บทที่ 727 กำลังทหารแตกเป็นสองกลุ่ม
ในขณะที่ถังหลี่กำลังกังวลอยู่นั้น ประตูด้านนอกเปิดออก ชายหนุ่มร่างสูงในชุดสีดำเดินเข้ามา เขาพยักหน้าให้ถังหลี่
สำเร็จแล้ว !
จ้าวต้วนเปลี่ยนฝั่งแล้ว สามีของนางเก่งจริงๆ
“เว่ยฉิง เมื่อคืนข้าฝัน..” เพราะเป็นเรื่องเร่งด่วนด้วยถังหลี่จึงพูดความฝันอย่างตรงไปตรงมา ท่าทีของเว่ยฉิงเคร่งขรึมมากขึ้น หากเหตุการณ์ตรงกับความฝันของภรรยาเขา นั่นหมายถึงกองกำลังทหารส่วนตัวของจ้าวชูมาถึงเมืองหลวงแล้ว ทำให้เขามีความมั่นใจในการที่จะยึดบัลลังก์
“ข้าเกรงว่าตอนนี้ในวังหลวงจะมีคนของจ้าวชูจำนวนมาก เราต้องรีบทำอะไรสักอย่าง ช้าไม่ได้” เขารีบพูดขึ้น
หญิงสาวพยักหน้ารับ นางจะไม่ปล่อยให้เรื่องที่เกิดขึ้นในฝันเป็นจริงอย่างเด็ดขาด
“ฮูหยินตอนนี้กำลังทหารแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม เจ้าไปหาจ้าวจิ่งซวนแล้วให้เขานำกองกำลังเข้าไปโจมตีวังหลวง ส่วนข้าจะใช้กำลังของจ้าวต้วนช่วยเหลือฮ่องเต้”
เว่ยฉิงกล่าว แม้ว่าเว่ยฉิงจะโน้มน้าวจ้าวต้วนได้ แต่ทว่าทหารในมือของจ้าวต้วนมีเพียงแค่สองพันนายเท่านั้น ที่เหลืออีกแปดพันไม่ใด้อยู่ในอำนาจของเขา
เว่ยฉิงมีโอกาสแค่เข้าไปช่วยเหลือฮ่องเต้เท่านั้น
สามีของนางต้องการให้จ้าวจิ่งซวนไปหันเหความสนใจจากจ้าวชู การต่อสู้ครั้งนี้เกิดขึ้นเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากการช่วยเหลือฮ่องเต้ หากพระองค์ตรัสออกมาว่า จ้าวชูกำลังวางแผนสังหารตนเองต่อหน้าราชองครักษ์และข้าราชบริพาร จ้าวชูจะกลายเป็นกบฏทันที
“ตกลง” นางพยักหน้า เว่ยฉิงจับมือของนางไว้แล้วมองหน้าถังหลี่อย่างลึกซึ้ง
“ฮูหยิน เจ้าระวังตัวด้วย”
ถังหลี่เงยหน้าขึ้นสบตาเว่ยฉิง นางห่วงใยเขามากเช่นเดียวกัน
“ท่านก็ต้องระวังตัวด้วย” สถานการณ์ในตอนนี้มีความสุ่มเสี่ยง หากผิดพลาดไปแม้แต่น้อยย่อมตกอยู่ในอันตราย
“หากเรื่องนี้จบลงเมื่อไร เราสองคนไปใช้ชีวิตในชนบท ร่ำสุราและดื่มชากันเถิด” ถังหลี่ว่า
ชายหนุ่มกดจูบที่ริมฝีปากของนาง เขาทนไม่ได้ที่จะต้องจากนางไป แม้จะอยากกอดและจุมพิตหรือเก็บนางไว้ในอ้อมกอดมากเพียงใดก็ตาม เขาก็ได้แต่ยืนนิ่งพลางถอดถอนใจเท่านั้น
