เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ – บทที่ 721 ถังหลี่กลับมาแล้ว

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

บทที่ 721 ถังหลี่กลับมาแล้ว

ศาลาร้างบนเนินเขาแห่งหนึ่ง ห่างจากเมืองหลวงออกไปสามลี้

มีชายหนุ่มท่าทางแข็งแกร่ง สวมเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง แขนของเขาพันด้วยผ้าพันแผล หมวกสานที่เขาสวม ตกลงมาปิดบังจนมองไม่เห็นใบหน้าได้อย่างชัดเจน จนกระทั่งเขาเงยหน้าขึ้นมาทำให้รู้ว่าเขาคือเว่ยฉิง

วันนั้นเว่ยฉิงถูกลู่ตี้จูล้อมไว้เพื่อสังหาร ในเสี้ยวนาทีแห่งความเป็นความตายองครักษ์เงาได้ปรากฏตัวขึ้นและเข้ามาช่วยเขาเอาไว้ได้ทันท่วงที เว่ยฉิงถูกแทงที่แขน บาดแผลที่แถวหน้าผากดูราวกับสาหัส แต่แท้จริงแล้วกลับไม่ได้ร้ายแรงมากนัก

หลังจากที่เว่ยฉิงหลุดจากวงล้อม เขารีบมุ่งหน้ามายังเมืองหลวงโดยไม่หยุดพัก โดยหวังว่าจะแจ้งข่าวให้ฮ่องเต้โจวทราบถึงการก่อกบฏของจ้าวชูได้

แต่เมื่อหนึ่งชั่วยามที่ผ่านมา เว่ยฉิงที่อยู่นอกเมืองหลวงได้ยินข่าวการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ฮ่องเต้โจวทรงแต่งตั้งองค์ชายสามให้เป็นองค์รัชทายาท จ้าวชูลงมือไปแล้ว! เว่ยฉิงมาสายเกินไป..

ทันใดนั้นเองเว่ยฉิงก็ตระหนักได้ว่าการที่ฮ่องเต้โจวส่งเขาไปสืบเรื่องการลอบสังหารจ้าวจิ่งซวนนั่นหมายถึงพระองค์กำลังวางแผนจะจัดการจ้าวชู แต่ทว่าจ้าวชูกลับไม่ได้กังวลว่าเว่ยฉิงจะรู้เรื่องกองกำลังที่เขาซ่องสุมเอาไว้ เพราะเขาจะชิงลงมือก่อนนั่นเอง เมื่อเว่ยฉิงออกจากเมืองหลวงจ้าวชูก็จะลงมือได้สะดวก

เขาโดนจ้าวชูหลอกแล้ว!

เว่ยฉิงประเมินอีกฝ่ายต่ำเกินไป เขาประมาทคู่ต่อสู้ ตอนนี้จ้าวชูควบคุมฮ่องเต้โจวและเมืองหลวงไว้ได้แล้ว ลูกๆและญาติเขาอยู่ในเมืองหลวงทั้งหมด หากว่ากันตามความเป็นจริงแล้วจ้าวชูมีตัวประกันอยู่ในมือ ซึ่งก็คือครอบครัวของเว่ยฉิง

เว่ยฉิงรู้ว่าหากเขาเข้าไปในเมืองหลวงตอนนี้จ้าวชูจะต้องจัดการเขาแน่นอน แต่เขาเป็นห่วงลูกๆ ของเขามากเหลือเกิน เว่ยฉิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆถึงสองครั้ง เก็บกลืนความปรารถนาที่จะเข้าไปในเมืองหลวงเอาไว้ก่อน เขายังต้องรอข่าวจากหน่วยข่าวกรองในเมืองหลวงเพื่อประเมินสถานการณ์เสียก่อน

หากเว่ยฉิงลงมือทำอะไรไปโดยพลการแล้วถูกควบคุมตัวขึ้นมา เขาจะไม่สามารถช่วยเด็กๆเอาไว้ได้

ในตอนนั้นเองมีชายหนุ่มหน้าตาเรียบๆ ไร้จุดเด่นเดินเข้ามาหา เป็นองครักษ์เงาของเขานั่นเอง สีหน้าเว่ยฉิงเต็มไปด้วยความคาดหวัง

