บทที่ 713 ต้าโจวตกอยู่ในความสับสน
จ้าวชูเดินมายังเรือนหลังที่ห่างไกล ประตูของเรือนหลังนี้ลงกลอนไว้อย่างแน่นหนา ที่ด้านหน้ามีคนเฝ้าประตูอยู่สองคน เห็นได้ชัดว่าเป็นสถานที่คุมขัง เขาเดินเข้าไปด้านใน ตรงไปยังสนามเล็กๆที่ทรุดโทรมซึ่งมีคนผู้หนึ่งกำลังนั่งอยู่ ผมเผ้าดูยุ่งเหยิงสีหน้าชั่วร้าย
นางคือจูชุนเจียว
จูชุนเจียวถูกกักบริเวณอยู่ที่นี่และถูกบ่าวรับใช้ก้าวร้าวรังแก ทำให้นางนึกถึงช่วงเวลาในชาติก่อน ก่อนที่ตนเองจะกลับมาเกิดใหม่ในชาตินี้ ในชาตินั้นจูชุนเจียวแต่งงานกับบุตรชายขุนนางและมีสถานะเป็นเพียงอนุภรรยา นางโดนขังอยู่ในเรือนและถูกภรรยาเอกของสามีข่มเหง
แม้ชาตินี้นางจะถึงพระชายาแต่กลับต้องตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกัน เพราะชายมากเล่ห์ผู้นั้น!
จูชุนเจียวมองจ้าวชูด้วยแววตาโศกเศร้าและเกลียดชัง เขาเดินเข้าไปหานางอย่างไม่ใส่ใจ
“ข้าย่อยยับแล้ว” จ้าวชูเอ่ยปาก นางมองเขา ไม่รู้ความหมายที่เขาเจตนาเอ่ยออกมา
“เสด็จพ่อส่งน้องหกไปปราบโจร ตอนนี้น้องหกกลับมาแล้ว” เขาพูดขึ้นมาเองทั้งที่นางไม่ได้ถาม
จูชุนเจียวเข้าใจได้ทันที
แต่เดิมองค์ชายหกเป็นองค์ชายที่ไร้ความรู้ความสามารถ ฮ่องเต้ส่งเขาไปปราบโจรนั่นเพราะทรงต้องการจะฝึกฝนให้องค์ชายหกขึ้นเป็นรัชทายาท การที่องค์ชายหกปราบโจรได้สำเร็จเท่ากับว่าเขาได้ผ่านการทดสอบแล้ว
จูชุนเจียงไม่คิดว่าระหว่างที่ตนเองโดนขังจะมีการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้เกิดขึ้น การต่อสู้ของจ้าวชูล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่า
“ฮ่าๆๆๆ” จูชุนเจียวหัวเราะเยาะอย่างดุเดือด ใบหน้าของนางโหดเหี้ยม นางเกลียดจ้าวชูเป็นทุนเดิม ยิ่งเห็นเขาพ่ายแพ้ล้มเหลว นางย่อมยินดี
เขาเหลือบตามองอย่างเย็นชาแล้วกล่าวว่า
“ที่องค์ชายหกกลับมาได้ เป็นเพราะถังหลี่ช่วยเขาไว้” เสียงหัวเราะของจูชุนเจียวหยุดลงทันที ถังหลี่อีกแล้ว!
นางเกลียดถังหลี่มากกว่าจ้าวชูอีก หญิงผู้นั้นเป็นคนทำให้นางต้องเป็นแบบนี้
ถังหลี่มักได้อะไรมาแบบง่ายๆ ตอนนี้เป็นถึงผู้มีพระคุณช่วยชีวิตองค์ชาย
แม้จะตกลงไปในบ่อโคลนแต่ถังหลี่ก็ยังปีนสูงขึ้นได้เรื่อยๆ
“เจ้าต้องการอะไรบอกข้ามา” จูชุนเจียวพูดอย่างเย็นชา นางเดาได้ว่าจ้าวชูมีเหตุผลบางอย่างที่ไม่ฆ่านาง เขาเก็บนางไว้เพราะหมอเทวดาที่อยู่ในวังหลวงเป็นคนใกล้ชิดกับฮ่องเต้จึงเป็นไพ่ตายที่สำคัญมาก
ดูเหมือนว่าตอนนี้จ้าวชูอยากจะใช้ไพ่ใบนี้แล้ว
“เรามาทำข้อตกลงกัน เมื่อทุกอย่างจบลงข้าจะคืนอิสรภาพให้แก่เจ้าและมอบตัวตนใหม่ให้เจ้า”
จ้าวชูกระซิบแผนการให้แก่หญิงสาว จูชุนเจียวมองจ้าวชูอีกครั้งแล้วกล่าวว่า
“หลังจากที่ทุกอย่างจบลง เจ้าต้อง ทำให้คนที่ถังหลี่ห่วงใยค่อยๆ ตายไปต่อหน้านาง ชีวิตของถังหลี่ต้องตายเสียดีกว่าอยู่” เมื่อคิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้แล้วจูชุนเจียวก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมาก
“ตามที่เจ้าต้องการ” จ้าวชูกล่าว
เขายืนขึ้นมองดูสายลมแรงที่พัดผ่านต้นไม้ ใต้หล้ากำลังจะสับสนวุ่นวาย
…..
