บทที่ 767 จุดจบของจิงอ๋อง
ไม่กี่วันต่อมา
จิงอ๋องถูกพาออกจากห้องขังไปอยู่ในห้องขังรวม นักโทษในห้องขังนี้เป็นอาชญากรคดีร้ายแรง ทุกคนโหดเหี้ยมและชั่วร้าย พวกเขาหิวโหย คุกแห่งนี้ขึ้นชื่อว่าป่าเถื่อนมาก
ความเป็นเชื้อพระวงศ์ของจิงอ๋องไม่มีประโยชน์อะไรเลย
อายุที่มากทำให้ร่างกายของเขาอ่อนแอขาดกำลังที่จะต่อสู้ เขากลายเป็นมดปลวกที่ใครๆ ก็รุมรังแกได้ตลอดเวลา เขาขาดน้ำ ขาดอาหาร หลังจากถูกซ้อมหลายครั้งก็ยิ่งอ่อนแอลงทุกที จิงอ๋องไม่อยากตาย ยามที่เขาหิวมากขึ้นก็จะขุดดินจากกำแพงมากินเพื่อสนองความหิวของตัวเอง
ในตอนนี้จิงอ๋องเข้าใจแล้วว่าตัวเองไปเหยียบเท้าใครบางคนเข้า อีกฝ่ายจึงทำให้ชีวิตของเขาเลวร้ายยิ่งกว่าความตายเช่นนี้
ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์หรือ
แต่เด็กสาวที่อ่อนแอเช่นนั้นจะไปเกี่ยวข้องกับผู้มีสถานะสูงส่งได้อย่างไร คนที่อยู่เบื้องหลังนางไม่ใช่แค่สกุลตู้หรอกหรือ? จิงอ๋องไม่ได้ใส่ใจกับสกุลตู้นัก เขาจึงกล้าที่จะทำเรื่องเลวร้าย แต่ใครจะรู้….
เขาเสียใจเหลือเกินที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับนาง แต่ก็สายเกินไปเสียแล้ว!
คำตัดสินของจิงอ๋องถูกประกาศออกมาว่า อีกหนึ่งเดือนข้างหน้าเขาจะต้องถูกประหารชีวิต แต่ดูเหมือนว่าเขาจะอยู่ไม่ถึงวันนั้น หลังจากที่หิวโหยมาหลายวัน เขาถูกนักโทษหลายคนเปลื้องเสื้อผ้าออกแล้วยืนถ่ายปัสสาวะใส่เขา ช่วงนี้เป็นฤดูหนาวจิงอ๋องซุกตัวอยู่ในมุมห้อง ร่างกายหนาวสั่นเป็นไข้
ทันใดนั้น ในความพร่าเลือนราวกับตกอยู่ในโลกน้ำแข็งที่หนาวเหน็บ มีใครบางคนเดินเข้ามา เขาจึงเอ่ยปากร้องขอความเมตตา
เมื่อคนผู้นั้นเข้ามาใกล้ จิงอ๋องก็รู้สึกถึงความผิดปกติ แม้ผู้ที่เดินเข้ามาจะไม่ได้หน้าตาน่ากลัว แต่จิงอ๋องกลับขนลุก ไม่ว่าเขาจะขอความช่วยเหลืออย่างไร คนผู้นั้นได้แต่ยืนมองเขาอยู่เช่นนั้น ไม่นานก็มีผู้คนเพิ่มมากขึ้น พวกเขาพากันเข้ามารุมล้อม จนกระทั่งจิงอ๋องพบกับร่างที่คุ้นเคย เขาจึงเข้าใจแล้วว่าคนเหล่านั้นคือเซียนโหรวและผู้คนที่ถูกเขาฆ่าทั้งหมด!
เขารู้สึกตัวอีกครั้ง คนเหล่านั้นเริ่มเลือดไหลออกมาจากปาก ใบหน้าบิดเบี้ยวดูน่ากลัว พวกเขาพุ่งเข้ามาหาจิงอ๋อง เขาพยายามที่จะวิ่งหนี แต่มือเท้าของเขาถูกคว้าไว้ กรงเล็บที่แหลมคมพุ่งเข้ามาฉีกกระชากร่างของเขาให้ขาดออกจากกัน
…..
เช้าวันรุ่งขึ้น จิงอ๋องถูกพบว่าเสียชีวิตในมุมหนึ่งของห้องขัง เขาตัวแข็งทื่อ คาดเดาว่าคงหนาวจนแข็งตาย บนร่างกายมีรอยฟกช้ำมากมาย คงเกิดจากการดิ้นรนเอาชีวิตรอดจากสภาพอากาศที่หนาวเหน็บ
…..