“นายท่าน ข้าติดต่อฉือซื่อได้แล้วขอรับ” คนผู้นั้นกระซิบรายงาน

ในหน่วยองครักษ์เงาจะมีวิธีลับในการติดต่อกันอยู่ แต่สามารถติดต่อได้ผ่านระยะทางที่ไม่ไกลจากกันมากเกินไปนัก การที่พวกเขาติดต่อกันได้ นั่นหมายถึงฉื่อซื่ออยู่ไม่ไกลจากพวกเขามากแล้ว ย่อมมีข่าวมาจากถังหลี่เช่นกัน

“ฉือซื่อกับฮูหยินใช้เวลาอีกครึ่งวันจึงจะมาถึงพวกเราขอรับ”

เมื่อได้ยินรายงาน เว่ยฉิงรีบลุกขึ้นเดินไปรอบๆ ทันที

เยี่ยม! ภรรยาของเขากำลังจะกลับมาถึงแล้ว ! ความตื่นเต้นที่จะได้เจอภรรยาทำให้ความกังวลของเว่ยฉิงลดลงไปมาก เมื่อคิดว่ากำลังจะได้เจอภรรยาความสุขของเขาก็แทบล้นปรี่ออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจเลยทีเดียว

“ข้าจะไปรับนาง” เว่ยฉิงอยากเห็นถังหลี่เร็วขึ้น เขาควบม้าลงจากภูเขาไปตามถนนสายหลัก หากสวนทางขึ้นไปเรื่อยๆ เขาจะได้ต้องพบกับภรรยาของเขาแน่นอน หากเขายังรออยู่ที่นี่ รถม้าของถังหลี่ก็จะเสียเวลาครึ่งวันเพื่อเดินทางมา แต่ถ้าเขาเดินทางสวนขึ้นไปก็จะได้เจอนางเร็วขึ้นกว่าเดิม

เว่ยฉิงควบม้าใช้เวลาแค่เพียงหนึ่งชั่วยามเท่านั้น ก็ได้เห็นรถม้าพุ่งมาแต่ไกล คนที่บังคับคือฉือซื่อนั่นเอง ทันทีที่รถม้าหยุดลงหญิงสาวที่อยู่ในรถม้าได้ลืมตาขึ้น

ยังไม่ถึงเมืองหลวงไม่ใช่หรือ?

ถังหลี่เปิดผ้าม่านออกไปด้านนอก นางเห็นม้าตัวหนึ่งกำลังมุ่งหน้ามาทางรถม้าของนาง ชายที่อยู่บนม้าดูคุ้นเคย เขามาปรากฏตัวอยู่ในความฝันของถังหลี่อยู่เสมอ ทั้งสองมองหน้ากันด้วยความปรารถนาและคิดถึงล้นอยู่ในหัวใจ

เว่ยฉิงลงจากม้าเข้ามากอดถังหลี่ไว้แน่นราวกับต้องการจะหลอมรวมพวกเขาเอาไว้ด้วยกัน

ถังหลี่กอดเอวเว่ยฉิง กลิ่นกายที่คุ้นเคยทำให้จมูกและดวงตาของนางแดงก่ำ ในที่สุดนางก็ได้พบกับสามีแล้ว

เพื่อที่จะได้พบกับเขาให้เร็วที่สุด ตั้งแต่ออกจากเผ่าอู๋ซานมานางไม่ได้หยุดพักเลย

เว่ยฉิงมองภรรยาของตนราวกับสมบัติล้ำค่า เขาอดไม่ได้ที่จะจุมพิตไปตามใบหน้าที่งดงามทั้งหน้าผาก คิ้ว สันจมูกและริมฝีปากของภรรยา ถังหลี่เงยหน้าปล่อยให้เขาจูบตามอำเภอใจ แต่เมื่อเหลือบไปเห็นบาดแผลที่คิ้วของเว่ยฉิง หญิงสาวขมวดคิ้วทันที

ก่อนหน้านี้นางได้กลิ่นคาวเลือด ดูเหมือนว่าตอนนี้สามีของนางจะได้รับบาดเจ็บ

“เกิดอะไรขึ้น?” ถังหลี่ถาม

เว่ยฉิงเล่าเรื่องราวที่ตัวเองได้รับภารกิจสืบเรื่องการลอบสังหารองค์ชายหกให้ถังหลี่ฟัง รวมถึงเรื่องกองกำลังส่วนตัวของจ้าวชู และการตามล่าของคนจากจ้าวชู