ข่าวการกลับมาขององค์ชายหกแพร่สะพัดไปทั่วทั้งเมืองหลวง องค์ชายหกขอร้องให้ปล่อยตัวคนของสกุลเหลียง กล่าวว่าพวกเขาบาดเจ็บเพื่อปกป้องเขาเอาไว้ นับว่าเป็นการช่วยเหลือเขาในยามวิกฤติ
เมื่อชั่งน้ำหนักข้อดีและข้อเสียแล้ว ฮ่องเต้จึงได้ทรงปล่อยคนสกุลเหลียงออกจากคุกหลวง
สถานการณ์ภายในราชสำนักจึงได้แปรเปลี่ยนไป
ที่สำนักฮั่นหลิน
รถม้าคันหนึ่งจอดที่ทางเข้าด้านหน้าสำนักฮั่นหลิน จ้าวจิ่งซวนลงจากรถม้าเดินเข้าไปยังด้านใน เขาพบกับเพื่อนร่วมงานหลายคน คนเหล่านั้นทักทายเขาด้วยความอบอุ่น จ้าวจิ่งซวนคลี่ยิ้มตอบกลับไป เมื่อมองเห็นภาพที่คุ้นเคยเช่นนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอู๋ซานก็ราวกับเป็นแค่ความฝัน
จ้าวจิ่งซวนเดินรุดไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เมื่อถึงประตูห้องที่คุ้นเคยเขาก็เปิดเข้าไป ศีรษะของคนสองคนหันมามองเขาทันทีความประหลาดใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพวกเขา เว่ยจื่ออั๋งผุดลุกจากเก้าอี้วิ่งมาหาจ้าวจิ่งซวนพร้อมกับสำรวจไปทั่วตัวเขาทันที
“ยังไม่ตาย”
“ไม่พิการ!”
จ้าวจิ่งซวนมองพวกเขาด้วยรอยยิ้ม “ไม่คิดเลยว่าน้องจื่ออั๋งจะใส่ใจข้ามากถึงเพียงนี้”
สวี่เจวี๋ยเดินเข้าไปหา เมื่อจ้าวจิ่งซวนเห็นแววตาที่เป็นกังวลของสวี่เจวี๋ยแล้วก็รู้สึกราวกับตัวเองลอยได้
“ตอนข้าไม่อยู่พวกเจ้าคงคิดถึงข้าทุกวัน”
“ใครคิดถึงเจ้ากัน ยามเจ้าไม่อยู่ ที่นี่สงบสุขทุกวัน” สวี่เจวี๋ยกระชากเสียง เขาดึงเว่ยจื่ออั๋งออกไป
“จื่ออั๋งไม่ต้องสนใจเขา ตอนนี้หางของเขาแทบชี้ขึ้นฟ้าไปแล้ว” จ้าวจิ่งซวนรีบรั้งทั้งสองคน
“ไม่ต้องอายหรอก ข้าจะให้โอกาสพวกเจ้าถามข้าว่าเกิดอะไรขึ้น”
เว่ยจื่ออั๋งถามถึงเรื่องที่เกี่ยวกับมารดาของเขา แล้วทั้งสองก็ไม่ถามอะไรจ้าวจิ่งซวนอีก
“เจ้าเห็นรอยที่หน้าผากข้าหรือไม่? ข้าตกจากหน้าผา นี่เป็นเหรียญกล้าหาญของลูกผู้ชาย ซ้ำยังนำข้าไปสู่การผจญภัยที่โลดโผนอีกด้วย !”
“ข้าได้พบกับสาวงามที่ช่วยเหลือข้า นางดูแลข้าตอนบาดเจ็บ พวกเราตกหลุมรักกันแล้วสัญญาว่าจะดูแลกันตลอดชีวิต”
หากอามู่รู้ว่าจ้าวจิ่งซวนเล่าอะไรบ้าง เขาคงพูดไม่ออก อามู่คงคิดในใจว่า ไม่มีข้าอยู่ในเรื่องเล่าของเจ้าเลยสินะ!
จ้าวจิ่งซวนพูดพล่ามไม่หยุด แม้จะมีอายุไล่เลี่ยกัน แต่เว่ยจื่ออั๋งและสวี่เจวี๋ยไม่ได้มีประสบการณ์เช่นเดียวกับเขา จ้าวจิ่งซวนจึงรู้สึกว่านี่เป็นเรื่องราวที่เขาจะเอาไว้โม้โอ้อวดได้ ทั้งสองคนจะได้ชื่นชมเขา
หลังจากที่เล่าจบ จ้าวจิ่งซวนก็รอให้ทั้งสองคนถามรายละเอียดเพิ่มเติม
“ข้าฟังแล้วไม่สมเหตุสมผลเท่าไรที่หญิงงามกำลังจะแต่งงานกับอันธพาลแล้วมาตกหลุมรักเจ้าที่ตกมาจากฟ้า” สวี่เจวี๋ยพูด เขาโจมตีการโอ้อวดของจิ่งซวนแบบไร้ความปราณี
“…” พูดกันดีๆ ก็ได้ เจ้าจิ่งซวนได้แต่รำพึงในใจ
เว่ยจื่ออั๋งกลั้นยิ้มจนดวงตาโค้งเป็นพระจันทร์เสี้ยว
“ไม่รู้ล่ะ ข้าได้พบกับหญิงงามที่ดีมากจริงๆ ข้าชอบนางแล้วก็อยากแต่งงานกับนาง แต่นางไม่อาจมาที่ต้าโจวกับข้าได้ นางกับข้าไม่อาจอยู่ด้วยกันได้”
เมื่อจ้าวจิ่งซวนพูดถึงอาฮวาเขาก็ปวดใจมาก เขาพยายามอย่างมากที่จะไม่คิดถึงนาง ดอกไม้เล็กๆที่เพิ่งผลิเบ่งบานได้ไม่นานก็ค่อยๆเหี่ยวเฉาลง เมื่อเห็นว่าเขาดูซึมลง เว่ยจื่ออั๋งจึงตบบ่าเขาเป็นเชิงปลอบโยน
“มันเป็นความรู้สึกเช่นไรหรือ การที่ได้ชอบใครสักคน” เขาถามด้วยความสงสัย
“ข้าคิดถึงนางเวลาไม่ได้พบหน้า ข้าซื้อของทุกอย่างที่เจอให้นาง อยากเก็บอาหารอร่อยๆ ไว้ให้นาง อยากเก่งกาจเพื่อปกป้องนางได้ ข้าอยากอยู่กับนางมาก..” จ้าวจิ่งซวนกล่าว
“แต่ข้าก็เก็บอาหารอร่อยๆ ไว้ให้สวี่เจวี๋ยนะ” เว่ยจื่ออั๋งยังคงไม่เข้าใจ
“ไม่สิ พวกเจ้าเป็นพี่น้องกัน หากเจ้าชอบใครสักคน..” จ้าวจิ่งซวนพูดแบบมีนัยยะ ดวงตาของเว่ยจื่ออั๋งเบิกกว้างเหมือนคนอยากรู้อยากเห็นทั่วไป
“อะไรหรือ?”
“ข้าจะแสดงอะไรให้เจ้าดู มันเป็นสิ่งล้ำค่าของข้า” จ้าวจิ่งซวนเดินไปที่โต๊ะของเขา เขาจากที่นี่ไปหลายเดือนแต่โต๊ะกับเก้าอี้ไม่มีแม้แต่ฝุ่น เห็นได้ชัดว่าเจ้าปากแข็งตัวน้อยทั้งสองคนทำความสะอาดให้เขา แล้วยังแสร้งทำเป็นไม่สนใจเขาอีกด้วย
จ้าวจิ่งซวนหยิบหนังสือในลิ้นชักออกมา เว่ยจื่ออั๋งดูสับสน มันก็หนังสือธรรมดามิใช่หรือ เว่ยจื่ออั๋งรู้ดีแก่ใจว่ามันมีอะไรพิเศษ
จ้าวจิ่งซวนเปิดมันแล้วมอบให้แก่พวกเขา ดวงตาของเว่ยจื่ออั๋งเบิกกว้างทันทีเมื่อเห็นว่าในนั้นมีภาพวาดของคนสองคนที่ไม่สวมเสื้อผ้า ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ ส่วนสวี่เจวี๋ยก็หยิบไปเปิดดูทีละหน้า จ้าวจิ่งซวนทำเสียงจิ๊จ๊ะ ดูเหมือนว่าสวี่เจวี๋ยจะชอบมาก ใบหน้าของเขาดูจริงจังเสมอ แต่ที่แท้เป็นจอมเสแสร้ง
“ข้าจะมอบหนังสือให้บัณฑิตจ้าว” รอยยิ้มล้อเลียนบนใบหน้าของจ้าวจิ่งซวนหายไป เขารีบวิ่งไปกอดสวี่เจวี๋ยไว้ทันที
“ไม่นะ”
เสียงหัวเราะเกิดขึ้นในห้องเล็กๆห้องนั้น หลังจากที่เงียบสงบมานาน จ้าวจิ่งซวนเริ่มอ่านหนังสือ เขาไม่เคยจริงจังแบบนี้มาก่อน จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ จ้าวจิ่งซวนเปลี่ยนไปมาก