“ฮูหยิน เจ้าช่วยใช้มนต์พรางตาให้ข้าที” เว่ยฉิงบอก เขาหยิบภาพวาดรูปหนึ่งส่งให้ถังหลี่ เว่ยฉิงไม่อาจเข้าไปในวังหลวงโดยใช้หน้าตาของตัวเองได้ ภาพนี้จ้าวต้วนเป็นคนให้เขามา เป็นรูปขององครักษ์ผู้ใกล้ชิดกับฮ่องเต้
ถังหลี่ใช้มนต์พรางตากับเว่ยฉิง รูปลักษณ์ของเขาเปลี่ยนไปทันที ทั้งสองสบตากันอีกครั้งก่อนที่จะแยกย้ายกันไป
ถังหลี่ขึ้นรถม้า ในขณะที่เว่ยฉิงควบม้าไปอีกทาง หญิงสาวเดินทางไปยังจวนสกุลเหลียง ระหว่างทางนางรู้สึกกังวลมาก ทั้งเรื่องของสามี เว่ยจื่ออั๋ง สวี่เจวี๋ย และลูกที่บ้าน..แต่นางคือปลาหลี่ ไม่ว่าอย่างไรนางต้องนำโชคดีมาให้สามีอย่างแน่นอน ถังหลี่ปลุกปลอบใจตัวเองเพื่อให้รู้สึกสบายใจขึ้น
สองเค่อ[1]ต่อมารถม้าจึงได้มาหยุดที่หน้าจวนสกุลเหลียง บรรยากาศที่ด้านหน้าเต็มไปความหนาวเย็น ประตูจวนปิดเงียบสนิท
ถังหลี่เคาะประตูไม่นานนักประตูก็เปิดออก
บ่าวรับใช้หลายคนที่อยู่ด้านในมองหญิงสาวอย่างหวาดระแวง
“เจ้าเป็นใคร มีธุระอะไร?”
“ข้ามาหาองค์ชายหก ไปรายงานองค์ชายว่าข้านำขนมซานชุนที่พระองค์โปรดปรานมาให้” ถังหลี่กล่าวถึงขนมชนิดนี้ มันไม่ใช่ขนมที่หากินได้ในเมืองหลวง แต่เป็นขนมที่ถังหลี่คิดขึ้นมาและจ้าวจิ่งซวนชอบมันมาก
“องค์ชายหกเฝ้ารอขนมนี้มานานแล้ว อย่าลืมบอกพระองค์เรื่องนี้” ถังหลี่เน้นย้ำ
บ่าวรับใช้ปิดประตูก่อนวิ่งไปรายงานเรื่องนี้ให้จ้าวจิ่งซวนทราบ
“ขนมซานชุนหรือ? ทำเอง?” จ้าวจิ่งซวนครุ่นคิด หรือว่าจะเป็นนาง… เด็กหนุ่มผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ให้นางเข้ามา”
ถังหลี่เข้าไปในจวนสกุลเหลียง เมื่อจ้าวจิ่งซวนเห็นนาง เขาชะงักไป หญิงสาวผู้นี้มีใบหน้าเรียบๆ ร่างกายท้วมเล็กน้อย
ครั้งสุดท้ายที่ถังหลี่เห็นจ้าวจิ่งซวนคือตอนที่พวกเขาแยกกัน นางเดินทางไปเมืองเยว่เฉิง ส่วนเขาต้องกลับเมืองหลวง
จ้าวจิ่งซวนดูเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด สงบนิ่งและเติบโตขึ้น เพียงแต่ราคาของการเติบโตในครั้งนี้ช่างน่าเศร้าเกินไป… ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาจ้าวจิ่งซวนพบเจอแต่ความยากลำบากมากกว่าช่วงเวลาสิบปีในชีวิตของตัวเอง ถังหลี่เอามือยีหัวเด็กหนุ่ม
“เจ้าเด็กโง่ แค่เพราะรูปลักษณ์ข้าไม่เหมือนเดิมเจ้าก็จำไม่ได้แล้วหรือ?”
น้ำเสียงและท่าทางแบบนี้!
