บทที่ 738 พระสนมเหลียงทรงตัดสินพระทัย
จ้าวจิ่งซวนเพิ่งฟื้นจากความโศกเศร้ามาได้ไม่นาน ก็ต้องมาตกใจกับข่าวที่ว่าอู่อวี้เป็นพระโอรสองค์โตของฮ่องเต้
ถ้าเช่นนั้นก็เป็นพี่ใหญ่ของเขาน่ะสิ
ไม่น่าแปลกใจว่าเหตุใดอู่อวี้จึงได้ดูเป็นมิตรและให้ความช่วยเหลือแก่เขา กลายเป็นว่าพวกเขามีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดนั่นเอง
ถ้าเช่นนั้นถังหลี่ก็นับว่าเป็นพี่สะใภ้ของเขาด้วยสิ! เช่นนี้แล้วเว่ยจื่ออั๋งและสวี่เจวี๋ยไม่ใช่หลานของเขาหรอกหรือ?
เด็กสองคนนั้นช่วยดูแลเขาทั้งที่เขามีอายุมากกว่า ทำให้เขารู้สึกเก้อเขินไม่น้อย ตอนนี้ หากเขาเรียกหลานชายเข้าวังมาเพื่อดูแลในฐานะที่เป็นอาของเด็กสองคน ก็คงไม่น่าจะมีใครติฉินนินทาใช่หรือไม่?
ฮ่องเต้พระองค์ก่อนสิ้นพระชนม์ลง ฮ่องเต้พระองค์ใหม่เสด็จขึ้นครองราชย์ มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องทำในช่วงนี้ จ้าวจิ่งซวนจึงได้พำนักอยู่ในตำหนักบูรพาและยังดำรงพระอิสริยยศเป็นองค์รัชทายาทไปก่อน
เมื่อพระราชพิธีฝังพระบรมศพของฮ่องเต้เสร็จสิ้นลง องค์รัชทายาทจะขึ้นครองราชย์ตามฤกษ์ยามที่โหรหลวงดูเอาไว้
จ้าวจิ่งซวนต้องเป็นคนดูแลพระราชพิธีฝังพระบรมศพ ส่วนเรื่องของราชสำนักเป็นหน้าที่ของผู้สำเร็จราชการทำหน้าที่แทน ราชสำนักที่ปั่นป่วนแต่เดิมจึงค่อยๆ มั่นคงมากขึ้น
ปัจจุบันในราชสำนักมีตำแหน่งว่างหลายตำแหน่งและยังหาใครมาแทนไม่ได้ ต้องใช้เวลาในการคัดเลือกขุนนางผู้มีความสามารถจึงยังกลับคืนสู่สภาพเดิมไม่ได้ง่ายนัก สถานการณ์ที่ล่อแหลมเช่นนี้ทำให้ตกเป็นที่จับจ้องของแคว้นฉู่และแคว้นฉี ที่อยากฉวยโอกาสเข้ามากลืนกินต้าโจว แต่ก็ได้ระงับความคิดเอาไว้ชั่วคราว
มีข่าวลือแพร่ออกมาว่าผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์มีอำนาจและความทะเยอทะยานเป็นอย่างมาก จนอาจจะทำให้องค์ชายรัชทายาทไม่สามารถเสด็จขึ้นครองราชย์ได้ ในไม่ช้าคำร่ำลือนี้ก็ไปถึงหูของคนสกุลเหลียง พวกเขาเกิดความไม่สบายใจ และความสงสัยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
พระสนมเหลียงยังคงอยู่ในพระตำหนักเดิม เมื่อทรงเบื่อหน่ายมากขึ้นจึงได้เริ่มปลูกต้นไม้ดอกไม้เพื่อผ่อนคลายพระทัย
เหลียงซูผู้มีหน้าที่ผิดชอบของสกุลเหลียงได้ขอเข้าเฝ้าพระสนมเหลียงด้วยสีหน้าหวาดวิตก ส่วนน้องชายอีกคนยังมีภาระอยู่ที่ชายแดน การดูแลเรื่องของสกุลเหลียงจึงตกเป็นหน้าที่รับผิดชอบของเขา
“ท่านได้รับรู้ข่าวลือเรื่องภายนอกหรือไม่?” เขาพูดพลางขมวดคิ้ว
“ข่าวลืออะไรหรือ?” พระสนมเหลียงเหลือบมองเขา
“ว่ากันว่า ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์อาจจะขึ้นเป็นฮ่องเต้เสียเอง โดยไม่สนใจสถานะขององค์รัชทายาท” เหลียงซูกล่าว
พระสนมเหลียงทรงมีใบหน้าเคร่งขรึม
“ใครเป็นคนพูด?”
