหยาเจี๋ยทรยศต่อสวรรค์ สังหารธิดาเทพและพ่อมดศักดิ์สิทธิ์อู๋โม่ไป๋ เยว่จื่อและอู๋โม่ไป๋ไม่ใช่คนผิด คนที่กระทำความผิด แท้จริงแล้วคืออู๋เจี๋ยต่างหาก”
อู๋เจี๋ยทำร้ายมารดาของนาง รวมถึงอาจารย์ของหวังหยู ทำให้ทั้งสองเจ็บแค้นมาก
“อู๋เจี๋ยคนบาป”
“อู๋เจี๋ยคนทรยศ”
ผู้คนทั้งหลายพากันโกรธแค้น พวกเขาอยากจะฉีกอู๋เจี๋ยออกเป็นชิ้นๆ
“ท่านพ่อมดศักดิ์สิทธิ์..” ธิดาเทพตัวปลอมลุกขึ้นมาจากพื้นแล้วมองอู๋เจี๋ยด้วยความสับสน
“ขังอู๋เจี๋ยและธิดาเทพตัวปลอมไว้ ค่อยจัดการกับพวกเขาที่หลัง แล้วส่งคนผู้นี้ไปยังวิหาร” ซานเป่าสั่ง
ตอนนี้ทั้งมารดา อาจารย์และหวังหยูได้รับบาดเจ็บ พวกเขาจะต้องหาที่พักโดยเร็วที่สุด พวกเขาจึงถูกส่งตัวไปทันที
เมื่อบ่าวรับใช้และพ่อมดทั้งหลายยังอยู่ ท่าทีของซานเป่าจึงยังคงไว้ด้วยความสง่างาม แต่หลังจากที่พวกเขาพากันเดินจากไป นางรีบวิ่งไปหามารดาทันที
“ท่านแม่ อาการบาดเจ็บที่หลังของท่านเป็นอย่างไรบ้าง? ท่านยังเจ็บอยู่หรือไม่เจ้าคะ?” ใบหน้าเล็กๆ ของซานเป่าเต็มไปด้วยความกังวล รอยช้ำที่แผ่นหลังของถังหลี่ดูน่ากลัว แต่ตอนนี้เริ่มดีขึ้นมาก
“ไม่เจ็บเท่าไรแล้ว”
“ท่านแม่ ข้าจะทายาให้เจ้าค่ะ” ซานเป่ายืนกราน ถังหลี่จึงได้ถอดเสื้อผ้าออก ซานเป่ามองรอยช้ำบนแผ่นหลังของมารดา จากนั้นจึงค่อยๆใช้ยาทาให้มารดาอย่างบรรจงในขณะเดียวกันก็ปลอบมารดาไปด้วย
“ท่านแม่ เจ็บหรือไม่? ข้าจะเบามือให้มากกว่านี้” ถังหลี่รู้ว่ายาที่ทาเป็นยาที่คุณภาพไม่เลวทีเดียว หลังจากทาแล้วความเจ็บปวดของนางจึงได้บรรเทาลงไปมาก
ซานเป่าวิ่งไปยังห้องถัดไปที่มีตู้เย่และหวังหยูอยู่ในห้อง เลือดของตู้เย่หยุดไหลแล้ว แต่กลิ่นของคาวเลือดยังคงคละคลุ้งอบอวลจนทำให้ใบหน้าของซานเป่ายับย่นไปในทันที
“เป็นอะไรไป? ข้าเคยบาดเจ็บสาหัสมากกว่านี้อีก” เมื่อเห็นใบหน้าที่เหยเกของลูกศิษย์ตัวน้อย ตู้เย่จึงปลอบใจนางด้วยคำพูดแข็งกระด้างตามนิสัยดั้งเดิมของเขา เขาชี้ไปยังหน้าอกของตัวเอง
“หากมีดาบมาเสียบทะลุตรงนี้เสียก่อน เจ้าค่อยร้องไห้” ว่าแล้วเขาก็ชี้ไปที่หน้าอกของตนเอง ทำให้ใบหน้าของซานเป่าดูไม่ได้มากยิ่งขึ้น
“อาจารย์ ต่อไปข้าจะฝึกวิชาให้หนัก ภายหน้าข้าจะได้ปกป้องท่าน ข้าจะไม่ให้ท่านได้เจ็บตัวเช่นนี้อีก” ซานเป่าพูดด้วยท่าทีจริงจัง
หัวใจของของตู้เย่เจ็บหน่วงเมื่อได้ยินคำพูดซื่อๆ ของนาง เขาถึงกับพูดไม่ออก ซานเป่าหันไปดูหวังหยู เด็กหนุ่มมีรอยยิ้มจางๆ บนใบหน้า
“เจ้านายเป็นธิดาเทพ..” หวังหยูพึมพำซ้ำไปมาอย่างมีความสุข จนซานเป่าขบขันไปกับท่าทีของเขา
“หวังหยู หากเจ้ากลายเป็นคนโง่เขลาข้าจะไม่ต้องการเจ้าแล้วนะ”
หวังหยูชะงักหยุดยิ้มอย่างโง่เขลาทันที
“หวังหยูไม่โง่”
เมื่อเห็นว่าอาการบาดเจ็บของอาจารย์และหวังหยูไม่ได้ร้ายแรงมากนัก นางจึงค่อยเบาใจ เด็กหญิงหันไปหามารดา นางเอียงคอถามว่าอย่างงุนงง
“ท่านแม่.. เหตุใดข้าจึงกลายเป็นธิดาเทพไปเสียแล้ว?”