จู่ๆ ท่าทีหดหู่ของจ้าวจิ่งซวนก็เปลี่ยนไป เขายิ้มแย้มออกมา เป็นถังหลี่จริงๆ
“พี่ถัง!” เขาเรียกอย่างมีความสุข ตอนที่ลุงรองของเขาเสียชีวิต เสด็จแม่ของเขาถูกคุมขัง สร้างความเสียหายภายในใจของจ้าวจิ่งซวนเอาไว้ โชคดีที่ในเรื่องเลวร้ายยังเหลือเรื่องราวดีๆ ให้เขา
เด็กคนนี้อายุพอๆ กับจื่ออั๋งและสวี่เจวี๋ย นางสามารถเป็นมารดาของเขาได้ แต่เด็กคนนี้กลับเรียกนางว่าพี่สาว แต่ถ้านับญาติกันตามจริงแล้ว เว่ยฉิงเป็นพี่ชายคนโตของจ้าวจิ่งซวน การที่เขาจะเรียกถังหลี่ว่าพี่สาวย่อมไม่แปลกอะไร
“จ้าวชูควบคุมฝ่าบาทไว้แล้ว” ถังหลี่รีบเอ่ยขึ้น นั่นเป็นสิ่งที่จ้าวจิ่งซวนคาดเดาเอาไว้เช่นกัน
“ข้าอยากพาคนเข้าไปในวังเพื่อช่วยเหลือเสด็จพ่อและเสด็จแม่”
“เจ้ามีกำลังคนมากเพียงใด?” ถังหลี่ถาม
“น้อยกว่าห้าร้อย..” จิ่งซวนตอบ
จ้าวจิ่งซวนมีกำลังคนในมือน้อยเกินไป หากเขาเข้าวังไปจริงๆ คงไม่ต่างอะไรกับตั๊กแตนตำข้าวขวางรถม้า ไม่เพียงล้างแค้นไม่ได้ แม้แต่พระสนมเหลียง จ้าวจิ่งซวนก็ไม่สามารถช่วยออกมาได้ เด็กหนุ่มกล้ำกลืนฝืนทนอย่างหดหู่
“ถ้าอย่างนั้นก็บุกเข้าไป” ถังหลี่โพล่งขึ้น
จ้าวจิ่งซวนตกตะลึง ดวงตาของเขาเปล่งประกายลุกโชนด้วยไฟปรารถนา แต่เขาจะทำได้หรือ?
“จุดประสงค์ของการบุกวังหลวงก็เพื่อที่จะเบนความสนใจจากจ้าวชูเท่านั้น สามีของข้าจะเข้าไปช่วยฝ่าบาทออกมาเอง” ถังหลี่กล่าว “ตอนนี้เราจะแบ่งกองกำลังออกเป็นสองกลุ่มก่อน”
จ้าวจิ่งซวนพยักหน้ารับ เขาไม่ได้คิดฝันว่าจะประสบผลสำเร็จแบบไหน แต่จ้าวจิ่งซวนเชื่อมั่นถังหลี่ นางเป็นคนที่ช่วยเหลือเขาให้ออกมาจากเผ่าอู๋ซาน
“ข้าจะรีบรวมกำลังคนทันที” ความคับแค้นในใจของเขากำลังถูกระบายออก เมื่อถังหลี่เสนอช่องให้เขาระบายความคับแค้นใจ ทำให้จ้าวจิ่งซวนมีความสุขและตื่นเต้นมาก
จ้าวจิ่งซวนสวมชุดออกรบ เขารวบรวมกำลังคนและบุกไปในวังเพื่อภารกิจ “ช่วยเหลือฮ่องเต้จากการถูกคุมขัง”
เมื่อจ้าวชูได้ยินรายงานเรื่องนี้นอกจากเขาจะไม่ตื่นตระหนกแล้วยังดูมีความสุขเมื่อได้ยินอีกด้วย จ้าวจิ่งซวนกบดานมานานเกินไปแล้ว เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
“ในที่สุดเจ้าก็ทนไม่ไหวแล้วหรือ? ดี! ได้เวลาที่จะจับกุมพวกเจ้าแล้ว” จ้าวชูกล่าว การเคลื่อนไหวของจ้าวจิ่งซวนเหมือนกับมีคนเอาหมอนมายื่นส่งให้ในยามที่เขากำลังง่วงนอนเข้าพอดี
ทันทีที่จ้าวจิ่งซวนบุกเข้าวัง จ้าวชูจะตั้งข้อหากบฏให้เขา จากนั้นก็สังหารฮ่องเต้โจวและโยนความผิดเรื่องการลอบปลงพระชนม์ให้จ้าวจิ่งซวนเสีย ล้างบางสกุลเหลียงทั้งหมดด้วยข้อหากบฏ การขว้างหินก้อนเดียวฆ่านกได้สามตัวเข่นนี้จะทำให้บัลลังก์ของจ้าวชูมั่นคง
สวรรค์อยู่เคียงข้างเขาแล้ว!
[1] 1 เค่อ เทียบเท่า 15 นาทีตามเวลาปัจจุบัน