“มีหลายคน…” เขาเม้มริมฝีปากเอ่ยต่อว่า
“พระสนม ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เป็นผู้ควบคุมราชสำนัก หากองค์รัชทายาทขึ้นครองราชย์แล้ว ผู้สำเร็จราชการจะคืนอำนาจให้องค์รัชทายาทหรือ?”
พระสนมเหลียงทรงขมวดคิ้ว “หากไม่ใช่เพราะผู้สำเร็จราชการ แผ่นดินนี้คงถูกคนทรยศแย่งชิงไปเนานแล้ว”
“พระสนม กระหม่อมทราบดีว่าท่านผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์มีส่วนช่วยเหลืออย่างมากในการสังหารผู้ทรยศ แต่บางทีเขาอาจจะทำไปเพื่อตัวเขาเองก็เป็นได้ ไม่เช่นนั้นแล้วเขาจะมีอำนาจล้นมือถึงเพียงนี้ได้อย่างไร?” เหลียงซูยังคิดเข้าข้างคนสกุลเหลียง
ความคาดหวังของคนสกุลเหลียงฝากไว้ที่องค์ชายหก เขากลายเป็นองค์รัชทายาทและอยู่ห่างจากบัลลังก์เพียงแค่ก้าวเดียว หากผู้สำเร็จราชการควบคุมราชสำนักได้อย่างเบ็ดเสร็จ ต่อให้องค์ชายหกขึ้นครองราชย์ เขาจะกลายเป็นแค่หุ่นเชิด และสกุลเหลียงย่อมถูกโค่นล้มลงอย่างแน่นอน
เหลียงซูคิดว่าทุกคนล้วนฝักใฝ่แต่อำนาจ แม้กระทั่งผู้สำเร็จราชการเองก็คงเป็นเช่นนั้น ยากที่เขาจะไม่หลงใหลและทิ้งอำนาจในมือของตนไป
“พระสนม ตอนนี้อำนาจทางทหารถูกแบ่งออกเป็นสามส่วน เป็นของสกุลเหลียงแค่เพียงส่วนเดียว ท่านแม่ทัพกู้เป็นพ่อตาของผู้สำเร็จราชการ ท่านแม่ทัพเฉามีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับเขาเช่นกัน หากท่านผู้สำเร็จราชการไม่คิดจะคืนอำนาจให้ สกุลเหลียงจะไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลย” พระสนมเหลียงทอดพระเนตรไปยังเขา
“ถ้าเป็นเช่นนั้น เจ้าจะทำอะไรได้หรือ?”
เหลียงซูตกตะลึง เขากังวลเรื่องนี้มากจนถึงกับต้องมาขอแนะนำจากพระสนม พระนางจะไม่ทราบได้อย่างไรว่าเขาคิดเช่นไร?
ผู้คนล้วนมีความเห็นแก่ตัวเป็นที่ตั้ง ต่อให้ผู้สำเร็จราชการจะมีพระคุณในการช่วยชีวิต แต่หากมีข้อขัดแย้งในเรื่องอำนาจเกิดขึ้น บุญคุณย่อมถูกละเลยทิ้งไปได้เป็นธรรมดา
หากมีคนทั่วไปได้มายินคำพูดเช่นนี้ พวกเขาคงจะถูกชักจูงจิตใจให้คล้อยตามไปได้อย่างง่ายดาย และจะถือว่าผู้สำเร็จราชการเป็นศัตรู แต่พระสนมเหลียงมีจิตใจที่มั่นคงชัดเจน แม้มีใจคิดอยากจะสู้ขึ้นมา จะเอาชนะผู้สำเร็จราชการได้หรือ?
ถ้าหากเขาต้องการบัลลังก์ขึ้นมาจริงๆ สกุลเหลียงจะขัดขวางเขาได้อย่างไร?