ตู้เว่ยได้ยินข่าวการตายของจิงอ๋อง นางตัดสินใจเดินทางมายังหลุมฝังศพของบิดามารดาของตน เด็กสาวคุกเข่าลงบนพื้น ฮูหยินตู้และนายท่านตู้ยอมให้นางย้ายกระดูกของมารดาออกมาจากสุสานสกุลตู้ เหตุผลแรกคือมารดาของนางไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับสกุลตู้ การที่กระดูกของนางถูกฝังในสุสานเป็นการไม่ยุติธรรมกับสกุลตู้เลย ประการที่สอง ยามมีชีวิตอยู่บิดามารดาของนางไม่อาจอยู่ร่วมกันได้ นางจึงหวังว่าอย่างน้อยในโลกหลังความตายพวกเขาจะได้อยู่ด้วยกัน ดังนั้นเมื่อได้ยินข่าวของจิงอ๋องใบหน้าของตู้เว่ยประดับไปด้วยรอยยิ้มทันที
ท่านพ่อ ท่านแม่ ได้ยินหรือไม่?
ตอนนี้คนที่ทำร้ายพวกท่านได้รับกรรมที่ก่อแล้ว พวกท่านจะได้ไปสู่สุขคติ…
ตู้เว่ยเหมือนได้เห็นบิดาและมารดากอดกันอย่างมีความสุข พวกเขามองมาที่นางด้วยรอยยิ้ม ตู้เว่ยดีใจมาก แต่ในพริบตาร่างทั้งสองก็เลือนหายไปราวกับเป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น
“เสี่ยวเว่ย กลับกันเถอะ” เสียงของตู้เยี่ยนดังขึ้นที่ด้านหลัง เด็กสาวหันกลับไปมอง ที่ด้านหลังไม่ได้มีเพียงตู้เยี่ยนเท่านั้นแต่ยังมีฮูหยินตู้และนายท่านตู้จางอีกด้วย ตู้จางสุขภาพไม่ดีนัก เขาสวมเสื้อตัวหนา ใบหน้าซีดเซียวสีหน้าเรียบนิ่ง
ที่ผ่านมาตู้เว่ยคิดว่าบิดาไม่ได้สนใจนาง ทำให้นางเสียใจมาก แต่หลังจากที่รู้ความจริง นางจึงสำนึกได้ว่าสกุลตู้ดีกับนางมากเพียงใด การที่สกุลตู้ปกป้องนางเอาไว้ คือน้ำใจอันยิ่งใหญ่ที่สุด
ตู้เว่ยส่งยิ้มพยักหน้าให้พวกเขา เด็กสาวลุกขึ้นโดยมีตู้เยี่ยนช่วยประคอง
“เสี่ยวเว่ย ไม่ว่าบิดามารดาเจ้าจะเป็นใคร พวกเราคือครอบครัวเดียวกันนะ” ตู้เยี่ยนพูดขึ้น
ตอนที่ตู้เว่ยเกิด ตู้เยี่ยนอายุสามขวบ นางรักน้องสาวคนนี้มาก ชอบหยอกล้อน้องสาวเสมอ หลังจากรู้ที่มาที่ไปของตู้เว่ย นางก็ยังคงรักไม่มีเปลี่ยนแปลง แต่นางเชื่อฟังคำสั่งของมารดาว่าไม่ควรจะให้ความสนิทสนมกับน้องสาวมากเกินไป มารดาของนางกล่าวว่าเสี่ยวเว่ยควรเป็นบุตรสาวคนรองที่ถูกทอดทิ้งเท่านั้น ด้วยวิธีนี้จึงจะสามารถปกป้องตู้เว่ยได้ เพราะสิ่งที่มารดากลัวมากที่สุดก็คือ หากวันใดที่จิงอ๋องออกมาจากสุสานหลวง เขาจะสังเกตเห็นตู้เว่ยนั่นเอง
ตอนนี้เรื่องราวได้คลี่คลายลง คนเลวร้ายอย่างจิงอ๋องตายไปแล้ว ในที่สุดพวกเขาก็ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป
ตู้เว่ยพยักหน้ารับ จับมือกับพี่สาว พวกเขายังเป็นครอบครัวเดียวกันเสมอ
…..