“แค่บาดเจ็บเล็กน้อยไม่เป็นไรหรอก” เว่ยฉิงไม่ใส่ใจ

ถังหลี่มองบาดแผลของสามี แม้จะไม่สาหัสมากนักแต่ก็ยังทำให้นางวิตกกังวล

“ในเมืองหลวงมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น” เขาเล่าข่าวเรื่องฮ่องเต้โจวแต่งตั้งจ้าวชูเป็นองค์รัชทายาท ถังหลี่เคร่งขรึมลงทันที

“เป็นไปไม่ได้ที่พระองค์จะแต่งตั้งจ้าวชูเป็นองค์รัชทายาท”

“ใช่แล้ว จ้าวชูควบคุมฮ่องเต้โจวไว้ได้ตอนนี้วังหลวงทั้งหมดตกอยู่ภายใต้อำนาจของเขา”

“ข้าไม่รู้สถานการณ์ในเมืองหลวงเป็นอย่างไร ได้แต่รอข่าวจากองครักษ์เงา ข้าเป็นห่วงแต่ถังเป่า มู่เป่า….. พวกเขายังเล็กนัก”

ถังหลี่กังวลเกี่ยวกับลูกทั้งสองเช่นกัน นางแทบจะอดใจรอไม่ไหวที่จะเข้าไปในเมืองหลวงเพื่อปกป้องบุตรทั้งสอง แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้นางใจเย็นลง

“จื่ออั๋งกับสวี่เจวี๋ยจะปกป้องพวกเขา อีกอย่างท่านแม่และพี่ชายข้าก็อยู่ในเมือง ถังเป่ากับมู่เป่าจะไม่เป็นอะไรแน่นอน”

หลังจากที่ได้ยิน เว่ยฉิงก็ดูผ่อนคลายขึ้น เขามองไปที่ภรรยาแล้วถามว่า

“ซานเป่าอยู่ไหน?”

“จ้าวจิ่งซวนเล่าเรื่องเผ่าโบราณให้เจ้าฟังหรือยัง? ซานเป่าเป็นธิดาเทพของเผ่าอู๋ซาน” ถังหลี่พูด เว่ยฉิงประหลาดใจมาก เขาคาดไม่ถึงกับตัวตนที่แท้จริงของซานเป่า

“ไม่เป็นไร ตอนนี้เมืองหลวงเต็มไปด้วยอันตรายมาก การที่นางอยู่ในอู๋ซานอาจจะปลอดภัยกว่า” เว่ยฉิงอดไม่ได้ที่จะถาม

“ฮูหยิน เรายังจะได้เจอซานเป่าอีกใช่หรือไม่?”

ซานเป่า..

เว่ยฉิงกังวลมากเมื่อไม่ได้เห็นซานเป่าอยู่ในสายตา เขารู้สึกราวกับขาดอะไรบางอย่างในชีวิตไป

“หากเรื่องในเมืองหลวงคลี่คลายลงในเร็ววัน เราจะไปหานางที่อู๋ซาน” เมื่อได้ฟังคำตอบจากภรรยา เว่ยฉิงจึงได้เบาใจลง

รถม้าหยุดลงกลางทาง พวกเขาเจอสถานที่สงบเงียบสามารถกำบังจากลมและฝนได้เป็นอย่างดี เพื่อรอฟังข่าวจากเมืองหลวงจึงต้องหยุดพักการเดินทางชั่วคราว

ในช่วงเย็น องครักษ์จึงได้นำข่าวจากเมืองหลวงมาแจ้ง

ถังหลี่ตกใจมากเมื่อได้อ่านข้อมูล ฮ่องเต้โจวแต่งตั้งจ้าวชูเป็นองค์รัชทายาท มีแถลงการณ์ออกมาว่าฝ่าบาททรงพระประชวร เมื่อต้วนโสว่ฝู่นำขุนนางไปเข้าเฝ้าก็ได้เห็นกับตาว่าฝ่าบาททรงพระประชวรจริงและไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมตัวจากจ้าวชู ทำให้ข้อกังขาหมดสิ้นไป

เหลียงตงถูกล่าวหาว่าเป็นกบฏต้องการลอบปลงพระชนม์ทำให้ต้องโทษถึงกับประหารชีวิต

แผนของจ้าวชูเป็นไปอย่างราบรื่น

ต้วนโส่วฝู่ถูกลดตำแหน่งและเหลียงตงถูกสังหาร

จ้าวชูวางแผนทุกอย่างได้รัดกุม ทั้งที่คนฉลาดอย่างต้วนโส่วฝู่ควรสังเกตเห็นความผิดปกติได้แม้เขาจะไม่สบายอยู่ก็ตาม ยิ่งไปกว่านั้นเหลียงตงเป็นถึงผู้นำสกุลเหลียง แต่เขายังหาหนทางรับมือไม่ได้เลย?