“ถ้าไม่มีทางเลือกอื่นก็สู้ปล่อยไปตามโชคชะตาเถิด ของที่เป็นของเราย่อมเป็นของเราอยู่แต่เดิม ถ้าหากไม่ใช่ก็ย่อมไม่ใช่ …ถ้าไม่เป็นเพราะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตอนนี้ต้าโจวคงสับสนอลหม่านวุ่นวายเป็นแน่ เขามีส่วนช่วยเหลือแผ่นดินนี้ให้รอดพ้นจากวิกฤติ ต่อให้เขาต้องการเป็นฮ่องเต้ก็ไม่ได้มีความผิดแม้แต่น้อย”
แม้ว่านางจะเป็นคนสกุลเหลียง แต่นางกลับมีดำริคิดอ่านแตกต่างออกไป สกุลเหลียงต้องการอำนาจ แต่นางต้องการความมั่นคงปลอดภัยของตนเองและบุตรชาย วิธีเดียวที่จะสมหวังดั่งใจคือการผลักดันให้จ้าวจิ่งซวนขึ้นครองบัลลังก์ นางคงไม่อยากให้เขาเป็นแค่ฮ่องเต้หุ่นเชิดหรอก
ทว่าถังหลี่ได้ช่วยชีวิตจ้าวจิ่งซวนเอาไว้ ส่วนผู้สำเร็จราชการได้ปราบกบฏในวังหลวง เท่ากับได้ช่วยพระนางและพระโอรสเอาไว้เช่นกัน แม้พระสนมเหลียงจะไม่ได้ทรงมีความจำที่ดีนัก แต่พระองค์ทรงจำเรื่องหนึ่งได้ขึ้นใจ
เมื่อพระนางเข้ามาในวังหลวงครั้งแรก นางได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้ พระสนมมากมายในเวลานั้นไม่มีใครชอบพอพระนางเลยแม้แต่คนเดียว พระสนมเหล่านั้นหาวิธีกลั่นแกล้งให้พระนางคุกเข่าแช่อยู่ในน้ำแข็งและหิมะจนหนาวเย็น
ในเวลานั้นนางจึงตระหนักได้ว่าตนเองเป็นเช่นมดปลวกที่ต่ำต้อยในวังหลวงที่ใหญ่โตโอ่อ่าเช่นนี้ พระสนมที่ใจคออำมหิตล้วนบดขยี้นางจนตายได้ อากาศหนาวมาก ขาของพระสนมเหลียงแข็งทื่อ ใกล้จะพลบค่ำแล้ว นางหวาดกลัวเหลือเกิน สตรีผู้หนึ่งท่าทางอ่อนโยนเป็นผู้พยุงนางขึ้น พากลับตำหนัก อุ่นขาให้นางจนหายเหน็บหนาว
ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เป็นพระโอรสของสตรีผู้นั้น
แม้วังหลวงจะไร้ซึ่งเมตตา แต่สตรีผู้นั้นกลับแสดงออกถึงพระเมตตาอย่างใหญ่หลวง นางจะไม่มีวันแทงข้างหลังผู้มีพระคุณของตน
นอกจากนี้พระสนมเหลียงยังมีความคิดว่าผู้สำเร็จราชการเป็นคนตรงไปตรงมาแตกต่างจากผู้อื่น หากได้เอ่ยปากว่าไม่ต้องการเป็นฮ่องเต้ย่อมเป็นไปตามนั้น เขาหาใช่คนหน้าซื่อใจคด ปากพูดอย่าง ใจคิดอีกอย่าง
ในเวลานี้นางย่อมปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามครรลอง หากเขาต้องการเป็นฮ่องเต้ก็ปล่อยให้เขาเป็นไป หากเขาไม่ต้องการก็ปล่อยให้จ้าวจิ่งซวนเป็น นางไม่อยากกังวลวุ่นวายใจกับการคิดวางแผนให้ใหญ่โต นางแค่อยากใช้ชีวิตไปอย่างเรียบเรื่อย ปลอดภัยและสงบสุข
“พระสนม…” เหลียงซูยังอยากหว่านล้อมต่อ
“ขอโทษเถิด ผู้อ่อนอาวุโสในสกุลเหลียงยังต้องพึ่งเจ้าเพื่อนำพาสกุลเหลียงให้เจริญรุ่งเรืองสืบไป แทนที่จะมาคิดถึงเรื่องนี้สู้ไปคิดเรื่องอื่นเสียจะดีกว่า หากต่อไปเจ้าต้องการพบข้าเพื่อพูดเรื่องนี้อีก ข้าจะไม่อนุญาตให้เข้าพบ” พระสนมเหลียงตรัสด้วยท่าทีจริงจัง เหลียงซูจึงได้แต่รับคำเท่านั้น
“พะย่ะค่ะ”
“อย่าได้ถูกผู้อื่นใช้เป็นเครื่องมือยุยงให้ต่อต้านท่านผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เจ้าจะกลายเป็นเครื่องมือให้คนเหล่านั้น ข้าและองค์ชายหกต่างมีความเชื่อใจในผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เช่นนั้นแล้วสกุลเหลียงย่อมมีความเชื่อใจเช่นเดียวกับข้า” พระสนมเหลียงเอ่ยวาจาตักเตือนอีกครั้ง
เหลียงซูตอบรับและถอยกลับไป
พระสนมเหลียงทอดมองแผ่นหลังของเขา จากนั้นจึงได้เบนสายพระเนตรหันไปสนพระทัยรดน้ำดอกไม้ต่อไป