เมื่อคิดถึงอาการพูดไม่ได้ของตู้เว่ย ถังหลี่จึงถามเว่ยจื่ออี้ว่าเขาอยากให้หมอซูตรวจดูนางสักหน่อยหรือไม่? เด็กหนุ่มคิดถึงเรื่องนี้เช่นกัน จึงตัดสินใจคุยกับตู้เว่ย
“หมอซูเป็นหมอที่เก่งมาก เขารักษาอาการป่วยของผู้คนมามากมาย ทั้งภรรยาของเขาเอง ท่านลุงของข้า รวมถึงไทเฮาด้วย ..เว่ยอวี๋ เจ้าอยากให้หมอซูลองตรวจอาการเจ้าดูบ้างหรือไม่?” เว่ยจื่ออี้ถาม
ก่อนหน้านี้ตู้เว่ยจะอ่อนไหวกับเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง แต่เว่ยจื่ออี้ไม่เคยรังเกียจที่นางเป็นใบ้ นางจึงโล่งใจมาก
บนโลกใบนี้ยังมีคนที่สนใจความรู้สึกของนาง แม้ว่านางจะบกพร่องแต่เขาก็ไม่ใส่ใจ เขาไม่ได้สนใจว่านางจะพูดไม่ได้ด้วยซ้ำ
แต่นางรู้ว่าเว่ยจื่ออี้ถามเรื่องนี้เพราะอยากรู้ความเห็นจากตู้เว่ย ว่าอยากจะรักษาอาการป่วยของตัวเองหรือไม่?
ที่จริงแล้วตู้เว่ยเองยังคงมีความหวังว่า สักวันหนึ่งนางจะเรียกชื่อของเว่ยจื่ออี้ได้ ตู้เว่ยจึงตอบตกลง
แม้โรงหมอที่หมอซูและฮูหยินซูเปิดจะไม่ได้อยู่ในตัวเมือง ก็ยังมีคนไปหาไม่ขาดสาย ดังนั้นเมื่อเว่ยจื่ออี้พาตู้เว่ยไป นางจึงได้ยินเสียงพูดคุยกันว่าหมอซูเก่งมากเพียงใด ทั้งยังจิตใจดี บางทีขอทานก็ได้รับการรักษาโดยไม่คิดเงิน ตู้เว่ยอดที่จะคาดหวังตามเสียงร่ำลือไม่ได้
เมื่อหมอซูเห็นเว่ยจื่ออี้ เขาก็ยิ้มออกมา
“นางคือคุณหนูตู้หรือ?” หมอซูถาม แสดงว่าเขารู้เรื่องจากถังหลี่แล้ว ตู้เว่ยพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม นางพินิจดูหมอซู แม้เขาจะมีหน้าตาธรรมดาแต่บรรยากาศรอบตัวดูอ่อนโยน สุขุม น่าเชื่อถือ
หมอซูตรวจตู้เว่ยอย่างระมัดระวัง เขาจับชีพจรและตรวจดูคอของเด็กสาว หลังจากที่ครุ่นคิดเล็กน้อยก็ได้ผลวินิจฉัยว่า
“อาการป่วยของคุณหนูอยู่ตรงนี้” หมอซูชี้ไปที่ตำแหน่งลำคอและอธิบายอย่างละเอียดถึงหลักการในการเปล่งเสียงและสาเหตุที่นางพูดไม่ได้ ตู้เว่ยตั้งใจฟังคำพูดของหมอซู
นางเคยพบหมอมาหลายคนทุกคนล้วนยกสาเหตุแปลกๆ ขึ้นมาพูด แต่ไม่มีหมอคนไหนเลยที่จะรอบคอบและดูน่าเชื่อถือเท่านี้ ตู้เว่ยมีความสุขจนไม่สามารถอธิบายได้
หมอซูอาจจะรักษาโรคของนางได้จริงๆ
“หมอซู รักษาได้หรือไม่?” เว่ยจื่ออี้ถาม
“ไม่ยากหรอกนะ แต่ต้องใช้มีดผ่าเปิดตรงนี้” หมอซูว่า การรักษาเช่นนี้ฟังดูแล้วอันตรายไม่น้อย ผู้ป่วยจำนวนมากจึงปฏิเสธการรักษาเมื่อได้ยินว่าต้องผ่าตัด แต่หมอซูศึกษาเรื่องนี้มานาน ถังหลี่ก็ให้การสนับสนุนและคำแนะนำ เช่น ความจำเป็นในการฆ่าเชื้อก่อนการผ่าตัด ทำให้หมอซูเชี่ยวชาญมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามทุกอย่างย่อมเป็นไปตามความประสงค์ของคนไข้
“คุณหนูตู้ คิดให้รอบคอบก่อนไม่ต้องรีบตัดสินใจนะ” หมอซูกล่าวอย่างอ่อนโยน ตู้เว่ยพยักหน้าให้กับหมอซู นางยินดีที่จะรักษา หมอคนนี้เป็นผู้อาวุโสที่เว่ยจื่ออี้ไว้วางใจ นางจึงมีความเชื่อมั่นในตัวเขา