เท่าที่ถังหลี่รู้ จ้าวชูไม่ได้มีอำนาจมากขนาดนั้น สิ่งที่นางคิดได้ในตอนนี้ คือราศีความเป็นตัวเอกของจ้าวชูกำลังสร้างปัญหาใหญ่ขึ้นมาแล้ว

เขาจึงโชคดีราวกับสวรรค์เข้าข้าง ราศีตัวเอกของเขาทำให้สถานการณ์ผันแปรไปเช่นนี้ เป็นเรื่องยากที่จะแก้ไขหรือพลิกเปลี่ยนได้ในทันที

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

Status: Ongoing
เธอทะลุมิติเข้าไปในนิยายที่ตนเองเคยอ่าน ถูกขายให้เป็นภรรยาของหนุ่มชาวป่า กลายเป็นแม่เลี้ยงของเด็กน้อย 3 คน ซึ่งเป็นตัวร้ายสุดชั่วช้า จุดจบคือประหารอย่างน่าสังเวช เธอจะทำยังไงให้อนาคตของพวกเขาเปลี่ยนไป‘ถังหลี่’ ทะลุมิติไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่ตนเองเคยอ่าน ถูกขายให้เป็นภรรยาของหนุ่มชาวป่า กลายเป็นแม่เลี้ยงของเด็กน้อย 3 คนแต่หนุ่มชาวป่าผู้นี้นั้น คือตัวร้ายหลักของนิยายเรื่องดังกล่าว เป็นตัวร้ายที่จิตใจอำมหิต สุดแสนจะชั่วช้าสามานย์ แถมลูกเลี้ยงทั้ง 3 ก็เป็นเหล่าวายร้าย เป็นตัวร้ายในเรื่องที่โฉดชั่วไม่ต่างกับบิดา จุดจบของพวกเขาคือถูกสั่งประหารอย่างน่าสังเวช แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ เด็กน้อยทั้ง 3 ยังคงเป็นเจ้าก้อนน่ารักนุบนิบ คอยเรียกนางอย่างแสนหวานว่า “ท่านแม่” เพียงแค่คำนี้ที่ออกมาจากปากของพวกเขา นางก็ใจอ่อนยวบ ตั้งใจว่าไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นางจะต้องเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของเหล่าลูกเลี้ยงให้ได้!ภารกิจถัดมาคืออะไรน่ะหรือ ก็คือทำนา ทำการค้า ทำทุกอย่างเพื่อหาเงินทองมาเลี้ยงเด็กน้อยทั้ง 3 ให้มีชีวิตที่สุขสบาย กล่อมเกลาพวกเขาให้มีชีวิตดีๆต่อมา…เหล่าวายร้ายทั้ง 3 ได้เติบโตขึ้น คนหนึ่งเป็นผู้นำสูงสุดของสำนักปราชญ์ในใต้หล้า คนหนึ่งเป็นพ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่ ร่ำรวยยิ่งกว่าฮ่องเต้ คนหนึ่งเป็นแม่ทัพหญิงผู้เก่งกาจสง่างาม…ทั้ง 3 ทั้งรักทั้งหวงถังหลี่เป็นอย่างมากผู้นำสูงสุดของสำนักปราชญ์ : บังอาจรังแกท่านแม่ของข้างั้นหรือ จับมันไปขังเดี๋ยวนี้!แม่ทัพหญิงผู้เก่งกาจสง่างาม : พี่ใหญ่ ฆ่ามันทิ้งเสียเลยง่ายกว่า!พ่อค้าผู้ยิ่งใหญ่ : น้องสาม ข้าจะยื่นดาบให้เจ้าเอง!พระปิตุลาผู้ทรงอำนาจคว้าตัวภรรยาของตนเข้าไปกอด : ภรรยาที่รักของข้า ข้าจะปกป้องเอง เจ้าพวกตัวเปี๊ยกน่ารำคาญ ถอยไปซะ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท